ผู้ถือบัตรมาสเตอร์การ์ดสามารถชำระเงินค่าโดยสารรถไฟฟ้า MRT ระหว่างการเดินทางได้อย่างราบรื่นไม่สะดุด เพียงแตะบัตรเครดิตหรือบัตรพรีเพดมาสเตอร์การ์ดเพื่อชำระเงินแบบไร้สัมผัสที่ประตูสถานี ไม่ต้องใช้เงินสด ซื้อตั๋วหรือเติมเงินบนบัตร MRT ได้แล้วตั้งแต่วันนี้ บัตรคอนแทคเลสของมาสเตอร์การ์ดใช้เทคโนโลยี EMV ที่มีความปลอดภัยและเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวาง ซึ่งปัจจุบันใช้งานกับการขนส่งหลากหลายรูปแบบ ทั้งรถโดยสารสาธารณะและด่านเก็บค่าผ่านทางด่วนทั่วกรุงเทพฯ
เป็นเวลากว่าทศวรรษแล้วที่มาสเตอร์การ์ดได้พัฒนาโซลูชั่นสำหรับการเดินทางในเมือง เพื่อช่วยผู้ประกอบการขนส่งรับมือกับความท้าทายที่พวกเขาเผชิญและเพิ่มประสิทธิภาพของการเดินทาง ด้วยการเคลื่อนไหวล่าสุดนี้ทำให้กรุงเทพฯ เป็นหนึ่งใน 390 เมืองทั่วโลกที่มาสเตอร์การ์ดได้ช่วยดำเนินการติดตั้งระบบโดยสารแบบไร้สัมผัส รวมถึงสิงคโปร์ ลอนดอน นิวยอร์กและมิลาน ก่อนการระบาดของโรคโควิด-19 รถไฟฟ้า MRT ทั้งสองสายมีจำนวนผู้โดยสารที่เดินทางโดยเฉลี่ยประมาณ 239,000 คน ต่อวัน และคาดการณ์ว่ากรุงเทพฯ จะมีจำนวนประชากรมากกว่า 12 ล้านคน[1] ภายในปีพ.ศ 2573 ซึ่งการที่ผู้คนสามารถเดินทางด้วยเครือข่ายขนส่งสาธารณะที่มีความยุ่งยากน้อยที่สุดจะเป็นสิ่งสำคัญเพื่อลดความแออัดในมหานครที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง
ในประเทศไทยมาสเตอร์การ์ดได้ทำงานร่วมกับกระทรวงคมนาคม การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (MRTA) และบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BEM) เพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานทางเทคนิคให้บัตรในรูปแบบไร้สัมผัสสามารถใช้ชำระค่าโดยสารในเครือข่ายของรถไฟฟ้า MRT ได้ มาสเตอร์การ์ดมีความตั้งใจที่จะนำเอาการชำระเงินแบบไร้สัมผัสมายังระบบการขนส่งสาธารณะในประเทศไทย ซึ่งเป็นความมุ่งมั่นของบริษัทฯ อย่างต่อเนื่องที่จะสนับสนุนการเข้าสู่สังคมดิจิทัลซึ่งสอดคล้องกับนโยบายประเทศไทย 4.0 ของรัฐบาลไทย การชำระเงินแบบไร้สัมผัสเป็นเทคโนโลยีที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางทั่วโลกและในเอเชีย เฉพาะในไตรมาสแรกของปีพ.ศ.2564 มาสเตอร์การ์ดมีธุรกรรมการใช้จ่ายแบบไร้การสัมผัสเพิ่มขึ้น 1 พันล้านรายการเมื่อเทียบกับไตรมาสแรกในปีพ.ศ. 2563 โดยเฉพาะในประเทศไทยที่พบการเติบโตมากถึง 4 เท่า[2] เมื่อเปรียบเทียบปีต่อปี จากผลสำรวจของมาสเตอร์การ์ดพบว่าผู้บริโภคชาวไทยพร้อมเปิดรับเทคโนโลยีการใช้จ่ายรูปแบบใหม่ๆ โดย 93% ของคนไทยที่ตอบแบบสอบถามตอบว่าพวกเขาสามารถเข้าถึงการชำระเงินรูปแบบใหม่ๆ ในปีพ.ศ. 2564 ได้มากขึ้นกว่าเมื่อปีก่อน[3] “การช่วยเหลือเมืองและชุมชนต่างๆ ให้กลายเป็นสังคมดิจิทัลเป็นสิ่งสำคัญที่จะขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจและการผนวกรวมของผู้คนในสังคม นี่คือเหตุผลที่มาสเตอร์การ์ดทำงานร่วมกับภาครัฐและภาคเอกชนในประเทศไทยเพื่อหาทางออกในการช่วยเร่งการเติบโตของSmart City ให้กับประเทศไทย ”
ไอลีน ชูว ผู้จัดการประจำประเทศไทยและเมียนมาร์ มาสเตอร์การ์ด กล่าวว่า “เทคโนโลยีไร้สัมผัสมีบทบาทสำคัญในการลดข้อจำกัดของขั้นตอนการชำระเงินที่มี touch point หลากหลายแห่ง การนำรูปแบบการชำระเงินที่สะดวกมาใช้ในเมืองที่เร่งรีบจะเป็นประโยชน์ต่อผู้โดยสารที่จะได้รับความรวดเร็วและปลอดภัยระหว่างการชำระเงินค่าโดยสารมากขึ้น อีกทั้งยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายให้กับผู้ให้บริการขนส่ง”
ในปีพ.ศ. 2563 สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (DEPA) ของประเทศไทยเดินหน้าให้ 40 จังหวัดของไทยเข้าร่วมโปรแกรม Mastercard’s City Possible เครือข่ายระดับโลกที่มีกว่า325 ชุมชน ซึ่งรวมถึงภาคธุรกิจเอกชนและนักวิชาการที่ร่วมมือกันอย่างแข็งแกร่งในการแลกเปลี่ยนความรู้และแบ่งปันความเข้าใจในการก้าวเข้าสู่สังคมดิจิทัลเพื่อผลักดันให้เกิดการพัฒนาในโครงสร้างพื้นฐานเสริมสร้างการเป็นหนึ่งเดียวของเศรษฐกิจและการเติบโตอย่างยั่งยืน เกี่ยวกับมาสเตอร์การ์ด
มาสเตอร์การ์ด เป็นบริษัทเทคโนโลยีระดับโลกด้านการชำระเงิน เป้าหมายของเราคือการเชื่อมต่อและขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลให้ครอบคลุมและเป็นประโยชน์แก่คนทุกคนในทุกพื้นที่ โดยการทำให้ธุรกรรมการเงินเป็นเรื่องปลอดภัย สะดวก และเข้าถึงได้ ด้วยข้อมูลที่ปลอดภัยและเครือข่ายพันธมิตร ทำให้เรามีนวัตกรรมและโซลูชั่นต่างๆ ที่สามารถช่วยบุคคลทั่วไป สถาบันการเงิน รัฐบาล และธุรกิจให้ตระหนักถึงศักยภาพของตัวเอง การทำในสิ่งที่ถูกต้องเพื่อคนในองค์กร คือวัฒนธรรมที่ขับเคลื่อนทั้งภายในและภายนอกองค์กรของเรา ด้วยเครือข่ายในกว่า 210 ประเทศและพื้นที่ เราได้สร้างโลกที่ยั่งยืนและปลดล็อคความเป็นไปได้ในหลายๆ ด้าน