21 เม.ย. 2565 2,469 19

Dell Technologies นำเสนอครั้งแรกของโลก อุปกรณ์เชื่อมต่อเน็ตเวิร์ค 5G และ WIFI 6E ลดความหน่วงสัญญาณ 30% ยกระดับประสบการณ์การทำงานแบบไฮบริด

Dell Technologies นำเสนอครั้งแรกของโลก อุปกรณ์เชื่อมต่อเน็ตเวิร์ค 5G และ WIFI 6E ลดความหน่วงสัญญาณ 30% ยกระดับประสบการณ์การทำงานแบบไฮบริด

เปิดตัวเครื่องรุ่นใหม่ในสายผลิตภัณฑ์คอมเมอร์เชียล พีซี ที่มาพร้อมความชาญฉลาดและความปลอดภัยด้วย AI แบบ built-in

การเพิ่มขีดพลังความสามารถของชุดซอฟต์แวร์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ช่วยส่งเสริมการทำงานร่วมกัน (collaboration) ให้ง่ายขึ้นกว่าเดิม  พร้อมทั้งปกป้องความเป็นส่วนตัว (privacy) และการเชื่อมต่อเครือข่าย (connectivity) ที่มีประสิทธิภาพมหาศาลมากกว่าเดิม มาพร้อมการนำวัสดุที่มีความยั่งยืนรูปแบบใหม่เข้ามาใช้งานในสายผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ต่างๆ ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเพิ่มมากขึ้นและการอัปเดตเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในสายผลิตภัณฑ์ก่อให้เกิดมาตรฐานใหม่ต่างๆ รวมถึงการเปิดตัวโมบายล์เวิร์กสเตชันขนาด 14 นิ้ว16:10 ที่เล็กที่สุดในโลก และ docking station รุ่นแรกของเดลล์ ที่มาพร้อมกับแท่นชาร์จไร้สายสำหรับสมาร์ทโฟนและหูฟังที่รองรับ Qi กับอนาคตการทำงานในรูปแบบผสมผสาน หรือไฮบริด เวิร์ก

ซึ่งคนทำงานมักจะมีความคาดหวังการทำงานในรูปแบบใหม่ๆอยู่เสมอ และเทคโนโลยีก็คือสิ่งที่เข้ามาช่วยสร้างประสบการณ์การทำงานที่เหนือกว่าให้กับคนทำงานเหล่านั้น นี่คือเหตุผลที่เดลล์ เทคโนโลยีส์ ประกาศเปิดตัวสายผลิตภัณฑ์ใหม่ของกลุ่มพีซี อุปกรณ์เสริม ซอฟต์แวร์ และบริการต่างๆ เพื่อเสริมความแกร่ง
"การทำงานในแบบไฮบริดไม่ได้เป็นทั้งสิทธิพิเศษ หรือเป็นสิ่งที่เอาไว้คิดถึงในภายหลังอีกต่อไปแล้ว หากแต่กลายเป็นมาตรฐานในการทำงาน” นพดล ปัญญาธิปัตย์ กรรมการผู้จัดการประจำประเทศไทย เดลล์ เทคโนโลยีส์ กล่าวว่า “ในขณะที่พนักงานต้องเดินทางจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่งในการทำงาน การสร้างประสบการณ์การทำงานที่มีประสิทธิภาพคือสิ่งสำคัญอันดับแรก กลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อการใช้งานในองค์กรล่าสุดของเรายังคงให้ความสำคัญกับความสามารถด้านคอลลาบอเรชัน การเป็นอัจฉริยะและความปลอดภัยเป็นอันดับแรก พร้อมด้วยการลงทุนที่เพิ่มขึ้นเพื่อให้สามารถตอบสนองต่อความต้องการรูปแบบต่างๆ ของผู้ใช้ทั้งในปัจจุบันและอนาคต”
จากการวิจัยใหม่จากเดลล์ เทคโนโลยีส์ พบว่า 44 เปอร์เซ็นต์ของคนทำงานต่างต้องการให้ผู้นำเพิ่มขีดความสามารถของพวกเขาให้สามารถเลือกรูปแบบการทำงานที่ต้องการได้ รวมทั้งจัดหาอุปกรณ์ต่างๆ ตลอดจนโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นต่อการทำงาน ทั้งนี้ กลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อการใช้งานในเชิงธุรกิจล่าสุดของเดลล์ มีเป้าหมายในการช่วยให้ทีมไอทีสามารถเลือกใช้อุปกรณ์ที่ดีที่สุดสำหรับการทำงาน
ความชาญฉลาดที่เพิ่มมากขึ้นเพื่อการทำงานแบบไฮบริดที่ได้เสริมประสิทธิภาพ

ในพื้นที่ระดับแนวหน้าของกลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อการใช้งานในเชิงธุรกิจของเดลล์ Dell Optimizer ชุดซอฟต์แวร์ปัญญาประดิษฐ์ (AI) แบบบูรณาการ อันเป็นขุมพลังอัจฉริยะของเดลล์ด้วยระบบ built-in AI คือความชาญฉลาดสำคัญที่เป็นตัวช่วยขับเคลื่อนประสบการณ์การทำงานแบบคอลลาบอเรชัน และประสบการณ์เฉพาะตัวบุคคลมากขึ้น ความสามารถใหม่เหล่านี้ได้รับการพัฒนาเพื่อความรุดหน้าของคนทำงานในรูปแบบไฮบริด เนื่องจากปัจจุบัน คนทำงานต่างทำงานจากพื้นที่ต่างๆ ที่หลากหลาย ต้องเผชิญกับความเสี่ยงในเรื่องความเป็นส่วนบุคคล อีกทั้งยังต้องรับมือกับอุปสรรคต่างๆ ไปพร้อมกัน

-  ความเป็นส่วนตัว (Privacy): ด้วยชุดคุณสมบัติความเป็นส่วนตัวอัจฉริยะใหม่ที่ครอบคลุม ผู้ใช้สามารถปกปิดข้อมูลที่ละเอียดอ่อนบนหน้าจอได้หากมีการตรวจพบผู้รุกล้ำ นอกจากนี้ เครื่องพีซีจะหรี่แสงโดยอัตโนมัติเมื่อผู้ใช้ละสายตาจากหน้าจอเพื่อช่วยปกป้องข้อมูลและช่วยประหยัดพลังงาน

-  การเชื่อมต่อ (Connectivity): Dell Optimizer มาพร้อมกับความสามารถในการเชื่อมต่อหลายเครือข่ายในเวลาเดียวกันเป็นครั้งแรกของโลก เพื่อช่วยให้ผู้ใช้สามารถเชื่อมต่อกับเครือข่ายทั้งแบบมีสายหรือไร้สายสองเครือข่ายได้พร้อมกันเพื่อการถ่ายโอนและดาวน์โหลดข้อมูลที่รวดเร็วยิ่งขึ้นในครั้งเดียว นอกจากนี้ ยังให้การบัฟเฟอร์ที่น้อยลงและเวลาในการตอบสนอง หรือลาเทนซีที่ลดลงสูงสุดถึง 30 เปอร์เซ็นต์

การทำงานร่วมกัน (Collaboration): Dell Optimizer มีฟีเจอร์ที่พัฒนาการตัดเสียงรบกวนที่ดีขึ้นเพื่อสัมผัสสภาพแวดล้อมของคนทำงาน รวมไปถึงการลดเสียงรบกวนรอบข้างที่ไม่เป็นที่ต้องการสำหรับผู้ใช้และบุคคลอื่นในที่ประชุม

Dell Optimizer ยกระดับขีดความสามารถด้านการจัดการโดยการนำรูปแบบการติดตั้งแบบแยกส่วน (modular installation) มาใช้ ทำให้ผู้ใช้และผู้ดูแลระบบไอทีสามารถเลือกติดตั้งคุณสมบัติการทำงานที่ต้องการได้อย่างยืดหยุ่น


เสริมประสิทธิภาพตอบโจทย์ทุกแง่มุมของการทำงาน

เดลล์เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่สำหรับผู้นำทางธุรกิจและผู้ใช้ที่ต้องการทั้งประสิทธิภาพและทั้งความสามารถในการพกพา โดยทั้งหมดทำงานบน 12th Gen Intel® Core โพรเซสเซอร์ และทางเลือกเพื่อการเชื่อมต่อเครือข่าย (connectivity) ล่าสุด ซึ่งรวมถึง 5G และ Intel® Wi-Fi 6E

-  Latitude 9430 ทั้งเครื่องแล็ปท็อปอัลตร้าพรีเมียมพิเศษ หรือเครื่องแบบ 2-in-1 โน้ตบุ๊กเชิงธุรกิจขนาด 14 นิ้ว 16:10 ที่เล็กที่สุดในโลก พร้อมอัตราส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่องที่ดีที่สุดบนพีซีธุรกิจขนาด 14 นิ้ว มีให้เลือกในสีเมทัลลิคกราไฟต์ และยังมีกล้อง FHD ใหม่สำหรับการสนทนาทางวิดีโอที่ชัดเจนยิ่งขึ้น

-  Latitude 7330 Ultralight บิสสิเนสโน้ตบุ๊กที่พกพาสะดวกแต่มีความทนทานเป็นอย่างยิ่งของเดลล์คือแล็ปท็อปเพื่อการใช้งานเชิงธุรกิจระดับพรีเมียมขนาด 13.3 นิ้ว 16:9 ที่เล็กที่สุดและเบาที่สุดในโลก ด้วยน้ำหนัก 2.13 ปอนด์ หรือ 0.967 กิโลกรัม เครื่องแล็ปท็อปมาพร้อมพอร์ตการทำงานทั้งหมดที่จำเป็นเพื่อสร้างความสมดุลด้านความสามารถในการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพกับฟอร์มแฟคเตอร์คุณภาพสูงโดยไม่กระทบต่อความน่าเชื่อถือของแล็ปท็อปในระดับของ Latitude
-  Latitude 7000 series ใหม่มาพร้อมกับโพรเซสเซอร์ประสิทธิภาพที่สูงขึ้นและตัวเลือกหน่วยความจำ DDR5 ในขณะที่ปรับระบบการระบายความร้อน และระบบเสียงอะคูสติกให้ดียิ่งกว่าเดิม ขณะเดียวกัน Latitude 2-in-1s ได้จับคู่การทำงานกับ Dell Premier Rechargeable Active Pen ปากกาแอคทีฟ เพน ตัวแรกของโลกที่มากับ Tile location tracking ที่สามารถติดตามตำแหน่งได้ผ่านบลูทูธ ทั้งนี้ เดลล์ยังอัปเดต Latitude 5000 ซีรีส์ พร้อมการเปิดตัว Latitude 3330 ใหม่อีกด้วย

ผู้เชี่ยวชาญ และครีเอเตอร์ที่มีความเชี่ยวชาญพิเศษสามารถเพิ่มประสิทธิภาพและความง่ายต่อการเคลื่อนย้ายพกพาได้อย่างเต็มที่ด้วยโมบายล์เวิร์กสเตชันใหม่ของเดลล์ ที่มากับโซลูชันระบบนิเวศในด้านต่างๆ

-  Precision 5470 ใหม่มาพร้อมกับ 12th Gen Intel® Core i9 โปรเซสเซอร์ หน่วยความจำ DDR5 64GB พื้นที่จัดเก็บ 4TB และตัวเลือกกราฟิก NVIDIA RTX A1000 พร้อมกราฟิก 4GB GDDR6 หรือ Intel® Arc™ Pro A30M และเดลล์ยังเปิดตัวโมบายล์เวิร์กสเตชันขนาด 15 และ 17 นิ้วที่บางที่สุดและเล็กที่สุด ซึ่งก็คือ Precision 5570 และ 5770 อีกด้วย

-  นักธุรกิจและผู้ประกอบอาชีพด้านครีเอทีฟสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในงานทำงาน ปรับปรุงการทำงานของพวกเขาด้วยความชัดเจนระดับ 4K บนจอภาพ Dell UltraSharp 32 และ 27 4K USB-C Hub จอมอนิเตอร์แรกของโลกที่มีเทคโนโลยี IPS Black ที่ล้ำสมัย โดยให้คอนทราสต์ที่เข้มข้น สีดำที่เข้มลึก และมุมมองการรับชมที่ได้รับการปรับปรุง ซึ่งช่วยเพิ่มประสบการณ์การใช้งานของจอภาพในแบบ dual monitor นอกจาก Dell UltraSharp 30 USB-C Hub Monitor จะมาพร้อมขนาดแล้ว 16:10 แล้ว จอภาพเหล่านี้ยังมีขอบเขตสีที่กว้าง มี ComfortView Plus เพื่อความสบายตาที่เพิ่มมากขึ้น รวมถึงคุณสมบัติการทำงานหลายอย่าง (multi-tasking) ไปพร้อมๆ กัน และพอร์ตการเชื่อมต่อต่างๆ อีกด้วย


เนื่องจากผู้คนมีการเคลื่อนย้ายระหว่างพื้นที่ที่ใช้ในการทำงานไปมา ดีไวซ์ระบบนิเวศและบริการต่างๆ ด้านไอที จึงมีความสำคัญสำหรับประสบการณ์ที่ราบรื่นและเรียบง่าย

-  Dell Dual Charge Dock ขนาดกะทัดรัดคือ docking station สำหรับแล็ปท็อปเครื่องแรกของโลกที่มากับแท่นชาร์จไร้สายสำหรับสมาร์ทโฟน และหูฟังที่รองรับมาตรฐาน Qi ที่สามารถซัพพอร์ตมอนิเตอร์แบบ 4K สูงสุด คู่ เหมาะสมอย่างที่สุดสำหรับโฮมออฟฟิศ นอกจากนี้ ยังมี Dell ThunderboltTM Dock พร้อมการออกแบบในแบบโมดูลาร์ที่พร้อมสำหรับอนาคต ที่รองรับความสามารถในการอัพเกรดที่ง่ายดายจากรุ่นก่อนหน้า ให้การชาร์จที่รวดเร็วราวสายฟ้า ผ่าน Thunderbolt™ 4 และเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการเชื่อมต่อจอแสดงผล 4K รวมถึงอุปกรณ์ และอุปกรณ์ต่อพ่วงต่างๆ สำหรับการใช้งานในออฟฟิศทั่วไป และ Dell Universal Dock ที่เหมาะที่สุดสำหรับพื้นที่ทำงานที่ใช้ร่วมกัน มอบประสบการณ์ที่สอดคล้องกันสำหรับแล็ปท็อป USB-C พร้อมจำนวนพอร์ตสูงสุดใน Universal Dock

-  ในยุคของการทำคอนเฟอร์เรนซ์ Dell Speakerphone และ Dell Slim Conferencing Soundbar ใหม่ คือสปีกเกอร์โฟนและซาวด์บาร์ที่ได้รับการรับรองจาก Microsoft Teams ที่มีความชาญฉลาดที่สุดในโลก ทั้งคู่มาพร้อมความสามารถในการตัดเสียงรบกวนด้วย AI ที่ช่วยลดเสียงรบกวนรอบข้าง ในขณะที่ยังคงความชัดเจนของเสียงมนุษย์ เพื่อให้ผู้ใช้สามารถเพลิดเพลินกับประสบการณ์เสียงที่สมบูรณ์และชัดเจนยิ่งขึ้น


ความยั่งยืนและความปลอดภัย

สิ่งที่ถือได้ว่าเป็นหัวใจสำคัญของทุกผลิตภัณฑ์คือความความมุ่งมั่นที่เป็นพันธสัญญาของเดลล์ที่มีต่อความยั่งยืนและความปลอดภัย สายผลิตภัณฑ์ใหม่ของเดลล์มาพร้อมกับวัสดุที่ยั่งยืนมากยิ่งขึ้น ซึ่งรวมถึงการใช้นวัตกรรมในการใช้วัสดุที่ยั่งยืนในเครื่อง Latitude 5000 ซีรีส์ นอกจากนี้ บรรจุภัณฑ์ใหม่ยังทำมาจากวัสดุรีไซเคิลและวัสดุที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ 100 เปอร์เซ็นต์ และสามารถรีไซเคิลได้ทั้งหมด ซึ่งมีอยู่ใน Latitude แล็ปท็อปใหม่ทั้งหมด รวมถึง Precision โมบายล์เวิร์กสเตชัน และใน XPS 13 Plus

นอกจากนี้ เดลล์ยังนำเสนอพีซีเพื่อการใช้งานในธุรกิจที่ปลอดภัยที่สุดในอุตสาหกรรม ด้วยการใช้ทั้งซอฟต์แวร์ที่อยู่เหนือจากการคุ้มครองต่างๆ ของระบบปฏิบัติการ (OS) ตลอดจนการให้การปกป้องในรูปของฮาร์ดแวร์ที่อยู่ต่ำกว่าความสามารถของ OS ในการป้องกันภัยคุกคามทั้งในปัจจุบันและอนาคต สิ่งที่มาใหม่สำหรับ Dell Latitude ทุกรุ่นคือ Self-Healing Image Recovery ที่ให้การกู้คืนระบบปฏิบัติการหลังจากเกิดปัญหาร้ายแรง

แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม  ติดตามข่าวสารจากเดลล์ได้ที่ TwitterFacebookYouTube และ LinkedIn


ทั้งนี้ ข้อมูลที่ Adslthailand สอบถามเพิ่มเติมระหว่างแถลงข่าวออนไลน์ นพดล ปัญญาธิปัตย์ กรรมการผู้จัดการประจำประเทศไทย เดลล์ เทคโนโลยีส์ กล่าวว่า มีหลากหลายสินค้าที่โดนใจกลุ่มเป้าหมาย อย่าง LATITUDE 5000 SERIES ผลิตจากวัสดุรีไซเคิล ซึ่งเป็นแนวทางหลักเป้าหมายปี 2030 ทาง Dell มีสินค้า 100% จะต้องมาจากวัสดุรีไซเคิลเท่านั้น ซึ่งทุกวันนี้ไม่ต้องรอไปถึงปี 2030 ยังรวมไปถึงการผลิตตัวกระเป๋าอีกด้วยซึ่งทำมาจากการรีไซเคิลแบบ 100%


เราเชื่อว่าการทำงานแบบเวิร์คฟอร์มโฮมและใช้ชีวิตตามปกติวิถีใหม่ คือ สามารถสามารถทำงานได้ทุกที่ ย่อมส่งผลให้จำนวนพีซีเพิ่มขึ้นถึง 18% จากปีก่อนและเราเชื่อว่ายังมีการเติบโตต่อเนื่องต่อไป ซึ่งเราได้สร้างนวัตกรรมการป้องกันการขโมยข้อมูล ซึ่งทำให้เราสามารถป้องกันเรื่องของความเป็นส่วนตัว นอกจากนี้ความสว่างของจอผู้ใช้สามารถประหยัดพลังงานได้เพิ่มมากขึ้นส่วนการเชื่อมต่อแบบ 2 เครือข่ายทั้งสองไม่ว่าจะเป็นแบบมีสายและไร้สายหรือ 5G และ WIFI 6E ได้พร้อมกันโดยพร้อม การลดความหน่วงของความเร็ว 30% ส่งผลดีกับการวีดีโอคอลผ่านพีซี ส่วนเสียงรบกวนรอบข้างก็จะถูกกำจัดออกไปผู้ใช้งานไม่ต้องกังวลในเรื่องของการกดปิดเสียงหรือเปิดเสียงไมโครโฟน

ถือเป็นปีประวัติศาสตร์ของทาง dell ซึ่งเปิดเผยได้ในรูปแบบลูกค้าองค์กรในปี 2022 ในระดับโลกและประเทศไทยไปในทิศทางเดียวกัน โดยผลิตยอด 101.2 ล้านมิลเลี่ยนเติบโตสูง 17% ส่วน Storage เติบโตเพิ่มขึ้น 34.4%

dell มีมุมมองที่กว้างขึ้นเนื่องจากยอดขายในกลุ่มขององค์กรจะต้องมีการปรับตัวในการทำงาน ทุกองค์กรต้องซื้อดีไวซ์เพิ่มขึ้นรองรับการทำงานรูปแบบปกติบนพื้นฐานการปรับเปลี่ยนสถานการณ์ตลอดเวลาและวัฒนธรรมการใช้อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ของตนเองเพื่อรองรับเกิดเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ย่อมส่งผลต้องโอกาสในการเข้าขึ้นถึงลูกค้าได้ง่าย