อย่างที่เราทราบกันดีว่า ปีที่ผ่านมา สิ่งที่กระทบทั่วโลกคือ supply chain ซึ่งในส่วนของ 5G ก็ได้รับผลกระทบไปด้วย และต่อเนื่องมาถึงปี 2022 โดยมีรายงานจาก ABI Research ที่ยืนยันเรื่องนี้ว่า ปีนี้หลายๆ อย่างอาจจะไม่ปัง เนื่องจากปัญหา supply chain
และเนื่องจากเรื่อง รัฐบาลสหรัฐ กับผู้ผลิตของจีน อย่างเรื่อง Huawei ที่เราทราบข่าวกันดี กลายเป็นว่า เวนเดอร์ฝั่งตะวันตกเองก็เข้าถึงผู้ผลิตชิ้นส่วน 5G ของจีนไม่ได้ ซึ่งกลายเป็นเรื่องที่กระทบการผลิตในปี 2022
และยิ่งไปกว่านั้น ชิ้นส่วน semiconductor นั้นขาดแคลนอย่างต่อเนื่อง เป็นผลจากผู้ผลิตจีนด้วย ซึ่งเราก็รู้กันดีว่า Huawei และ ZTE เผชิญกับการขาดแคลนชิ้นส่วนสำหรับผลิตภัณฑ์เรือธง ก็คือ เสาอากาศ MIMO บนมือถือสมาร์ทโฟน เป็นผลมาจากการชะลอการซื้อของตลาดนอกประเทศจีน และการสั่งของจากโอเปอร์เรเตอร์ China Mobile, China Telecom และ China Unicom
Huawei, ZTE และเวนเดอร์จีนมีการลงทุนเพื่อพัฒนา “6G” เรียบร้อยแล้ว และกำลังรุกหนักในปี 2022 นั่นหมายความว่า 6G จะมีลิขสิทธิ์ หรือ Intellectual Property Rights (IPR) โดยจีน อาจจะส่งผลต่อมาตรฐานเทคโนโลยี หากเวนเดอร์จีนเอาคืนโดยการ "แบน" ตลาดอินเตอร์ (นอกจีน) ในอนาคต
หากมองตลาด 5G enterprise จีนคือยักษ์ใหญ่ตลาด 5G consumer ของโลก มีการเชื่อมต่อ 5G กว่า 400 ล้านอุปกรณ์ และกำลังพัฒนา enterprise 5G ที่มีโอกาสมากกว่าตลาด Consumer และในปัจจุบัน แอพพลิเคชั่น 5G ได้รับการพัฒนากว่า 20 อุตสาหกรรม โดยเน้นการผลิต พลังงาน สาธารณสุข (healthcare) การท่องเที่ยว และเกษตรกรรม
สิ่งที่น่าสนใจคือ แม้จะมีการขาดแคลนชิ้นส่วน ซึ่งกระทบกับ 5G ในปีนี้ กลยุทธ์การใช้คลื่นของจีน การนำคลื่น 6 GHz มาใช้กับ 5G อาจจะทำให้แตกต่างจากสหรัฐ มีการจัดสรร Wi-Fi และใช้เทคโนโลยีอื่นช่วย โดยเราทราบกันดีว่า การพัฒนา 5G ในจีนเติบโตเป็นอย่างมาก และถ้าจะไม่ง้อนอกประเทศเลยก็ยังทำได้ แต่เรื่องคลื่นก็ยังสำคัญ
คลื่น 6 GHz น่าจับตากับการใช้งานครอบคลุมพื้นที่ห่างไกล เช่นเดียวกับคลื่น 3.5 GHz เปิดโอกาสให้อนาคตของ enterprise นั้นมีทางเลือกมากขึ้น
โอเปอเรเตอร์ในจีน ได้ติดตั้งสถานีฐาน 5G ไปแล้วกว่า 1.3 ล้านแห่ง โดยรองรับการใช้งาน 70% ของประชากร และเครือข่าย 5G ครอบคลุมพื้นที่ห่างไกล เรียกได้เต็มปากว่า 5G ครอบคลุม 97% ของเมือง และ 40% ของภูมิภาค โดยผู้ให้บริการในจีน มีผู้ใช้งาน 35.16 ล้านราย ในเดือนพฤศจิกายน ปีที่ผ่านมา
แต่สำหรับ 5G ไม่ได้มีผลกระทบเพียงแต่เรื่องชิปเซ็ต 5G บนสมาร์ทโฟนเท่านั้น แต่เรื่อง supply chain ของ 5G นั้นมีผลต่อทุกวงการ ไม่เหมือนกับ 4G กล่าวคือ 5G มีบทบาทกับ Smart Inventory การจัดการ warehouse ความต้องการเรื่องความเร็วและ low latency ซึ่งใช้ประโยชน์จาก 5G เข้ามาช่วย รวมไปถึงการลดต้นทุน การประหยัดพลังงาน low-cost energy บนอุปกรณ์ IoT ต่างๆ และอุปกรณ์อัตโนมัติต่างๆ เรื่องความแม่นยำสูง การ tracking GPS ที่แม่นยำมากยิ่งขึ้น
ใน warehouse นั้น 5G ช่วยรองรับระบบ smart inventory การสั่งงานผ่านรีโมทระยะไกล อุปกรณ์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ รวมไปถึง AR VR ที่ใช้ข้อดีของ 5G มาช่วยรีโมท ลดปัญหา และแก้ไขปัญหาข้อจำกัดต่างๆ ซึ่งเมื่อเกิดปัญหากับ Supply Chain จึงส่งผลต่อหลากหลายวงการ ไม่ใช่แค่ชิปบนสมาร์ทโฟนเท่านั้น
