22 มิ.ย. 2565 450 0

เคลมดิ ชี้ ตลาดประกันส่งสัญญาณเติบโต เตรียมลงทุนเทคโนโลยีเน้นลูกค้าเป็นศูนย์กลาง เข้าถึงพฤติกรรมเชิงลึก

เคลมดิ ชี้ ตลาดประกันส่งสัญญาณเติบโต เตรียมลงทุนเทคโนโลยีเน้นลูกค้าเป็นศูนย์กลาง เข้าถึงพฤติกรรมเชิงลึก

กิตตินันท์ อนุพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอนิแวร์ทู โก และผู้ร่วมก่อตั้ง เคลมดิ (Claim Di) สตาร์ทอัพชั้นนําด้านบริการ แอปพลิเคชันเคลมประกัน เปิดเผยว่า ในงาน Insuretech Connect Asia 2022 ล่าสุดที่จัดขึ้นที่ประเทศสิงคโปร์ แนวโน้มประกันภัยในเอเชียและในประเทศไทยว่าอยู่ในช่วงขาขึ้น หลังจากประสบปัญหาจากการระบาดของโควิด19 ทำให้หลายบริษัทขาดทุนอย่างต่อเนื่องในช่วง ปีที่ผ่านมา

“ปีนี้ หลายองค์กรในตลาดประกันภัยเริ่
มมองเห็นแนวโน้มที่สดใส หลายบริษัทในภูมิภาคต่างเห็นพ้องต้องกันถึงศักยภาพของนวัตกรรมด้านเทคโนโลยี และความร่วมมือภายในเครือข่ายระบบนิเวศประกัน ที่จะเป็นแรงขับเคลื่อนให้บริษัทประกันบรรลุถึงโอกาสใหม่ทางการตลาด ด้วยการนำเสนอบริการรูปแบบใหม่ เพื่อให้ได้ฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ ในขณะที่ยังรักษาฐานลูกค้ากลุ่มเดิมไว้ได้อย่างเหนียวแน่น” กิตตินันท์ กล่าว

โดยไฮไลท์ที่พูดคุยภายในงาน 
InsureTech Connect Asia ในปีนี้ครอบคลุมประเด็นสําคัญ ประการของความก้าวหน้า และโอกาสใหม่ในธุรกิจ InsurTech ได้แก่ 1) การเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจที่จะมุ่งเน้นที่ “พฤติกรรมของลูกค้า” (customer behavior) เป็นหลัก 2) การปฏิรูปทางดิจิทัล หรือ Digital Transformation ของธุรกิจ 3) การควบคุมปัจจัยเสี่ยงทางธุรกิจ และ 4) การพัฒนาระบบนิเวศ (ecosystem) เพื่อต่อยอดธุรกิจ

ทั้งนี้ เทคโนโลยีที่คาดการณ์ว่าจะมาช่วยให้ธุรกิจประกันดีขึ้นแบบพลิกโฉมนั้น 
InsureTech Connect Asia 2022 มีข้อสรุปร่วมกันว่า ต้องเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่จะให้ธุรกิจประกันภัยสามารถเข้าถึงข้อมูลลูกค้าได้อย่างถูกต้อง และสามารถติดต่อไปยังลูกค้าโดยตรงโดยตัดตัวกลางได้มากที่สุด เพื่อช่วยให้ธุรกิจประกันภัยสามารถลดต้นทุน และความผิดพลาดในการวางแผนธุรกิจได้ดีที่สุด อย่างไรก็ตาม กิตตินันท์ ชี้ว่าปัจจุบัน ยังไม่มีนักพัฒนาระบบซอฟต์แวร์ หรือ สตาร์ทอัพรายใดสามารถนําเสนอ ผลงานด้านนี้ออกมาสู่ตลาดได้ในช่วงปีนี้

ลูกค้าคือศูนย์กลางของธุรกิจ นิเวศที่เข้มแข็งคือแต้มต่อ

“ภาพรวมตลาดประกันภัยที่เปลี่ยนแปลงไปต่อจากนี้ คือทุกบริษัทประกันภัยจะหันมาเน้นเรื่อง Customer Centric หรือ Customer Behavior เป็นหลัก จากที่ผ่านมาเน้นแต่มุมมองภายในของผู้นำเสนอประกันเอง (Insurer Centric) ซึ่งภาคประกันถือเป็นภาคที่ปรับตัวช้ากว่าภาคธุรกิจอื่นๆ และความร่วมมือที่เข้มแข็งระหว่างธุรกิจในระบบนิเวศพร้อมกับนำนวัตกรรมเทคโนโลยีรูปแบบใหม่มาใช้ เพื่อปรับตัวสู่ยุดิจิทัล คือหนทางสู่การต่อยอดธุรกิจใหม่ ช่วยสร้างการเติบโตให้กับระบบนิเวศ” กิตตินันท์ กล่าว

ในส่วนของเคลมดิ (
Claim Di) เอง เตรียมส่งแพลตฟอร์มเทคโนโลยีล้ำหน้า ที่ให้มุมมองเชิงลึกในเรื่องของ Customer Behavior ในรูปแบบของ Bureau ที่ยังไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในอุตสาหกรรมนี้ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า โดยที่ไม่ต้องผ่านตัวกลาง ช่วยลดค่าใช้จ่าย และพัฒนาธุรกิจประกันภัยไปสู่โอกาสทางธุรกิจที่ตรงใจลูกค้าและเห็นผลชัดเจน

“การพัฒนาความร่วมมือกับสตาร์
ทอัพนอกองค์กร จึงเป็นแนวโน้มรูปแบบใหม่ที่ช่วยให้บริษัทประกันภัยได้ประโยชน์สูงสุดจากการนำนวัตกรรมใหม่อย่างการเข้าถึงข้อมูลพฤติกรรมลูกค้าในเชิงลึก โดยที่องค์กรไม่ต้องเสียเวลาและค่าใช้จ่ายในการพัฒนานวัตกรรมดังกล่าวเอง และยังช่วยให้นำเสนอบริการให้กับลูกค้าได้อย่างตรงใจ นอกจากจะเข้าถึงโอกาสใหม่ทางธุรกิจ ยังเป็นการต่อยอดธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะเป็นการพัฒนาโมเดลธุรกิจร่วมกันในระบบนิเวศเครือข่ายประกันที่ให้ผลประโยชน์ร่วมกัน และนำไปสู่การเติบโตของเครือข่ายพันธมิตรในระบบนิเวศในภาพรวมได้”

กิตตินันท์ ได้ยกตัวอย่างบริษัทประกันสัญชาติสิงคโปร์ อย่าง 
Income Insurance ซึ่งเป็นบริษัทประกันภัยรายใหญ่ที่สุดของประเทศสิงคโปร์ และเป็นลูกค้าของ Claim Di ที่ได้มีการนำระบบบริการเคลมไวมาใช้เป็นหลังบ้านในการให้บริการลูกค้าในประเทศสิงคโปร์  “Income Insurance ซึ่งเป็นลูกค้าของเรา เป็นบริษัทประกันภัยชั้นนำรายใหญ่ที่มุ่งเน้นเรื่องของนวัตกรรม มองว่าการสร้างนวัตกรรมควรสร้างจากมุมมองที่ต่างจากสิ่งที่คนอื่นทำ และเน้นการสร้างสตาร์ทอัพจากภายนอก และนี่คือสิ่งที่เคลมดิมองว่าเป็นอนาคตที่จะช่วยสร้างธุรกิจในรูปแบบใหม่เพื่อตอบโจทย์โอกาสใหม่ๆ ให้กับบริษัทประกันภัยได้อย่างตรงจุด”