ถ้าเอาตามทฤษฎีแล้ว ความเร็ว 62 Mbps บน Wi-Fi 5 แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย และหากอ้างอิงมาตรฐานใหม่ของ Wi-Fi กับ Wi-Fi 6/6E และ Wi-Fi 7 เป้าหมายคือ “ultimate metaverse” ต้องการแบนด์วิธ Wi-Fi ที่ 5x ถึง 10x สำหรับมาตรฐาน Wi-Fi ใหม่ แต่ก็ยังไม่เพียงพอสำหรับประสบการณ์ metaverse ที่ไหลลื่น
MORE SPECTRUM AND BIGGER CHANNEL SIZES คำนี้สะท้อนว่า เราควรจะต้องมีคลื่นมากขึ้น ช่องสัญญาณกว้างขึ้น ซึ่ง Wi-Fi 6E มาพร้อมช่องสัญญาณ 1200 MHz บนคลื่น 6 GHz มีแบนด์วิธ 160 MHz แต่หากปัจจุบันคุณยังใช้คลื่น 20MHz บน 5 GHz การเปลี่ยนไปใช้ 160 MHz รองรับการใช้งานได้ดีขึ้น 8 เท่า ส่วน Wi-Fi 7 ที่จะมาในปี 2024 รองรับ 320 MHz เป็นสองเท่าเลยทีเดียว แต่อย่างน้อยๆ Wi-Fi 6E บน 6 GHz มาพร้อม 160 MHz จำนวน 7 ช่องสัญญาณ
HIGHER POWER AVAILABILITY คลื่น 1200 MHz ของ Wi-Fi บน 6 GHz จัดสรรความถี่ การรับส่งสัญญาณได้ดีกว่า แต่ก็จะมีเรื่องการรบกวนของสัญญาณที่ยังเป็นอุปสรรคและจำกัดอยู่เฉพาะในอาคารที่ควบคุมได้ง่ายกว่า ดังนั้นหากอุปกรณ์รองรับ Automated Frequency Coordinator (AFC) จัดการช่องสัญญาณได้ดีกว่า โดยในสหรัฐ ประเทศแรกที่สนับสนุน AFC โดย FCC กำลังตรวจสอบ และทดสอบเพื่อออกใบอนุญาต AFC
HIGHER MODULATION ORDERS: Wi-Fi 6 และ 6E รองรับ 1024 QAM (Quadrature Amplitude Modulation) ดีกว่า 256 QAM บน Wi-Fi 5 แต่ในความเป็นจริงคือดีขึ้น 25% ในขณะที่ Wi-Fi 7 บางชิปรองรับสูงสุด 4096 QAM แต่ในความเป็นจริง ดีกว่าเพียง 20% เมื่อเทียบกับ 1024 QAM ช่วยได้ไม่เยอะ
OVERCOMING LATENCY CHALLENGES: เรื่องความหน่วง Wi-Fi กับการ Buffering delay ความหน่วง 2 ms การเข้าถึง Media access delay ความหน่วง 100 ms ดังนั้นเราจึงต้องการตัวช่วย REDUCING BUFFERING DELAY: ช่วยจัดการความหน่วงที่สวิง เพื่อหลีกเลี่ยง buffering delay โดยสร้าง multiple queues และจัดการทราฟฟิค โดยมาตรฐาน Wi-Fi มี Wi-Fi Multimedia (WMM) ช่วยควบคุมค่าความหน่วง
ดังนั้น ตัวช่วยของ Wi-Fi 6 หรือสูงกว่าคือ ลด Media Access Delay สำหรับ metaverse ถามว่าเมื่อไหร Wi-Fi จะรองรับ Metaverse? เราคิดว่าจากที่คุณอ่านมาคงมีคำตอบในใจแล้ว https://www.immersivealliance.org/download/download-photographic-live-action-capture-for-immersive-media/