สภาเมือง Yakima ลงมติเป็นเอกฉันท์ ให้ใช้กองทุน American Rescue Plan Act สำหรับช่วยเหลือโครงการยกระดับคุณภาพชีวิตชุมชน Yakima โดยเงินทุนดังกล่าว จะใช้เพื่อดำเนินโครงการบริการ WiFi สาธารณะฟรีที่สวนสาธารณะหลายแห่งในเมือง โดยมีแนวโน้มว่าจะเป็นสวนสาธารณะ Miller Park, Martin Luther King Jr. Park หรือ Gilbert Park
ซึ่งเอาเข้าจริงๆ แล้ว การให้บริการ Wi-Fi จะต้องใช้ต้นทุน เงินทุนในการติดตั้งอุปกรณ์ให้บริการ Wi-Fi ประมาณ 50,000 ถึง 60,000 ดอลล่าร์สหรัฐ โดย 1 ใน 3 ของเงินจำนวนนี้ ลงทุนไปกับอุปกรณ์เทคนิค และบริการอินเทอร์เน็ต รวมค่าไฟและค่าใช้จ่ายอื่นๆ นอกจากนี้ยังมีการคิดเผื่อไปถึงค่าบำรุงรักษาอุปกรณ์รายปี ที่ใช้เงิน 3,500 ถึง 5,000 ดอลล่าร์สหรัฐ
ยอมรับว่า แนวคิดในการให้บริการ Wi-Fi ฟรีในสวนสาธารณะถูกคิดมาหลายปีแล้ว แต่ก็จะต้องใช้เงินทุนสูง การบริการ Wi-Fi ฟรีจะช่วยให้ผู้ที่มีรายได้น้อยมีโอกาสเข้าถึงข่าวสาร แม้ว่าในบางจุดของเมืองจะมีการให้บริการ Wi-Fi ดีอยู่แล้วก็ตาม
นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่า เจ้าพนักงานได้ศึกษาบริการอินเทอร์เน็ตที่มีอยู่แล้ว ผ่าน WiFi app พลเมือง Yakima ใช้งานอินเทอร์เน็ตฟรีผ่านกว่า 200 ผู้ให้บริการ หรือเครือข่าย Wi-Fi แบบ crowdfunded
จากการตรวจสอบสวนสาธารณะ 41 แห่งในเมือง ว่ามีแห่งใดเหมาะสมในการให้บริการอินเทอร์เน็ตฟรี พบว่าสวนสาธารณะใหญ่อย่าง Randall Park และ Kiwanis Park ไม่เหมาะกับการให้บริการไวไฟฟรี เนื่องจากยากที่จะให้บริการครอบคลุมทั่วบริเวณสวนสาธารณะ และยังมี WiFi สาธารณะอื่นๆ รอบข้างอยู่แล้วด้วย ดังนั้น ทางเลือกที่ดีที่สุดคือ Miller Park, Martin Luther King Jr. Park และ Gilbert Park ในพื้นที่สัญญาณอินเทอร์เน็ตไม่ดีนัก หรือพบปัญหาในการเชื่อมต่อ
นอกจากนี้ยังต้องพิจารณาความเสี่ยง ว่าบริเวณนั้นอาจจะถูกแฮก หรือไม่ก็ถูกนำเครือข่ายไปใช้ในทางไม่ดีหรือไม่เหมาะสม
อีกทางเลือก หากไม่นำเสนอบริการ Wi-Fi บริเวณสวนสาธารณะ คือการให้บริการที่ศูนย์เยาวชน Henry Beauchamp Jr. Community Center, Washington Fruit Community Center หรือ Harman Center ซึ่งอาจจะได้ประโยชน์กว่าสวนสาธารณะ