2 ส.ค. 2565 899 0

สกมช. ผสานความร่วมมือหัวเว่ย เร่งยกระดับความปลอดภัยด้านไซเบอร์ของประเทศ ผ่านการพัฒนาทักษะบุคลากรไทย

สกมช. ผสานความร่วมมือหัวเว่ย เร่งยกระดับความปลอดภัยด้านไซเบอร์ของประเทศ ผ่านการพัฒนาทักษะบุคลากรไทย

ในภาพ – พิธีลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ระหว่างสำนักงานคณะกรรมการการรักษา

ความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) โดย พล.อ.ปรัชญา เฉลิมวัฒน์ เลขาธิการคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัย
ไซเบอร์แห่งชาติ (ลธ.กมช.) (ที่ 
3 จากซ้าย) และบริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด โดย นายอาเบล เติ้ง ประธานกรรมการบริหาร (ที่ 5 จากซ้าย) และได้รับเกียรติจากนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (MDES) (ที่ 4 จากซ้าย) นางสาวอัจฉรินทร์ พัฒนพันธ์ชัย ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ที่ จากซ้าย) พลอากาศตรี อมร ชมเชย รองเลขาธิการฯ คณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (ซ้ายสุด) นายแจ็ค หลี่ กรรมการบริหาร บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด (ที่ จากซ้าย) และนายสุรชัย ฉัตรเฉลิมพันธุ์ เจ้าหน้าที่ฝ่ายความปลอดภัยทางไซเบอร์และความเป็นส่วนตัวของบริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด (ขวาสุด) ร่วมเป็นสักขีพยาน

สำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลง (MOU) ความร่วมมือด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์กับ บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ให้บริการด้านระบบโครงสร้างไอซีทีและโซลูชันไอทีชั้นนำในระดับโลก 


โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มทักษะด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ให้แก่บุคลากรด้านไอทีของไทย ผ่านการผลักดันแพลตฟอร์มการเรียนรู้ออนไลน์ e-Lab ของหัวเว่ย การจัดโครงการการแข่งขัน และการจัดหลักสูตรฝึกอบรมจากหัวเว่ย

 

ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (MDES) ได้กล่าวถึงประเด็นเรื่องสถานการณ์ความปลอดภัยทางไซเบอร์ของประเทศไทยในปัจจุบันและความร่วมมือกับหัวเว่ยในครั้งนี้ว่า “ประเด็นเรื่องข้อมูลรั่วไหลและการโจมตีทางไซเบอร์มีจำนวนครั้งที่เกิดถี่ขึ้นเรื่อย ๆ และมีความสลับซับซ้อนมากขึ้น ทำให้ปัญหาเรื่องความเหลื่อมล้ำด้านองค์ความรู้และทักษะทางดิจิทัลเริ่มส่งผลกระทบกับองค์กรต่างๆ อย่างรุนแรงยิ่งกว่าเดิม นั่นเป็นสาเหตุที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมได้ร่วมจับมือกับผู้นำด้านนวัตกรรมด้านดิจิทัลอย่างหัวเว่ยในการรับมือกับปัญหานี้ ด้วยการแบ่งปันองค์ความรู้ด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ รวมถึงแบ่งปันกรณีตัวอย่างจากภาคอุตสาหกรรมต่างๆ เพื่อเพิ่มศักยภาพด้านดิจิทัลในภาพรวมและนำเสนอทรัพยากรด้านการเรียนรู้ทีมีคุณภาพยิ่งขึ้น ความร่วมมือครั้งนี้จะช่วยกระตุ้นให้ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนประยุกต์ใช้ข้อปฏิบัติสำคัญในด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ โดยมีเป้าหมายคือการวางโครงสร้างพื้นฐานด้านทักษะที่แข็งแกร่งสำหรับประเทศไทย เพื่อช่วยผลักดันประเทศไทยให้เข้าสู่ยุคดิจิทัลแห่งอนาคตที่มีความปลอดภัย”


ทั้งนี้ พล.อ.ปรัชญา เฉลิมวัฒน์ เลขาธิการคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (ลธ.กมช.) ได้กล่าวถึงการลงนามความร่วมมือในครั้งนี้ว่า “ความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนถือเป็นสิ่งสำคัญ ในการสร้างความร่วมมือในหมู่องค์กรเอกชน องค์กรสาธารณะ และหน่วยงานรัฐต่าง ๆ เพื่อให้สามารถสร้างไซเบอร์สเปซที่มีความน่าเชื่อถือในระดับโลกให้เกิดขึ้นในประเทศไทย ทั้งนี้ ทาง สกมช. มีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง


ที่ได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงร่วมกับหัวเว่ยในครั้งนี้ เราเชื่อว่าการทำงานร่วมกันระหว่างหัวเว่ย ซึ่งเป็นบริษัทด้านไอซีทีและผู้ให้บริการโซลูชันชั้นนำของโลก และ สกมช. จะช่วยพัฒนาความปลอดภัยทางไซเบอร์ในประเทศไทยให้ดีขึ้นได้อย่างแน่นอน”


ด้าน อาเบล เติ้ง ประธานกรรมการบริหาร บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด ได้ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมถึงความร่วมมือจากการลงนามในบันทึกข้อตกลง (MOU) ด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ในครั้งนี้ว่า 

“การลงนามในบันทึกข้อตกลงร่วมกันในครั้งนี้จะช่วยให้ภาคสาธารณะในไทยสามารถเข้าถึงความปลอดภัย ทางไซเบอร์ได้ง่ายขึ้น โดยหัวเว่ยจะมุ่งมั่นเพิ่มความตระหนักรู้เกี่ยวกับตัวอย่างและหลักปฏิบัติเพื่อความปลอดภัยผ่านการผสานความร่วมมือกับ สกมช.ในด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ เราจะผลักดันให้เกิดโครงการการแข่งขันทักษะทางไซเบอร์ พัฒนาเทคโนโลยีสำคัญที่ครอบคลุมเทรนด์ระดับโลก อันได้แก่ 5G คลาวด์ อุปกรณ์มือถือ และทักษะด้านความเป็นผู้นำด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ โดยมีเป้าหมายคือเน้นพัฒนาทักษะในด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์และการแบ่งปันองค์ความรู้ต่างๆ”

อาเบล ยังให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าหัวเว่ยจะสนับสนุนคอร์สการฝึกอบรมด้านไซเบอร์ผ่านแพลตฟอร์มระดับโลก Huawei e-Lab ซึ่งวางเป้าหมายไว้เพื่อช่วยเพิ่มศักยภาพด้านไซเบอร์ด้วยการจัดฝึกอบรมในรูปแบบเวิร์กช็อปเรื่องความปลอดภัยทางไซเบอร์ เพื่อให้ผู้เข้าร่วมโครงการได้มีโอกาสลงมือปฏิบัติจริง นอกจากนี้ หัวเว่ยยังจะร่วมมือกับทาง สกมช. ในด้านการสร้างและส่งมอบหลักสูตรฝึกอบรมด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่ยั่งยืนให้แก่ประเทศไทย โดยแผนในปีนี้จะครอบคลุมเรื่องศักยภาพของความปลอดภัยทางไซเบอร์สำหรับบุคลากร 4 ระดับ อันได้แก่ ระดับพื้นฐาน ระดับกลาง ระดับสูง และระดับผู้เชี่ยวชาญ 


สำหรับแพลตฟอร์ม e-Lab ถือเป็นบริการด้านการศึกษาสำหรับลูกค้าของหัวเว่ย โดยแพลตฟอร์มดังกล่าวใช้โครงสร้างพื้นฐานของห้องแล็ปฮาร์ดแวร์ในระดับมหภาคของหัวเว่ยและเทคโนโลยีคลาวด์ ซึ่งทำให้ผู้เข้าฝึกอบรมสามารถเข้าถึงแพลตฟอร์ม e-Lab จากที่ไหน เมื่อไหร่ก็ได้ เพื่อเรียนรู้หลักสูตรอบรมภาคปฏิบัติต่างๆ เช่น การฝึกอบรมด้านปฏิบัติการ โปรแกรมจำลองด้านเครือข่าย และข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นซ้ำๆ เป็นต้น ซึ่งช่วยให้สามารถลดต้นทุนด้านการฝึกอบรมและประหยัดแรงงาน โดยปัจจุบันแพลตฟอร์ม e-Lab ของหัวเว่ยให้บริการผู้ให้บริการเครือข่ายมากกว่า 260 รายใน 170 ประเทศ โดยมีผู้ฝึกอบรมที่พัฒนาศักยภาพด้านไอซีทีบนแพลตฟอร์มดังกล่าวไปแล้วกว่า 1.3 ล้านราย

เกี่ยวกับหัวเว่ย

หัวเว่ยผู้นำด้านโครงสร้างพื้นฐานเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) และสมาร์ทดีไวซ์ด้วยโซลูชันที่ผสมผสานในสี่กลุ่มหลัก คือ เครือข่ายโทรคมนาคม,ไอที,สมาร์ทดีไวซ์และบริการคลาวด์บริษัทมีความมุ่งมั่นที่จะนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาสู่การใช้งานทุกระดับเพื่อทุกผู้คน ทุกครัวเรือน และทุกองค์กร เพื่อขับเคลื่อนโลกอัจฉริยะที่เชื่อมโยงถึงกันอย่างเต็มรูปแบบ ผลิตภัณฑ์ โซลูชันและบริการที่ครบวงจรของหัวเว่ยเปี่ยมด้วยศักยภาพด้านการแข่งขันและเชื่อถือได้ จากการทำงานร่วมกับพันธมิตรในระบบนิเวศแบบเปิด หัวเว่ยสามารถสร้างมูลค่าระยะยาวให้กับลูกค้า เสริมสมรรถนะของผู้คน ช่วยให้การใช้ชีวิตที่บ้านมีความสะดวกสบาย และสร้างแรงบันดาลใจให้เกิดนวัตกรรมในองค์กร ทุกรูปแบบและทุกขนาด

นวัตกรรมของหัวเว่ยเน้นตอบสนองตามความต้องการของลูกค้า เราทุ่มงบประมาณจำนวนมหาศาลในด้านการวิจัย เน้นค้นหานวัตกรรมด้านเทคนิคใหม่ๆ ที่จะช่วยขับเคลื่อนโลกของเราให้ก้าวไปข้างหน้า ด้วยพนักงานกว่า194,000คน ดำเนินธุรกิจในกว่า170ประเทศทั่วโลก หัวเว่ยก่อตั้งขึ้นในปี2530และเป็นบริษัทเอกชนที่มีพนักงานเป็นผู้ถือหุ้นทั้งหมด   

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ของหัวเว่ยได้ที่ www.huawei.com