ตามที่ศูนย์วิจัยเทเลนอร์ได้คาดการณ์ 5 ความก้าวหน้าสำคัญทางเทคโนโลยีของโลก ท่ามกลางเมกะเทรนด์สำคัญอย่ 2573 โลกได้ส่งสัญญาณถึงภาวะโลกร้างการเปลี่ยนผ่านสู่โลกสีเขียว เทเลนอร์จึงมีความมุ่งมั่นที่ จะก้าวไปสู่ความเป็นกลางทางคาร์ บอนสำหรับการดำเนินธุรกิจในยุ โรปภายในปี อนรุนแรง และกำลังเผชิญภาวะการเสื่ อมถอยทางสิ่งแวดล้อมอย่างรุนแรง อันเป็นผลสืบเนื่องมาจากการใช้ ทรัพยากรธรรมชาติอย่างสิ้นเปลื อง ส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ต่ อความหลากหลายทางชีวภาพ เมืองชายฝั่งทะเลกำลั งจมหายไปเร็วกว่าที่คาด ซึ่งรวมถึงกรุงเทพมหานครด้วย ขณะที่การทำเกษตรเป็นไปอย่ างยากลำบากมากขึ้นอันเนื่ องมาจากความแปรปรวนของสภาพอากาศ ส่งผลกระทบต่อความมั่ นคงทางอาหาร
คริสเตียน ฮอลล์ ผู้อำนวยการด้านสภาพภูมิ
อากาศและสิ่งแวดล้อมของเทเลนอร์ กล่าวว่า “ภาวะโลกร้อนไม่ใช่ปัญหาที่ค่อยเกิดขึ้น แต่เป็นปัญหาที่กำลังรอวันปะทุ เราเริ่มเห็นจุดเปลี่ ยนของธรรมชาติหลายประการส่งสั ญญาณถึงจุดเปลี่ยนสำคั ญของภาวะโลกร้อน เช่น การละลายของทวีปอาร์คติกที่ ทำให้เกิดการปล่อยก๊าซมีเทนสู่ ชั้นบรรยากาศมากขึ้น ทั้งนี้ เทเลนอร์นั้นเป็นผู้ถือหุ้ นรายสำคัญของดีแทคและมอบคำปรึ กษาในฐานะผู้เชี่ ยวชาญหลากหลายด้าน รวมถึงประเด็นด้านสิ่งแวดล้ อมและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิ อากาศด้วย”
กระดุมเม็ดแรกสู่ข้อตกลงปารีส
ในปี 2558 สมาชิกแห่งสหประชาชาติจำนวน 196 ประเทศได้ร่วมกันประกาศสัตยาบั
นบรรลุข้อตกลงครั้งประวัติ ศาสตร์เพื่อยับยั้งการเปลี่ ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ โดยมีเป้าหมายในการรักษาอุณหภู มิเฉลี่ยของโลกให้ต่ำกว่า 2 องศาเซลเซียส หรือ 1.5 องศาเซลเซียสหากเป็นไปได้ เมื่อเทียบกับยุคก่อนปฏิวัติอุ ตสาหกรรม
“เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ท้
าทายดังกล่าว นานาประเทศต่างมีความจำเป็ นในการยื่นแผนที่นำไปสู่การปฏิ บัติที่เป็นรูปธรรม เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ในส่วนของกลุ่มประเทศนอร์ดิก (ซึ่งรวมถึงประเทศเดนมาร์ก ฟินแลนด์ ไอซ์แลนด์ นอร์เวย์ และสวีเดน) ได้ร่วมกันกำหนดเป้าหมายอย่ างเข้มข้นในการลดปริมาณการปล่ อยก๊าซเรือนกระจกให้ได้ 40 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับปี 2533 ภายในปี 2573 และเพื่อตอบสนองต่อนโยบายรัฐดั งกล่าวในฐานะองค์กรที่มีความรั บผิดชอบต่อสังคม เทเลนอร์ได้ตั้งเป้ าหมายลดการปล่อยก๊าซเรื อนกระจกรวมกันทุกตลาดให้ได้ 57 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับปี 2533 ภายในปี 2573” คริสเตียนกล่าว
ทั้งนี้ เพื่อเป้าหมายที่ตั้งไว้สัมฤทธิ์ผลและติดตามความคืบหน้าให้ Scientific Based Targets Initiative (SBTi) ในการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรืสอดคล้องกับเป้าหมายตามข้ อตกลงปารีส เทเลนอร์จึงได้ใช้เป้าหมายซึ่ งกำหนดโดย อนกระจกตามฐานวิทยาศาสตร์
เป้าหมายที่ท้าทาย
เทเลนอร์ เป็นกลุ่มผู้ให้บริ
การโทรคมนาคมซึ่งให้บริการใน 9 ตลาดทั่วโลก ครอบคลุมภูมิภาคนอร์ดิกและเอเชี ย อย่างไรก็ตาม ด้วยบริบททางสังคม เศรษฐกิจ และการเมืองที่แตกต่างกัน ทำให้ทั้งสองภูมิภาคมีความท้ าทายทางด้านการจัดการสิ่งแวดล้ อมที่แตกต่างกัน รวมถึงจุดตั้งต้นและเป้าหมายที่ ต่างกัน
“ในกลุ่มประเทศนอร์ดิก เทเลนอร์มีความพยายามอย่างยิ่
งในการลดการปล่อยก๊าซเรื 2573 โดนมุ่งเน้นที่ประสิทธิอนกระจกให้เป็นกลางทางคาร์ บอนภายในปี ภาพการใช้พลังงานในส่ วนของโครงข่าย เพิ่มสัดส่วนการบริโภคพลั งงานสะอาด รวมถึงการใช้บริการอื่นๆ ที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรื อนกระจก ในส่วนของตลาดเอเชียนั้น ได้ตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซเรื อนกระจกลงครึ่งหนึ่งในปี 2573 โดยโฟกัสที่การเปลี่ยนพลังงานดี เซลเป็นการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ บริเวณเสาสัญญาณ ตลอดจนสนับสนุนการใช้พลั งงานทางเลือกตลอดทั้งซั พพลายเชนของการดำเนินธุรกิจ เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม และพลังงานจากน้ำ” คริสเตียนอธิบาย
ด้
วยความพยายามในการลดผลกระทบทางสิ่ Power Purchase Agreement หรือ PPA) มาใช้เพื่อเป็นส่วนหนึ่งแวดล้อมจากการใช้พลังงาน บริษัทชั้นนำต่างๆ ทั่วโลก รวมทั้งเทเลนอร์เอง มีแผนจะนำระบบสัญญาซื้อขายพลั งงานทางเลือกล่วงหน้า ( งในการลดการปล่อยก๊าซเรื PPA นั้นคือข้อตกลงการซื้อขายพลัอนกระจกจากการใช้พลังงานไฟฟ้ าจากถ่านหินในระยะยาว โดย งงานหมุนเวียนในระยะยาวในปริ มาณและราคาที่ตกลงไว้ ซึ่งสมดุลกับความต้องการของทั้ งผู้ผลิตและผู้บริโภค
อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานทางเลื
อกนั้นยังมีความท้าทายอยู่มาก เนื่องจากพลังงานฟอสซิลอย่างถ่ PPA ต้องอาศัยการขับเคลื่อนเชิานหิน น้ำมัน และก๊าซธรรมชาติ นั้นยังเป็นแหล่งพลังงานสำคั ญของภูมิภาคเอเชีย ขณะที่ในประเทศไทยนั้น ระบบ งนโยบายจากภาครัฐเป็นสำคัญ
“การมีระบบการทำสัญญาซื้อขายล่
วงหน้าหรือ PPA ถือเป็นกระบวนการสำคัญที่ทำให้ภาคเอกชนช่วยลดการปล่อยก๊าซเรื G ซึ่งอาจมีความต้องการใช้พลัอนกระจกอย่างเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเปลี่ ยนผ่านสู่ยุค 5 งงานไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอีกมาก” เขาเน้นย้ำ
เทคโนโลยีเพื่อสิ่งแวดล้อมที่ดี
กว่า
นอกจากการสนับสนุนการบริโภคพลั
งงานสะอาดแล้ว การคิดค้นและพัฒนานวัตกรรมใหม่ Cooling precision ซึ่งเป็นการใช้ทำให้ความเย็ยังมีส่วนช่วยลดการปล่อยก๊าซเรื อนกระจกอย่างมีนัยสำคัญ อย่างที่ดีแทคเอง ก็มีความพยายามในการลดการใช้พลั งงานด้วยเทคโนโลยี นเฉพาะจุด ตัวอย่างเช่นที่ชุมสาย ( data center) ผสมผสานกับการใช้พลังงานทางเลือกทดแทน นอกจากนี้ ดีแทคยังร่วมมือกับภาคอุ use case) บน 5G เพื่อยกระดับประสิทธิภาพการใช้ตสาหกรรมต่างๆ ในการพัฒนารูปแบบทดสอบการใช้งาน ( พลังงาน อาทิ การบริหารจัดการพลังงานไฟฟ้าอั จฉริยะ การเกษตรอัจฉริยะ และการบริหารจัดการน้ำอัจฉริยะ
ในกรณีของเทเลนอร์ นอร์เวย์เอง ได้ริเริ่มโครงการ Green Radio ซึ่งเป็นการใช้เทคโนโลยีล้ำสมั
ยอย่าง Machine learning และ AI เพื่อช่วยในการคาดคะเนความต้องการใช้พลังงานของโครงข่ายอย่ IoT บิ๊กดาต้า หรือบล็อกเชน ยังทำให้อุางมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ทำให้สามารถปรับความต้องการใช้ ไฟฟ้าให้สอดคล้องกับค่าทางเทคนิ คที่เหมาะสมของอุปกรณ์โครงข่าย ขณะที่ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ไม่ว่าจะเป็น ตสาหกรรมโทรคมนาคมสามารถสร้ างความเปลี่ยนแปลงเชิงบวกด้ านสภาวะอากาศอย่างมีนัยสำคัญ ผ่านการเป็นตัวกลางในการช่วยให้ อุตสาหกรรมอื่นๆ และผู้บริโภคลดการปล่อยก๊าซเรื อนกระจกลง
“เทคโนโลยีเหล่านี้ยังมีบทบาทที่
สำคัญในการบริหารจั ดการผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมในอุ ตสาหกรรมต่างๆ อีกด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่ งการตรวจสอบและหาที่มาของวัตถุ ดิบ ช่วยให้ผู้บริโภคสามารถตัดสิ นใจสนับสนุนสินค้าที่คำนึงถึ งผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมได้ดี มากขึ้น เช่นเดียวกับ ในอุตสาหกรรมการเกษตร ที่การใช้ระบบอัตโนมัติเข้าจำกั ดวัชพืช จะช่วยลดการใช้ยาฆ่าแมลง ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ และนี่คือตัวอย่างของการใช้ เทคโนโลยีอย่างมีประสิทธิภาพ” คริสเตียนกล่าว
“ยังมีตัวอย่างหรือ use case ในการนำเทคโนโลยีเหล่านี้เข้
ามาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิ ภาพในการทำงาน ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และลดผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม ผมตื่นเต้นกับนวั ตกรรมและเทคโนโลยีเหล่านี้อย่ างมาก” ผู้อำนวยการด้านสิ่งแวดล้อมกั บสภาพภูมิอากาศของเทเลนอร์กล่ าวเสริม
ความคาดหวังต่อสังคม
“ผลการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้
อมที่แข็งแกร่งจะช่วยให้เกิ Climate-related Financial Disclosure) เป็นตัวชี้วัดหนึ่งในการประเมิดความเชื่อมั่นทั้งลูกค้า พนักงาน นักลงทุน และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในกลุ่ มประเทศนอร์ดิก ปัจจุบัน นักลงทุนจำนวนมากขึ้นให้ ความสำคัญกับการผลกระทบทางสิ่ งแวดล้อมของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งใช้ กรอบการรายงานผลกระทบทางสภาพภู มิอากาศ ( นและเลือกลงทุน” คริสเตียนกล่าว
ทั้งนี้ การดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงสิ่
งแวดล้อมจะส่งผลดีต่อตัวบริษั ทเอง ดังจะเห็นว่า หุ้นของบริษัทที่ให้ความสำคัญกั บวิกฤตสภาพอากาศนั้นมีแนวโน้ มเติบโตสูงกว่า เมื่อเทียบกับบริษัทที่ด้ อยในเรื่องการบริหารจัดการด้ านสิ่งแวดล้อม ซึ่งนอกเหนือจากการช่ วยโลกของเราแล้ว นี่อาจเป็นอีกแรงผลักดันสำคัญที่ ทำให้ธุรกิจต่างๆ ก้าวเข้ามาเป็นผู้นำบนเส้นทางสู่ เป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรื อนกระจกนี้เอง