วันนี้ เวอร์ทีฟ (NYSE: VRT) ผู้ให้บริการระดับโลกด้านโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่สำคัญและความต่อเนื่องของโซลูชันได้เป็นเจ้าภาพจัดงาน Asia Channel Summit ในประเทศไทย เพื่อแสดงแผนกลยุทธ์ด้านการตลาด นำเสนอโซลูชันล่าสุด รวมถึงการถกประเด็นของกลุ่มผู้นำทางความคิดร่วมกับคู่ค้ากว่า 200 รายทั่วเอเชียที่มาจากประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงเกาหลีใต้ และญี่ปุ่น การประชุมครั้งนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 17-19 สิงหาคม ณ โรงแรมอวานีพลัส ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพฯ และเป็นการประชุมที่จัดขึ้นในสถานที่จริงสำหรับคู่ค้าในภูมิภาคนี้เป็นครั้งแรก นับตั้งแต่มีการมาตรการล็อคดาวน์ทั่วโลกในปี 2563
แดเนียล ซิม ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายกลยุทธ์ช่องทางการตลาด (Channel Business) แห่งเวอร์ทีฟเอเชีย
กล่าวว่า “ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เราได้เห็นแล้วว่าเทคโนโลยีได้เปลี่ยนแปลงวิธีการทำธุรกิจของผู้คน
ไม่ใช่แค่ในเอเชียเท่านั้นแต่เปลี่ยนทั่วทั้งโลก ทุกวันนี้
เทคโนโลยีเป็นแรงผลักดัน พร้อมทั้งเป็นตัวขับเคลื่อนการทำธุรกรรมในแต่ละวันของพวกเรามากมาย
ดังนั้นการประชุม Vertiv Asia Channel Summit ครั้งนี้จึงเป็นการเปิดพื้นที่ให้คู่ค้าทั้งหมดของเราได้มาพบปะพูดคุยเพื่อเรียนรู้จากกันและกัน
และมีโอกาสในการทำความเข้าใจถึงแนวโน้มที่ค่อยๆ เปลี่ยนโลกของเราให้ไปสู่ความปกติในอีกรูปแบบหนึ่ง
เป็นเวลานานแล้วที่เราไม่ได้พบปะกับพันธมิตรของเราในภูมิภาคนี้เลย
และไม่มีอะไรดีไปกว่าการจัดประชุมในสถานที่จริงอีกแล้ว ผมตื่นเต้นมากที่จะได้พบกับคู่ค้าของเราทุกคน”
ในระหว่างการประชุม ผู้บริหารของเวอร์ทีฟได้เผยแผนงานกลยุทธ์การตลาดของเวอร์ทีฟในภูมิภาคเอเชียในปีต่อๆ
ไป ให้ข้อมูลอัปเดตเกี่ยวกับโปรแกรมพันธมิตร Vertiv Partner Program รวมถึงโปรแกรมสะสมคะแนน Vertiv Incentive
Program และการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ที่คู่ค้าทางกลยุทธ์
(Channel partners) สามารถนำเสนอให้กับลูกค้าได้
ไฮไลท์ของงานประชุมคือ Solutions Gallery ซึ่งเป็นการแสดงโซลูชัน Core-to-edge รุ่นล่าสุดของเวอร์ทีฟ
ได้แก่ เครื่องสำรองไฟรุ่น Vertiv™
Liebert® GXT5 ลิเธียมไอออนแบบ Double Conversion ออนไลน์ และ Vertiv™
Edge Lithium-Ion UPS
โซลูชันระบายความร้อน Vertiv™
Liebert® CRV4 หน่วยจ่ายไฟ Vertiv™
Geist™ rack power distribution units (rPDUs) และแร็คทรานซ์เฟอร์สวิตช์ พร้อมด้วยซอฟต์แวร์สำหรับการตรวจสอบ
Vertiv™
Power Insight และ Vertiv™
Environet™ Alert
พิเชฏฐ เกตุรวม ผู้จัดการประจำประเทศในภูมิภาคอินโดจีนแห่งเวอร์ทีฟ กล่าวว่า
“ยินดีเมื่อได้เห็นคู่ค้าของเราทั้งหมดมารวมตัวกันที่กรุงเทพฯ
การที่เราสามารถจัดกิจกรรมทางกายภาพได้อีกครั้งนั้นแสดงให้เห็นว่าธุรกิจต่างกำลังก้าวไปข้างหน้าแม้จะมีการระบาดใหญ่
ด้วยธุรกิจทั่วโลกกำลังปรับเปลี่ยนไปสู่ยุคนิวนอร์มัล เวอร์ทีฟจะยังคงทำงานร่วมกับคู่ค้าทางกลยุทธ์ (Channel
partners) เพื่อจัดหาโซลูชันด้านไอทีที่รองรับการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลที่จำเป็นสำหรับองค์กรเพื่อการเติบโตในสภาวะเศรษฐกิจยุคปัจจุบัน”
ในระหว่างงาน มีการพูดคุยแบบอภิปรายกับกลุ่มผู้นำทางความคิดของเวอร์ทีฟ
ซึ่งครอบคลุมถึงแนวโน้มล่าสุดที่กำลังกำหนดทิศทางของอุตสาหกรรมในปัจจุบัน โดยได้พูดคุยถึงโครงการริเริ่มที่สำคัญของเวอร์ทีฟ
ซึ่งขับเคลื่อนการเติบโตด้านกลยุทธ์การขาย ได้แก่ โปรแกรม
Vertiv e-commerce โปรแกรมจูงใจรูปแบบใหม่
กิจกรรมส่งเสริมการใช้งาน การส่งเสริมการตลาดไอทีแบบแพครวม และการบริหารจัดการแวดวงโซเชียลมีเดีย
พิเชฏฐ ได้กล่าวเพิ่มเติมกับ Adslthailand ด้วยว่า ปัจจุบัน Vertiv ของเรามีพนักงานมากถึง 24,000 คนในการให้บริการทั่วโลก ดูในประเทศไทยมีพนักงานมากถึง 88 คน โดยเราให้บริการมากกว่า 130 ประเทศทั่วโลก มีศูนย์การให้บริการลูกค้ามากกว่า 300 สาขาทั่วโลกโดยหนึ่งในนั้นมีกรุงเทพมหานครรวมอยู่ด้วย และมีโรงงานที่คอยสนับสนุน Vertiv จำนวนมากถึง 23 แห่ง ถือว่ามากที่สุดในอุตสาหกรรมนี้ โดยยอดขายส่วนใหญ่ 44% อยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา กลุ่มประเทศยุโรปและแอฟริกาใต้อยู่ที่ 24% และกลุ่มประเทศเอเชียอยู่ที่ 32% ปัจจุบันเราดำเนินธุรกิจมีทั้งหมด 3 รูปแบบได้แก่ การให้บริการทางด้านศูนย์ Data Center สัดส่วน 70% การให้บริการ Communication Network สัดส่วน 20% และการให้บริการ Commercial and Industry สัดส่วน 10%
ผลิตภัณฑ์ที่เราจัดจำหน่ายอยู่ในขณะนี้มีทั้งหมด 3 ส่วนได้แก่ Integrated Rack Solutions สัดส่วน 58% Services and Spares สัดส่วน 29% และ Critial Infrastructure and Solutions สัดส่วน 13%
สำหรับแนวโน้มในการดำเนินธุรกิจของ Vertiv ในประเทศไทย ทางเราคาดว่าปีนี้จะเติบโตมากถึง 10-20 % เกิดจากธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กไม่นิยมทำระบบ Data Center เป็นของบริษัทเองแต่จะใช้บริการระบบคลาวด์ขนาดเล็กและ Edge ขนาดเล็ก โดยปัจจุบันทางเราได้แบ่งการให้บริการทั้งหมด 2 กลุ่มได้แก่
1. กลุ่มอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ที่จะต้องใช้พลังงานสำรองเป็นจำนวนมาก เช่น กลุ่มโทรคมนาคมที่จะต้องใช้ Data Center ขนาดใหญ่และต้องการระบบไฟสำรองรวมถึงระบบรถไฟฟ้า ระบบการจัดการสนามบิน ระบบการจัดการเทคโนโลยีสารสนเทศของธนาคาร เป็นต้น
2. กลุ่มอุตสาหกรรมไอทีและ Edge Infrastructure เช่นระบบไฟสำรองในสำนักงาน ระบบไฟสำรองสำหรับคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะส่วนบุคคล ระบบไฟสำรองในการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างสาขาของสำนักงาน เป็นต้น
เราเชื่อว่าจะมีการลงทุนขนาดใหญ่เกิดขึ้นโดยเฉพาะกลุ่ม Data Center ที่รองรับการให้บริการ Facebook และ Google รวมถึงผู้ประกอบการ Data Center ที่พร้อมให้บริการเพื่อการเช่าเพื่อการเก็บข้อมูล ซึ่งทั้งหมดนี้ภายใน 3 ปี คาดว่าผู้ประกอบการมาลงทุนในประเทศไทยไม่ต่ำกว่า 6-10 รายอย่างแน่นอน ซึ่งจะมีการตั้งศูนย์การให้บริการในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล โดยมาในรูปแบบของจอยเรนเจอร์กับพันธมิตรในประเทศไทยหรือมาเองโดยตรง มูลค่าตลาดดังกล่าวสูงถึง 9,000 ล้านบาท ในปัจจุบันทางเราไม่มีปัญหาในเรื่องของการขาดแคลนชิปในการเชื่อมต่อระบบแบตเตอรี่และระบบต่างๆภายในบริษัทเนื่องจากทางบริษัทได้เตรียมการไว้เป็นอย่างดีจัดส่งสินค้าได้ตามกำหนดอย่างแน่นอน
แดเนียล กล่าวในตอนท้ายว่า กลุ่มธุรกิจ Edge Infrastructure ด้าน Server มีอัตราเติบโตสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องภายในปี 2025 มีอัตราสูงถึง 34.7 พันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ และ กลุ่ม Extemal RAID and Storage Expansion มีอัตราเติบโตสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องภายในปี 2025 มีอัตราสูงถึง 7 พันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ โดยกลุ่มดังกล่าวรองรับการเติบโตการใช้ไฟฟ้าสำรองไม่ว่าจะเป็นสมาร์ทโฟนต่างๆและแท็บเล็ตต่างๆแน่นอนยังรวมถึงคอมพิวเตอร์ตั้งแต่เพื่อนที่รับแบบตั้งโต๊ะจึงต้องการใช้พลังงานสำรองสูงมาก เนื่องจากเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ต่างๆที่ต้องเชื่อมโยงระบบอินเตอร์เน็ตและระบบความปลอดภัย ระบบทำความเย็น - ระบบ Server ต่างๆต้องมีระบบไฟฟ้าที่เสถียรเพื่อให้เกิดความมั่นใจในการใช้งาน
Vertiv ถือเป็นบริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ของประเทศสหรัฐอเมริกา เราให้ความสำคัญทางด้านสิ่งแวดล้อมสังคมและระบบธรรมาภิบาล ด้วยเรามุ่งเน้นโครงสร้างพื้นฐานทางด้านดิจิตอลให้สามารถขยายตัวโดยส่งผลกระทบต่อโลกให้ได้สัดส่วน 0% ผ่านกลยุทธ์ด้านความยั่งยืนแบบ Multi-Tiered มาปรับใช้กับศูนย์ Data Center เพื่อให้เกิดการใช้พลังงานหมุนเวียนได้เพิ่มมากขึ้นรถและระบายความร้อนผ่าน Liquid Cooling ให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นรวมถึงการผสมผสานระบบพลังงานหมุนเวียน และการจัดการระบบความร้อนแบบ Free Cooling ที่มีประสิทธิภาพ
ท่านสามารถศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และโปรแกรมพันธมิตรของเวอร์ทีฟได้ที่ Partners.Vertiv.com