จากมีรายงานว่าในช่วงเวลาที่เกิดโรคระบาด การโจมตีทางไซเบอร์ก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็น มัลแวร์ แรนซัมแวร์ และการโจมตีแบบ DDoS ผู้คุกคามไม่เพียงพยายามขัดขวางการใช้บริการในชีวิตประจำวันที่ผู้คนต้องใช้งาน เช่น การดูแลสุขภาพ การศึกษา และการเงิน แต่ยังรวมถึงโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ ไม่ว่าจะเป็น ซัพพลายเชนด้านอาหาร สาธารณูปโภค และ หน่วยงานของภาครัฐอีกด้วย ในขณะเดียวกัน ก็มีอาวุธทางไซเบอร์ที่สามารถใช้เพื่อทำการโจมตีเหล่านี้เพิ่มขึ้นเป็นอันมาก ช่วงครึ่งหลังของปี พ.ศ. 2564 ทีมวิจัยด้านความปลอดภัยของ A10 Networks ได้พบว่ามีอาวุธไซเบอร์ที่ใช้โจมตีแบบ DDoS เกิดขึ้นมากกว่า 15.4 ล้านรายการ นอกจากนี้ข่าวกรองด้านภัยคุกคามของ A10 Networks ให้รายละเอียดเกี่ยวกับการใช้การโจมตีแบบ DDoS ว่า เกิดขึ้นเพื่อขัดขวางโครงสร้างพื้นฐานและการสื่อสารในยูเครนเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ 2565 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงเดียวกันกับที่รัสเซียเปิดการโจมตีภาคพื้นดิน
ทีมวิจัยข่าวกรองภัยคุกคามของ A10 ได้ติดตามความคืบหน้าที่สำคัญทั้งในด้านขอบเขตและความรุนแรงของอาชญากรรมทางอินเทอร์เน็ต และระบุว่า:
• อาวุธการโจมตีแบบ DDoS มีจำนวนเพิ่มขึ้น: ทั้ง 15.4 ล้านรายการ ได้ถูกติดตามโดยทีมวิจัยความปลอดภัยของ A10 แล้ว
• อาวุธสำหรับโจมตีที่ขยายขีดความสามารถด้านการแอบแฝงซ่อนเร้น มีจำนวนเพิ่มขึ้นมากกว่า 100 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบปีต่อปี ซึ่งรวมถึง Apple Remote Desktop (ARD) ซึ่งถูกใช้ในช่วงที่เกิดความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครน
• ผู้โจมตีได้ใช้ประโยชน์จากช่องโหว่ Log4j ที่รู้จักกันดีในขณะนี้ โดยเครื่องมือค้นหาช่องโหว่ Log4j จำนวนมากกว่า 75 เปอร์เซ็นต์ มีต้นกำเนิดอยู่ในรัสเซีย
ข้อมูลเหล่านี้และแนวโน้มอื่นๆ ถูกรวบรวมอยู่ในรายงานภัยคุกคาม "2022 A10 Networks DDoS Threat Report" รวมถึงที่มาของกิจกรรมการโจมตีแบบ DDoS การเติบโตของอาวุธ DDoS, คอมพิวเตอร์, เซิร์ฟเวอร์, อุปกรณ์ IoT ที่อาจใช้ในการโจมตีแบบ DDoS และบ็อตเน็ต รายงานนี้ยังรวมถึงบทบาทของมัลแวร์ในการโจมตี กระจายของอาวุธ DDoS และขั้นตอนที่องค์กรสามารถดำเนินการเพื่อป้องกันกิจกรรมดังกล่าวได้
องค์กรต่างๆ ต้องดำเนินการทันที โดยใช้หลักการ Zero Trust
จากข้อมูลเมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2022 ที่ผ่านมาหน่วยงาน Biden-Harris Administration ได้ออกคำแนะนำให้องค์กรต่าง ๆ ของสหรัฐอเมริกาต้องดำเนินการอย่างรวดเร็วเพื่อป้องกันการโจมตีทางไซเบอร์และสงครามไซเบอร์ที่รัฐสนับสนุน อันเนื่องมาจากความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครนที่กำลังดำเนินอยู่
ทั้งนี้คำแนะนำดังกล่าวมุ่งเป้าไปที่องค์กรต่างๆ ในสหรัฐอเมริกา ขณะเดียวกันก็ชี้แจงถึงความจำเป็นเร่งด่วนที่องค์กรต่างๆ ทั่วโลกจะต้องประเมินจุดยืนด้านความปลอดภัยของตนอีกครั้ง การใช้หลักการ Zero Trust ไม่เพียงช่วยปกป้องเครือข่าย แต่ยังช่วยให้แน่ใจว่าเครือข่ายจะไม่ถูกนำไปใช้เพื่อเป็นจุดเริ่มการโจมตี โซลูชันด้านความปลอดภัยสำหรับการป้องกันการโจมตีแบบ DDoS, การตรวจสอบ TLS/SSL ในการรับส่งข้อมูลแบบเข้ารหัส และความสามารถด้านการรักษาความปลอดภัยใน การจัดส่งแอปพลิเคชันของ A10 สามารถกำหนดนโยบาย Zero Trust ที่อิงตามอัตลักษณ์บุคคลและตามบริบทเพื่อบังคับใช้ในการเข้าใช้งาน
“เหตุการณ์ล่าสุดเน้นย้ำถึงผลกระทบที่ร้ายแรงจากการโจมตีทางไซเบอร์ต่อรัฐบาลและธุรกิจทั่วโลก เครือข่าย A10 ติดตามต้นกำเนิดของกิจกรรมอาวุธการโจมตีแบบ DDoS นอกเหนือจากปัจจัยการโจมตีอื่น ๆ เพื่อติดอาวุธให้กับลูกค้าด้วยข่าวกรองภัยคุกคามที่เป็นประโยชน์ นี่เป็นองค์ประกอบที่สำคัญของเฟรมเวิร์ก Zero Trust เพื่อช่วยให้องค์กรสามารถคาดการณ์และลดการโจมตีทางไซเบอร์ได้ดียิ่งขึ้น และยังช่วยให้มั่นใจว่าเครือข่ายไม่ได้ถูกอาวุธโดยไม่ได้ตั้งใจ” Mr.Dhrupad Trivedi ประธานและซีอีโอของ A10 Networks กล่าว
อย่างไรก็ตามเพื่อเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงนวัตกรรมเทคโนโลยีของ A10 เมื่อเร็วๆ นี้ Frost & Sullivan ได้ประเมินโซลูชันการป้องกัน DDoS ของ A10 ร่วมกับผู้จำหน่ายรายอื่นหลายราย และได้มอบ “รางวัลผู้นำคุณค่าสำหรับลูกค้าของ Frost & Sullivan ประจำปี 2021 ในด้านการลดความเสี่ยง DDoS ระดับสากล ด้านความเป็นเลิศในแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุด” ให้กับ A10
นอกจากนี้ เพื่อสนับสนุนความต้องการความปลอดภัยทางไซเบอร์ของลูกค้าและสนับสนุนโซลูชันระดับโลกสำหรับการป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์ ทาง A10 จึงได้เข้าร่วมกับ Microsoft Intelligent Security Association (MISA) ซึ่งเป็นระบบนิเวศของผู้จำหน่ายซอฟต์แวร์อิสระและผู้ให้บริการด้านความปลอดภัยที่มีการจัดการที่ผสานรวมโซลูชันของพวกเขา เพื่อป้องกันโลกของภัยคุกคามที่เพิ่มขึ้นได้ดียิ่งขึ้น
ข้อมูลเพิ่มเติมทางโซเชียลมีเดีย สามารถตรวจสอบรายละเอียดเพิ่มเติมได้จากรายงานภัยคุกคามจากการโจมตีแบบ DDoS ของ A10 Networks ฉบับเต็ม https://www.a10networks.com/resources/reports/2022-ddos-threat-report/
เยี่ยมชม บล็อก https://www.a10networks.com/blog/ หรือ เชื่อมต่อกับเราบน Facebook https://www.facebook.com/a10networks และ LinkedIn และ Twitter
เกี่ยวกับ A10 Networks
A10 Networks (NYSE: ATEN) ให้บริการแอปพลิเคชันที่ปลอดภัยสำหรับสภาพแวดล้อมภายในองค์กร มัลติคลาวด์ และ Edge-คลาวด์ที่ระดับไฮเปอร์สเกล ภารกิจของเราคือช่วยให้ผู้ให้บริการและองค์กรต่างๆ สามารถส่งมอบแอปพลิเคชันที่มีความสำคัญต่อธุรกิจซึ่งมีความปลอดภัย พร้อมใช้งาน และมีประสิทธิภาพสำหรับการเปลี่ยนไปใช้ระบบมัลติคลาวด์และมีความพร้อมสำหรับ 5G เรามอบผลลัพธ์ทางธุรกิจที่ดีกว่า ซึ่งส่งเสริมความคุ้มค่าในการลงทุน โมเดลธุรกิจใหม่ และช่วยส่งเสริมโครงสร้างพื้นฐานที่รองรับอนาคต ด้วยการเสริมศักยภาพให้ลูกค้าของเรามอบประสบกา ztiรณ์ดิจิทัลที่ปลอดภัยและพร้อมใช้งานมากที่สุด A10 Networks ก่อตั้งขึ้นในปี 2004 ณ ซานโฮเซ แคลิฟอร์เนีย และให้บริการลูกค้าทั่วโลก ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.a10networks.com และติดตามเราได้ที่ @A10Networks
The A10 logo and A10 Networks are trademarks or registered trademarks of A10 Networks, Inc. in the United States and other countries. All other trademarks are the property of their respective owners.