ทรูมูฟ เอช ให้ความสำคัญในการพัฒนาคุณภาพบริการ ควบคู่กับการดูแลรักษาข้อมูลของลูกค้า พร้อมปกป้องผู้บริโภคจากปัญหา SMS กินเงิน และ SMS ขยะ (Junk SMS/Spam SMS) รวมทั้งภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่มีรูปแบบกลโกงหลากหลายมากขึ้น ซึ่งก่อกวนทำให้เกิดความรำคาญ หลอกลวง ทำให้เข้าใจผิดหลงเชื่อตกเป็นเหยื่อของเหล่ามิจฉาชีพ สร้างความเดือดร้อนเสียหายต่อทรัพย์สิน โดย ทรูมูฟ เอช มีความห่วงใย ใส่ใจดำเนินมาตรการต่างๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับความปลอดภัยให้ทันต่อสถานการณ์ภัยไซเบอร์อยู่เสมอ เพิ่มความมั่นใจให้แก่ลูกค้าในทุกมิติการใช้บริการ

ทรูมูฟ เอช เพิ่มความสบายใจให้ลูกค้าในการใช้บริการเสริมคอนเทนต์ผ่านข้อความสั้น (SMS Content) และตั้งใจแก้ไขปัญหา SMS กินเงิน ที่มีการเรียกเก็บค่าบริการเสริมโดยไม่ได้สมัคร ซึ่งอาจเกิดจากการสมัครบริการเสริมโดยไม่ได้ตั้งใจ หรือ ถูกมัลแวร์ที่แฝงอยู่ในเครื่องโทรศัพท์ทำการสมัครเองโดยอัตโนมัติ  ทรูมูฟ เอช จึงได้ยกระดับความปลอดภัยไปอีกขั้น โดย

1. อัปเกรดระบบยืนยันตัวตนผ่าน OTP ทุกครั้งที่สมัครบริการเสริม SMS เพื่อป้องกันแบบ Proactive (Proactive Protection) ก่อนจะมีการเรียกเก็บค่าบริการ และมีการส่ง SMS ยืนยันการสมัครบริการทันทีทุกครั้งที่มีการสมัครใช้บริการ

2. ร่วมมือกับผู้ให้บริการเนื้อหาทุกรายทั้งในและต่างประเทศ (SMS Content Providers) ในการดำเนินการตามข้อปฏิบัติของบริษัท โดยให้มีขั้นตอนการยืนยันตัวตนผ่าน OTP และส่ง SMS ยืนยันการสมัครบริการเสริมทุกครั้ง

นอกจากนี้ ทรูมูฟ เอช ยังเพิ่มความสะดวกรวดเร็วในกรณีที่ลูกค้าพบปัญหาบริการเสริม SMS Content โดยจัดเตรียมช่องทางพิเศษในการดูแลลูกค้าโดยเฉพาะ ได้แก่

3. ศูนย์เฉพาะรับแก้ไขปัญหาบริการคอนเทนต์ดาวน์โหลด โทร 02 700 8085 ให้บริการสอบถาม ยกเลิก และแจ้งปัญหาการถูกเรียกเก็บค่าบริการจากการดาวน์โหลดคอนเทนต์ สำหรับลูกค้าทรูมูฟ เอช โทรฟรี (ทุกวัน เวลา 9.00-18.00 น.)

4. ยกเลิกรับข้อความประชาสัมพันธ์ผ่าน SMS กด *137 แล้วกดโทรออก กด 1 ตรวจสอบ SMS ที่ถูกคิดค่าบริการ กด 2 ยกเลิก SMS ข้อความประชาสัมพันธ์ หรือ กด 3 ยกเลิก SMS ที่ถูกคิดค่าบริการ  สำหรับลูกค้าทรูมูฟ เอช โทรฟรีตลอด 24 ชั่วโมง

5.ช่องทาง Online Self-Service ให้บริหารจัดการบริการเสริม SMS ง่ายๆ ด้วยตนเองผ่านเว็บไซต์และแอปพลิเคชัน True iService สามารถตรวจสอบบริการ SMS ที่สมัครไว้ หรือยกเลิกบริการ SMS ได้ด้วยตัวเอง

ทรูมูฟ เอช เดินหน้าแก้ไขปัญหา SMS กวนใจ (Junk SMS/Spam SMS) และ เบอร์โทรจากกลุ่มมิจฉาชีพ พร้อมขยายความร่วมมือกับพันธมิตรทุกภาคส่วน เพื่อปกป้องลูกค้าจากความเสี่ยงบนโลกไซเบอร์อย่างจริงจังและเป็นรูปธรรม ดังนี้

1. Hotline 9777 ศูนย์รับเรื่องร้องเรียนเบอร์โทรต้องสงสัย และ SMS มิจฉาชีพ โดยร่วมมือกับ ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) หรือ ศูนย์ PCT และ กสทช. สำหรับลูกค้าทรูมูฟ เอช โทรฟรี ตลอด 24 ชั่วโมง กรณีพบเป็นเบอร์โทร หรือ SMS จากมิจฉาชีพจริง จะดำเนินการบล็อกเบอร์โทร หรือ SMS นั้นทันที และประสานงานไปยังหน่วยงานภาครัฐเพื่อสืบค้นและดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป พร้อมขยายบริการรับเรื่องร้องเรียนผ่าน “มะลิ AI” บนแพลตฟอร์มทรูไอเซอร์วิส (True iService)

2. ใส่เครื่องหมาย +697 นำหน้าเบอร์โทรศัพท์ เพื่อให้ทราบว่าเป็นการโทรจากต่างประเทศ และบล็อกเบอร์ต้องสงสัยเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงผู้บริโภค ด้วยความร่วมมือกับ กสทช.

3. บล็อกข้อความที่มีลักษณะไม่เหมาะสม อาทิ ลามกอนาจาร หลอกลวง และการพนันออนไลน์  ตลอดจนเน้นย้ำมาตรการกับบริษัทคู่สัญญาที่ใช้บริการส่ง SMS ผ่านเครือข่ายทรูมูฟ เอช โดยหากตรวจพบว่ามีการส่งข้อความที่ไม่เหมาะสม บริษัทฯ จะดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมายทันที รวมถึงประสานงานกับผู้ให้บริการที่มีการส่ง SMS จากต่างประเทศ พร้อมร่วมมือกับผู้ให้บริการรายอื่นในการรวบรวมข้อมูล อาทิ ชื่อผู้ส่ง SMS (SMS Sender Blacklist), ตัวอย่างข้อความ SMS ลามกอนาจาร หลอกลวง และการพนันออนไลน์ เพื่อร่วมกันป้องกันไม่ให้มีการส่งข้อความไม่เหมาะสมไปยังลูกค้าผู้ใช้บริการ พร้อมรายงานต่อ กสทช.

4. เตือนหมายเลขโทรเข้า หรือ SMS ต้องสงสัย โดยร่วมมือกับผู้ให้บริการแอปพลิเคชัน “Whoscall” แนะนำให้ใช้งานแอปพลิเคชันดังกล่าว เพื่อให้รู้ทันก่อนหลงเชื่อ ซึ่งจะช่วยยับยั้งความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นได้

นอกจากนี้ ทรูมูฟ เอช เสริมเกราะป้องกันภัยไซเบอร์แก่ลูกค้าและผู้บริโภค ผ่าน True Cyber Care ที่เว็บไซต์ www.true.th/truemoveh/site/true-cyber-care ให้ข้อมูลและแนะนำวิธีป้องกันภัยจากมิจฉาชีพที่มีรูปแบบใหม่ๆ เกิดขึ้นอยู่อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นเบอร์โทร หรือ SMS หลอกลวง ปลอมแปลงเป็นผู้อื่น หรือ Phishing  ซึ่งจะช่วยให้ลูกค้ารู้เท่าทันกลโกงก่อนหลงเชื่อ ช่วยยับยั้งความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นได้

ทาง adslthailand สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมกับคุณสกลพร  หาญชาญเลิศ ผู้อำนวยการธุรกิจด้านบริการใหม่ บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น ระบุว่า ภายในเดือนหน้าทางระบบทรูเตรียมให้ลูกค้าสามารถใช้บริการใหม่ whoscall ซึ่งเป็นความร่วมมือพิเศษที่เกิดขึ้น ลูกค้าสามารถเห็นข้อมูลได้ทันที่โดย whoscall จะปรากฏชื่อขึ้นมาเลยว่าอยู่ในกลุ่มมิจฉาชีพหรือไม่ แม้เป็นหมายเลขโทรศัพท์ที่เราไม่ได้เซฟไว้ในเครื่องสมาร์ทโฟนแต่สามารถที่จะชี้ชัดได้ว่าหมายเลขดังกล่าวเป็นสแปมหรือเป็นมิจฉาชีพเพื่อประกอบในการตัดสินใจในการรับสาย 

whoscall ทาง True ได้ร่วมกับแอพพลิเคชั่นดังกล่าวในการแก้ไขปัญหาในการแจ้งบุคคลที่โทรมาเป็นมิจฉาชีพหรือไม่ เดิมมีให้บริการแบบฟรีและระดับPremium ทางทรูเองได้พร้อมนำบริการดังกล่าวมาปรับใช้กับลูกค้าทรูมูฟเอชทุกราย พิเศษและตัวราคาแพ็คเกจที่จะให้เป็นการเฉพาะกับลูกค้า TrueMove H  ซึ่งขณะนี้กำลังศึกษารายละเอียดอยู่ว่าจะทํายังไงให้ลูกค้าของทรูมูฟเอชได้ประโยชน์สูงสุดโดยในอนาคตมีความเป็นไปได้มากที่จะร่วมมือมากกว่านี้

ในปัจจุบันความพิเศษในการร่วมมือกับทาง whoscall มีกฎหมายทางด้านข้อมูลส่วนบุคคล PDPA เราจะต้องมีข้อระมัดระวังและการกำหนดเงื่อนไขในการแลกเปลี่ยนข้อมูล สิ่งที่สำคัญมากกว่านั้นคือข้อมูลของลูกค้าทรูมูฟเอชทุกรายจะต้องได้รับความปลอดภัยเช่น หากเลขหมายดังกล่าวเคยเป็นเบอร์ของมิจฉาชีพแล้วกลุ่มวิชาชีพได้ทิ้งหมายเลขโทรศัพท์ดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อลูกค้าท่านใหม่ได้เปิดใช้บริการแต่ข้อมูลเดิมของทาง  whoscall ยังชี้ว่าเรียกหมายของเขาเป็นกลุ่มมิจฉาชีพอยู่เราจะดำเนินการอย่างไรให้ลูกค้าใหม่ของเราสามารถแจ้งได้หรือไมว่าเราไม่ใช่อยู่กลุ่มมิจฉาชีพ

ซึ่งทางเราเองคิดก้าวไปกว่านั้นนั่นคือหากลูกค้าของเราไม่ได้ใช้บริการต่างๆลูกค้าของเราจะไปแจ้งกับทาง  whoscall  ได้อย่างไรว่าเลขหมายของเราไม่ใช่เป็นเลขหมายของมิจฉาชีพแล้วเราเป็นผู้ใช้บริการรายใหม่แล้ว  ดังนั้นการเปลี่ยนเจ้าของเลขหมายใหม่เราสามารถที่จะล้างข้อมูล  whoscall ได้ ซึ่งบริการดังกล่าวจะเปิดให้ใช้บริการภายในเดือนมิถุนายน 2565

สำหรับขั้นตอนการพิจารณาเมื่อได้รับข้อร้องเรียนจากทางลูกค้าว่าได้ถูก SMS กินเงินเป็นที่เรียบร้อยแล้วโดยที่ตนเองไม่ได้ดำเนินการกดอะไรเลย ทางเราพร้อมดูแลลูกค้า 100% โดย TrueMove H ขอยืนยันว่าเราไม่ทิ้งใครไว้ด้านหลังเพียงแต่เราจะต้องตรวจสอบว่าลูกค้ากดบริการดังกล่าวผ่านช่องทางใดหากลูกค้าสมัครมาเองก็จะได้รับ SMS OTP หรือ USSD เป็นการยืนยันดังนั้นบริการดังกล่าวจึงเกิดจากมือของลูกค้าเองแต่หากเป็นการฟิชชิ่ง (phishing) หรือเกิดจากระบบหน้าเว็บไซต์ต่างๆมีบริการ Pop Up เกิดขึ้นและทำให้เกิดการเสียเงินซึ่งลูกค้าไม่ได้เป็นการกดจากตัวลูกค้าเองแน่นอนทาง TrueMove H ยินดีพร้อมจ่ายเงินให้กับลูกค้าคืน

ทาง TrueMove H ยังมองไปยังระบบการฟิชชิ่ง (phishing) กับยอดเงินที่มีการคิดแบบซ้ำๆกันในราคาเดิมหลายครั้งและมีจำนวนถี่ผิดปกติทางระบบพร้อมตรวจสอบกรณีดังกล่าวเช่นเดียวกัน

แต่อย่างไรก็ตาม TrueMove H ต้องรายงานสิ่งที่ตรวจพบในระบบให้กับลูกค้าทราบว่าลูกค้าไปสัมผัสช่องทางไหนเพื่อในการแลกเปลี่ยนและป้องกันปัญหาระหว่างกันที่จะเกิดขึ้นในอนาคต บางครั้งอาจจะต้องมีการล้างเครื่องหรือดำเนินการอัพเดทซอฟแวร์ใหม่จากตัวลูกค้าเพื่อไม่ให้ปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้นมาได้อีก

กรณีดังกล่าวรวมถึงการที่ลูกค้ากดสมัครชำระค่าเกมหรือไอเทมต่างๆพี่อยู่ในเกมทางระบบได้มีการตั้งเพดานเอาไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้วหากถึงวงเงินดังกล่าวทาง TrueMove H จะหยุดในการรับชำระเงินทันทีซึ่งลูกค้าจะต้องโทรหาทาง TrueMove H แต่หากลูกค้า Truemove H ไม่ได้ซื้อบริการเกมหรือไอเทมในเกมลูกค้าสามารถโทรมาได้ที่ 027008085 ได้ทันที

ทาง TrueMove H ยืนยันว่าทางเราจะไม่หยุดบริการการตรวจสอบความปลอดภัยแบบ 2 ชั้นหรือ SMS OTP แต่เราเองได้จับมือกับผู้ให้บริการ Security เพื่อตรวจสอบเว็บไซต์ที่มีการฟิชชิ่ง (phishing)หรือเว็บไซต์ที่มีระบบ Pop Up สุ่มเสี่ยงให้ลูกค้าหลากหลายบริษัท ทางเราได้มีการอัพเดทโครงข่ายอัจฉริยะอยู่ต่อเนื่อง เนื่องจากทางโครงข่ายเองต้องการทราบข้อมูลให้มากที่สุดเท่าที่ระบบจะสามารถหาได้รวดเร็วที่สุดเพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ลูกค้าของเราได้รับความเสี่ยงจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ทางเราขอยืนยันว่าค่าบริการเสริมที่มาในรูปแบบดังกล่าวถือเป็นรายได้ที่ทางระบบไม่ควรได้ ระหว่างลูกค้ากับมัลแวร์ทางเราขอเลือกลูกค้าเป็นอันดับ 1 และต้องกำจัดมัลแวร์ให้ออกจากระบบของเราให้ได้มากที่สุดดังนั้นทางระบบจึงไม่มองรายได้ดังกล่าวเข้ามาเพื่อเป็นผลประกอบการอย่างแน่นอน