ซื้อเน็ตบ้าน True Gigatex Fiber 2Gbps วันนี้ แถมฟรี อุปกรณ์ไร้สายระดับ Multi-Gigabit ! วันนี้ เทคโนโลยีเครือข่ายเน็ตบ้านในไทย พร้อมแล้วสำหรับ Multi-Gigabit Internet
ทางลัดสู่โลก Multi-Gigabit Internet เมื่อคุณติดตั้งเน็ตบ้าน แพ็กเกจความเร็ว 2Gbps True Gigatex Fiber 2Gbps วันนี้ แถมฟรีอุปกรณ์ไร้สายระดับ Multi-Gigabit ! บอกเลยว่าดีมากๆ คุ้มสุดๆ
ไม่เชื่อก็ต้องเชี่อว่า วันนี้ประเทศไทย จะมีอินเตอร์เน็ตความเร็วระดับ 2Gbps ด้วยความเร็วขนาดนี้ ไม่ต้องห่วงว่าเน็ตจะเร็วเพียงพอสำหรับสมาชิก และอุปกรณ์ภายในบ้านแน่ๆ แต่ที่สำคัญ อุปกรณ์กระจายสัญญาณภายในบ้าน ต้องรองรับ และมีประสิทธิภาพที่สัมพันธ์กับความเร็วเน็ตระดับนี้ด้วย เพื่อให้ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงที่สุด
ทรูจึงมีแพ็กเก็จเน็ต 2Gbps แถมอุปกรณ์ Router Gigatex (T3) T628 AX5400 บวกกับ MESH Tri-Band AX6600 อีก 2 ตัว (สำหรับผู้ใช้ True Black) ที่สามารถนำมาติดตั้ง ให้สามารถใช้เน็ตความเร็วสูงมากๆ ได้ทั่วบ้านได้ พร้อมทีมช่างมาติดตั้ง และตั้งค่าต่างๆ ทดสอบสัญญาณให้ถึงบ้าน ถือว่าเป็นทางลัดสู่โลก Multi-Gigabit Internet ที่น่าสนใจไม่น้อย
ข้อดีของการมีทีมช่างผู้เชี่ยวชาญมาติดตั้ง ทำให้เราไม่ต้องยุ่งยากในการมองหาอุปกรณ์ที่รองรับความเร็วในระดับนี้ เพราะ True เขาให้อุปกรณ์มาในแบบที่ ประสิทธิภาพดีเพียงพอในการใช้งานจริง โดยไม่ต้องเสียเงินลงทุนอุปกรณ์เพิ่มเองเลย
Fiber Technology: GPON
WiFi 5GHz : 4x4 MU-MIMO WiFi6 HE160 (4800Mbps)
WiFi 2.4GHz : 2x2 MU-MIMO WiFi6 (600Mbps)
WiFi 5GHz (MESH) : 4x4 MU-MIMO WiFi6 HE160 (4800Mbps)
WiFi 5GHz : 2x2 MU-MIMO WiFi6 HE80 (1200Mbps)
WiFi 2.4GHz : 2x2 MU-MIMO WiFi6 (600Mbps)
หากเราจะใช้งาน หรือทดลองให้ได้ความเร็วสูงสุดนั้น เราจะต้องใช้เครื่องลูกข่าย หรือ Device ที่เป็น Wi-Fi 6 แบบ HE160 แบบ 4 เสา แต่โดยทั่วๆไปแล้ว เครื่องลูกข่ายไม่ว่าจะเป็น Notebook หรือโทรศัพท์มือถือ มักจะมีเสารับส่งแบบ 2 เสา และมีอุปกรณ์จำนวนไม่มากที่รองรับ Wi-Fi6 HE160 เช่น Huawei P40, Mi 11 Pro หรือ Sony Xperia 1 III หรือ Notebook ที่มี Card Wi-Fi AX201 เป็นต้น ส่วนเครื่อง Apple โดยทั่วไปที่รองรับ Wi-Fi6 อย่าง iPhone 12, 13 จะรองรับ WiFi6 แบบ HE80 เท่านั้น
หากใช้อุปกรณ์มือถือที่รองรับ WiFi6 HE80 นั้น จะเชื่อมต่อกับ Router ตัวนี้ได้ที่ Data rate สูงสุด 1200Mbps และสามารถใช้งานได้ที่ความเร็วสูงสุดราว 600Mbps...
และสำหรับอุปกรณ์มือถือที่รองรับ WiFi6 HE160 นั้นจะทำให้ Data rate สูงสุดถึง 2400Mbps และเมื่อใช้งานจริงจะมี Throughput เมื่อทดสอบด้วย App Speedtest ได้ราวๆ 1,300 – 1,700Mbps…
และเมื่อทดสอบใช้งานสองเครื่องพร้อมๆกัน ก็พบว่าความเร็วรวมก็สูงกว่า 1Gbps
ซึ่งสำหรับมือถือเอง ไม่ว่าจะเป็น HE80 หรือ HE160 นั้น ก็ถือว่าเป็นความเร็ว ที่เกินพอสำหรับการใช้งานอินเตอร์เน็ตบนหน้าจอมือถือ และยังจะได้ความเร็วๆ เต็มๆ เมื่อต่อกับอุปกรณ์เครือข่ายภายในบ้านเช่น NAS หรือ NVR อีกด้วย
โดยพอร์ต LAN แบบ Gigabit จำนวน 4 พอร์ตนั้น เราก็สามารถต่อกับ LAN Switch เพื่อเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่นๆ ภายในบ้านได้ โดยความเร็วสูงสุดรวมเมื่อใช้งานผ่านพอร์ต LAN หลายๆช่องพร้อมกัน ก็สามารถทำความเร็ว Internet ได้เต็ม 2Gbps เลยทีเดียว แต่ถ้าใช้พอร์ตเดียว ก็จะได้ความเร็วสูงสุดที่ 1Gbps ตามความเร็วของพอร์ต 1Gpbs ครับ
เน้น MESH ความเร็วสูง เพื่อเน็ตเร็วยิ่งขึ้นทั่วทั้งบ้าน
จากการได้ทดสอบใช้งานอยู่ 2 สัปดาห์ก็พบว่า อุปกรณ์เซ็ตนี้ ไม่ได้คำนึงถึงเฉพาะความเร็วจากอุปกรณ์ใดอุปกรณ์หนึ่ง ให้ใช้งานอินเตอร์เน็ตด้วยความเร็ว 2Gbps (ซึ่งเอาจริงๆแล้ว ก็ยังนึกไม่ออกว่า Application อะไรบนอินเตอร์เน็ตที่เราสามารถทำความเร็วได้เกิน 1Gbps นอกจาก Speedtest) แต่ทรูได้ให้อุปกรณ์ที่มีความสามารถในการทำ MESH ที่ความเร็วสูงมากๆถึงสองตัว ซึ่งตัวอุปกรณ์หลัก True Gigatex Fiber Router Pro สามารถขยายสัญญาณไปให้กับ Gigatex Mesh Pro (MESH AP) ด้วยเสาสัญญาณ WiFi 6 แบบ 4 เสา ความกว้างสัญญาณระดับ HE160 (High efficiency 160MHz) ซึ่งทำให้ MESH Link ระหว่าง Router หลักกับตัว MESH Pro ซึ่งมี 4 เสา HE160 เหมือนกันสามารถมี Data rate สูงสุดที่ 4800Mbps คือตามทฤษฎี สามารถรับส่งข้อมุลได้สูงสุดถึง 3700Mbps เลยทีเดียว เรียกได้ว่ารอบนี้ทรูให้ของดีมาเลย (สำหรับผู้ใช้ True Black)
ผลการทดสอบเมื่อใช้ Mesh Link ระยะใกล้ๆกับอุปกรณ์หลัก แล้วต่อเข้ากับพอร์ต LAN 1Gbps บน Mac Mini ความเร็ว Mesh Link ทำได้ที่ 3600Mbps
ทดสอบด้วย Mac ผ่านสาย LAN ทีละเครื่อง ผ่าน MESH Pro โดยแต่ละเครื่องสามารถทำความเร็วได้สูงกว่าเชื่อมต่อด้วย WiFi6 ในเครื่อง
และเมื่อทดสอบต่อผ่านสาย LAN สองเครื่องพร้อมๆกัน ได้ความเร็วรวมเกิน 1Gbps (~1300Mbps)
HE160 ให้ความเร็วสองเท่า และพื้นที่ครอบคลุมได้มากขึ้น
จากหลักการทางเทคนิค ที่เมื่อเราวาง Router หลัก ไกลจาก MESH AP มากขึ้นเท่าไหร่ Link Data rate ก็จะต่ำลงไปเรื่อยๆ ส่งผลให้การใช้งานได้ความเร็วลดลง ตามความแรงของสัญญาณ MESH Link นั่นเอง... แต่ด้วยเทคโนโลยี HE160 นี่เอง ที่เข้ามามีส่วนช่วยให้การทำ MESH Network สามารถยังความเร็วได้ในระดับสูง แม้จะขยับตัวอุปกรณ์ไปไกลจนสัญญาณต่ำลง หากเปรียบเทียบกับ เทคโนโลยี HE80 โดย HE160 จะสามารถ ทำความเร็วได้เป็นสองเท่า ในระยะทางเท่ากัน หรือหากต้องการความเร็วเท่าเดิมเมื่อเทียบกับ HE80… เจ้า HE160 จะช่วยให้เราสามารถขยับ MESH AP ไปได้ไกลขึ้นอีก สามารถสร้างเครือข่ายไร้สายที่มีพื้นที่ครอบคลุมได้มากกว่านั่นเอง.....
สรุปง่ายๆ
Gigatex MESH Pro
ตัวอุปกรณ์ Gigatex MESH Pro มีภาคสัญญาณไวไฟ 3 ชุด คือ 5GHz WiFi6 4x4 160MHz เป็น Radio หลักใช้ทำ Mesh Link กับตัว Router หลัก อีกชุดคือ 5GHz WiFi6 2x2 HE80 ใช้เป็นตัวปล่อยสัญญาณเพื่อให้บริการแก่เครื่องลูกข่าย และอีกชุดเป็น 2.4GHz WiFi6 2x2 ใช้สำหรับให้บริการเครื่องลูกข่ายในย่าน 2.4GHz
โดยปกติแล้ว การทำการทวนสัญญาณด้วย MESH Topology นั้น หากตัวที่ทวนสัญญาณ ใช้ภาคสัญญาณไวไฟที่ใช้ทำ Mesh Link ร่วมกับสัญญาณไวไฟที่ให้บริการเครื่องลูกข่าย ประสิทธิภาพในการทำงานจะลดลงครึ่งนึงเป็นอย่างน้อย และยังมีปัจจัยเรื่อง Encoding ที่ต่างกันระหว่าง MESH Link กับเครื่องลูกข่ายอีก ทำให้ความเร็วมีความผันผวนเป็นอย่างมาก ในการนำมาใช้งานจริง
Triband…. สำคัญยังไง....
MESH Pro ช่วยแก้ปัญหานี้ได้ ด้วยชุดรับส่งสัญญาณไวไฟแบบ Tri-band... โดย Gigatex MESH Pro มีภาครับส่งสัญญาณสำหรับการทำ MESH Link โดยเฉพาะ ซึ่งจะไม่ส่งผลกระทบต่อการให้บริการ เมื่อเครื่องลูกข่ายมาเกาะกับภาคสัญญาณที่ให้บริการกับเครื่องลูก ที่ออกแบบมาให้ทำงานแยกกันอย่างสิ้นเชิง
โดยสังเกตว่า ภาคไวไฟชุดที่เป็นแบบ HE160 แบบ 4 เสานี้ มีประสิทธิภาพมากกว่าภาคไวไฟที่ใช้สำหรับให้บริการที่เป็นแบบ HE80 เสียอีก โดยเป็นการเลือกชุดอุปกรณ์ที่เหมาะสมกับการใช้งานจริงมากๆ โดยให้ความสำคัญกับ MESH Link ซึ่งทำหน้าที่เหมือนถนนใหญ่ ให้มีความเร็วสูงที่สุด จากนั้นค่อยกระจายสัญญาณออกไปยังถนนย่อย ทั้งภาคไวไฟ 5GHz Wi-Fi6 HE80 2x2 และ 2.4GHz WiFi6 2x2 หรือใช้ Bridge ลงเข้ากับพอร์ต LAN ที่มีให้สองพอร์ตบน Gigatex MESH Pro เพื่อใช้ต่อไปยังคอมพิวเตอร์ หรือ LAN Switch ได้อีกด้วย
ผลการทดสอบผ่าน MESH Pro ที่ตั้งอยู่ชั้นสองของบ้าน ห่างจาก Gigatex ตัวหลักราวๆ 15 เมตร
อีกข้อสงสัยคือ : ใช้ Gigatex MESH Pro แทนการลากสาย LAN จะได้ความ เร็วแรง แซงสาย LAN ได้หรือเปล่า?
อย่างที่เรารู้กันว่า Wi-Fi นั้นถูกรบกวนจากสภาพแวดล้อมต่างๆ ทำให้ความเร็วดรอปลง แต่ถ้าเราจะ Mesh เทพๆ มาช่วยให้การใช้งานยอดเยี่ยมแบบที่ใช้สาย LAN ได้ ก็คงดีไม่น้อย
สำหรับกรณีที่เรามีการลากสาย LAN ไปยัง Access Point ตัวเก่าอยู่แล้ว แต่ต้องอัพเกรดให้สามารถให้ใช้งานอินเตอร์เน็ตได้เร็วเต็มสปีด เพราะ Access Point เดิมอาจไม่รองรับ Wi-Fi 6… เราสามารถสลับ AP ตัวเดิม กับ Gigatex MESH Pro ก็จะสามารถให้บริการไวไฟได้ด้วยความเร็วได้เต็มที่ 1Gbps ซึ่งเป็นข้อจำกัดที่ความเร็วของพอร์ต LAN ของ Gigatex MESH Pro กับ LAN Switch เดิมของเรานั่นเอง
ในกรณี ถ้าเราทดสอบติดตั้งแบบ MESH แล้วได้ Data rate ของ MESH Link ได้สูงกว่า 2400Mbps… ซึ่งสูงสุดจะทำได้ถึง 4800Mbps… เราอาจจะพิจารณา ใช้ MESH Topology คือใช้สัญญาณไวไฟเป็น Link หลักแทนสาย LAN เลยก็ยังได้ครับ.....
ก็ไม่ไช่ว่าเน็ตแค่ 2Gbps จะจำเป็นต้องเสียเงินไปอัพ mGig Switch โดยไม่จำเป็นครับ เพราะ mGig Switch มันไม่ใช่ถูกๆนะครับ ทั้งสวิตช์และ Client... รอเน็ต..10Gbps ด้วย XGS-PON มาเมื่อไหร่ วันนั้นค่อยจัดก็ไม่สาย!!
แต่เชื่อไหมว่า พรุ่งนี้ 10G Switch มาที่บ้านผมแน่นอน Tp-Link, Dlink, EnGenius, Mikrotik ราคาเริ่มถูกลงเรื่อยๆเหมือนกัน สำหรับคนวู่วาม และต้องการใช้ของใหม่ก่อน อันนี้ไม่ว่ากันครับ
(เคยซื้อ mGig Switch 24Port POE mGig ตัวละครึ่งล้านไปขายมาแล้วฮะ)