10 ก.พ. 2565 1,166 21

เจย์ เฟรช ผู้ผลิตน้ำดื่ม OEM เบอร์หนึ่งในตรัง สร้างธุรกิจให้โตไกล ต่อยอดเทคโนโลยีสื่อสารบวกโซลูชันจากดีแทค บิสิเนส ฝ่าวิกฤตโควิด-19

เจย์ เฟรช ผู้ผลิตน้ำดื่ม OEM เบอร์หนึ่งในตรัง สร้างธุรกิจให้โตไกล ต่อยอดเทคโนโลยีสื่อสารบวกโซลูชันจากดีแทค บิสิเนส ฝ่าวิกฤตโควิด-19


เจย์ เฟรช ธุรกิจน้ำดื่มรายใหญ่เมืองตรัง มองหาโอกาสใหม่ จากนวัตกรรมและโซลูชันดีแทค บิสิเนส WorryFree Plus Pro ที่มีให้ครบตั้งแต่ ค่าโทร อินเทอร์เน็ตและโซลูชันที่เน้นการทำงานร่วมกัน เข้ามาช่วยเสริมประสิทธิภาพการทำงานของธุรกิจเอสเอ็มอีให้มากขึ้นกว่าเดิม ให้ทีมงานและลูกค้าสื่อสารกันได้ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่พลาดโอกาสการขายและดูแลลูกค้า ได้ทุกที่ ทุกสถานการณ์ สร้างภาพลักษณ์ธุรกิจมืออาชีพ ที่ตอบโจทย์ธุรกิจและความท้าทายในยุควิถีใหม่


พงษ์ศักดิ์ โกเอี้ยน กรรมการผู้จัดการ บริษัท เจย์ เฟรช จำกัด กล่าวว่า “เจย์ เฟรช เริ่มลุยธุรกิจผลิตน้ำดื่ม ในปี 2558 ในจังหวัดตรังบ้านเกิด วันแรกที่เจย์ เฟรช เปิดกิจการ สามารถทำยอดขายได้เพียง 180 บาท ทั้งหมดมาจากการอุดหนุนของเพื่อนและคนรู้จัก แต่ เดือนหลังจากนั้นยอดขายกลับก้าวกระโดดถึง แสนบาทต่อเดือน เพราะเจย์ เฟรช วางแนวทางผลิตน้ำดื่มที่ไม่ซ้ำรอยแบรนด์ไหนในจังหวัด สร้างการเติบโตจากบริษัทเล็กๆ ชูจุดแข็งด้วยการนำเทคโนโลยีที่ได้มาตรฐานระดับสูงมาใช้ในธุรกิจอย่างรอบด้าน กระทั่งผงาดขึ้นเป็นผู้ผลิตน้ำดื่มเบอร์หนึ่งของจังหวัดตรัง


 
ทำตลาดใกล้ชิดได้ใจคนตรัง 

แม้ว่าตลาดน้ำดื่มจะมีผู้เล่นอยู่แล้ว แต่การที่เจย์ เฟรช เป็น OEM ทำให้เราได้เปรียบ เพราะลูกค้า OEM มีความสม่ำเสมอ แทบไม่มีการเปลี่ยนผู้ผลิต เราจึงรักษายอดขายไว้ได้และโตขึ้นเรื่อยๆ เคล็ดลับของเราคือ โฟกัสกับร้านใหญ่ๆ หรือร้านที่พอเอ่ยชื่อในตรังแล้วคนรู้จักก่อน และเมื่อกว่า 80% ของร้านเหล่านี้เป็นลูกค้าของเราหมดแล้ว พอมีคู่แข่ง คนก็จะจดจำได้ว่าเราเป็นเจ้าแรกที่ไม่ทิ้งมาตรฐานการผลิตและน้ำดื่มที่ต้องได้คุณภาพ 
อีกประการหนึ่งที่เจย์ เฟรช ให้ความสำคัญอย่างมากคือ การรักษาสัมพันธ์อันดีกับคู่ค้าและลูกค้า โดยใช้ความเป็นคนในพื้นที่ รู้จักผู้คนในหลายภาคส่วน สอบถามความคิดเห็นถึงน้ำดื่มเจย์ เฟรช แล้วนำมาปรับปรุงและพัฒนาสินค้าให้ดีขึ้น ทำให้ตอบสนองความต้องการของลูกค้าแต่ละเจ้าได้อย่างรวดเร็ว กลายเป็นข้อได้เปรียบของเจย์ เฟรช เหนือแบรนด์ใหญ่ ที่อาจไม่สามารถมาคลุกคลีกับลูกค้าได้ใกล้ชิดขนาดนี้” 


 ปรับตัวสู้โควิด 

การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 สร้างผลกระทบถ้วนหน้า เจย์ เฟรช ก็เช่นกัน ช่วงการระบาดเดือนมีนาคม-เมษายน ปี 2563 จนล็อคดาวน์ครั้งแรก พงษ์ศักดิ์เล่าว่า ยอดขายหายไปถึง 60% แต่นี่คือวิกฤตที่เจย์ เฟรช พลิกให้เป็นโอกาส ช่วงนั้นร้านอาหาร โรงแรม โรงเรียน เกือบทุกที่ที่มีสินค้าของเราปิดหมดเลย แต่เราวิเคราะห์ว่า ช่วงล็อกดาวน์คนอยู่บ้านยังต้องบริโภคน้ำเท่าเดิม ดังนั้นจะทำอย่างไรให้ผลิตภัณฑ์ของเราไปถึงลูกค้าได้โดยตรง เลยให้รถแบ่งสายวิ่งขายน้ำทั่วจังหวัดจนยอดกระเตื้องขึ้น จนตอนนี้ยอดโตขึ้นถึงกว่า 700,000 บาทต่อเดือน เยอะกว่าก่อนมีโควิดอีก พอต้องล็อคดาวน์อีกรอบก็ไม่เจอปัญหาเดิมแล้ว เพราะเราแก้ปัญหานั้นเรียบร้อย คุณภาพการผลิตก็เป็นอีกสิ่งที่เจย์ เฟรช ให้ความสำคัญเสมอมา แต่เดิมในขั้นตอนผลิต พนักงานต้องใส่หน้ากากอนามัย เปลี่ยนเสื้อผ้า และสวมตาข่ายคลุมผมอยู่แล้ว จึงไม่ถือเป็นนิวนอร์มัลของบริษัท เมื่อโควิดมาเยือน บริษัทก็ยังคงยึดถือแนวปฏิบัติเช่นเดิม แต่เพิ่มการตรวจวัดอุณหภูมิก่อนเข้างาน จัดวางแอลกอฮอล์สำหรับล้างมือ และตรวจ ATK พนักงานทุก สัปดาห์ สร้างความมั่นใจด้านสุขอนามัยและเพื่อรักษาคุณภาพการผลิตให้คงเส้นคงวา 
 
ทำไมธุรกิจเล็ก เลือกใช้โซลูชันบนคลาวด์เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจให้เป็นมืออาชีพ

พงษ์ศักดิ์เคยผ่านการทำงานในบริษัทใหญ่มาก่อน จึงเห็นความสำคัญของเทคโนโลยีที่ช่วยเอื้อให้การทำงานเป็นระบบและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการทำงานในระบบคลาวด์ จึงเลือกใช้บริการดีแทค บิสิเนส แพ็กเกจ WorryFree Plus Pro ที่รวมให้บริการ Google Workspace สำหรับทำงานออฟฟิศอย่างครบครัน เราใช้มาตั้งแต่ยังชื่อ Google G-Suite ก่อนเปลี่ยนชื่อเป็น Google Workspace ความที่ใช้เบอร์ของ   ดีแทคอยู่แล้ว พอเห็นแพ็กเกจนี้เลยใช้อย่างไม่ลังเล โดยดีแทค บิสสิเนสจะมีทีมไอทีสอนการใช้งาน ทำให้เราทำงานร่วมกันกับทีมงานได้ทุกที่ขอเพียงมีอินเทอร์เน็ต ข้อดีของ Google Workspace คือ พนักงานสามารถกรอกข้อมูลผ่านสมาร์ทโฟน และทุกคนจะเห็นข้อมูลเหมือนกันหมด ง่ายต่อการบริหารจัดการ ถ้าลูกค้าโทรมาขอใบเสนอราคา เราก็สามารถออกให้ได้ในเวลาไม่กี่นาที และความที่เราใช้ Gmail เป็นอีเมล์ทางธุรกิจ ก็ช่วยเสริมภาพลักษณ์ทำให้เราดูมีมาตรฐานสากลขึ้นด้วย


 
ศิริพงศ์ นกทนงค์ ผู้อำนวยการอาวุโส กลุ่มธุรกิจงานขาย ธุรกิจเอสเอ็มอี บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค กล่าวว่า “ดีแทค บิสิเนส มีทีมงานมืออาชีพที่คอยให้คำแนะนำ มีเครื่องมือและดิจิทัลแพลตฟอร์มมากมายเป็นOne Stop Shop เพื่อที่จะนำมาช่วยตอบโจทย์เอสเอ็มอีทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจเจ้าของคนเดียว หรือระดับกลุ่มธุรกิจที่มีพนักงานมากกว่า 50 คน ที่ต้องการการทำงานที่เป็นระบบ มีความเป็นมืออาชีพ และพัฒนาองค์กรสู่ดิจิทัลเต็มรูปแบบ ทิศทางธุรกิจต้องเติบโตรับความต้องการของผู้บริโภค ซึ่งหนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยให้ไปถึงเป้าหมายได้รวดเร็วยิ่งขึ้นก็คือเทคโนโลยีอย่างคลาวด์โซลูชัน เช่นที่นายพงษ์ศักดิ์บอกว่า มีส่วนอย่างมากในการสร้างความก้าวหน้าให้ธุรกิจผลิตน้ำดื่มเจย์ เฟรช ผมเชื่อว่าตอนนี้ทุกคนเริ่มเข้าใจแล้วว่ามันจะต้องมีการเปลี่ยนผ่านไปสู่ดิจิทัล บางธุรกิจอาจกำลังคิดว่าจะเปลี่ยนผ่านอย่างไรจึงจะอยู่รอด อยากให้มองดีแทค บิสิเนส เป็นพาร์ทเนอร์ที่จะนำธุรกิจไปสู่จุดนั้น เพื่อเติบโตร่วมกันไป ซึ่งในกลุ่มธุรกิจเทเลคอม ผมเชื่อว่าดีแทค บิสิเนสมีโซลูชันที่ตอบโจทย์ลูกค้าเอสเอ็มอีได้ดีที่สุด”



 
สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมแพ็คเกจ Google Workspace โดย dtac business สามารถติดต่อได้ที่ โทร. 1431 หรือเว็บไซต์ https://business.dtac.co.th/th/google-workspace