เอไอเอสชี้แจง กรณีมีข่าวเผยแพร่ในสื่อบนออนไลน์ เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2565 พาดหัวข่าว “กสทช.” ชี้ “เอไอเอส” ไม่มีหน้าที่กำหนดเงื่อนไขควบรวมทรูดีแทค” เป็นข่าวเท็จ โดยในข่าวระบุว่า “สมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอไอเอส ได้เข้าพบ กสทช. และเสนอให้ กสทช. สั่งห้ามไม่ให้บริษัทใหม่ที่เกิดจากการรวมกิจการระหว่างทรูและดีแทครวมคลื่นความถี่ของทรูและดีแทคไว้ใช้งานร่วมกัน...” เป็นความเท็จ สมชัย CEO เอไอเอสไม่เคยไปพบ กสทช ในเรื่องนี้ ที่ผ่านมา เอไอเอส ได้มีการแสดงความเห็นในกรณีนี้อย่างเปิดเผย ต่อ กสทช และ หน่วยงานของรัฐ เช่น กรรมาธิการของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา การแสดงความเห็นในการอภิปรายสาธารณะที่จัดโดยหน่วยงานด้านคุ้มครองผู้บริโภคต่างๆ และ กสทช ไม่เคยมีการแจ้งตอบกลับความเห็นของเอไอเอส อีกทั้ง รายงานข่าวนี้ยังไม่มีแหล่งที่มาของผู้ให้ข้อมูลอย่างชัดเจน เพียงแค่ใช้คำว่า กระแสข่าว และ แหล่งข่าวจาก กสทช. เท่านั้น ซึ่งได้สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชนและทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทำให้เกิดความเสียหายต่อบริษัทอย่างมาก
นอกจากนี้ ในข่าวยังมีความพยายามบิดเบือนข้อมูล โดยไม่มีแหล่งที่มาของผู้ให้ข้อมูลอย่างชัดเจน เพียงแค่ใช้คำว่า “วงการนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ มองว่ากรณีที่เอไอเอสกระทำดังกล่าวเข้าข่ายเป็น Conflict of Interest หรือมีการขัดกันของผลประโยชน์..” อันเป็นความเท็จ และเป็นการกล่าวหาโดยไม่มีมูลความจริงแต่อย่างใด ทำให้เอไอเอสเสื่อมเสียชื่อเสียง
เอไอเอสยืนยันพร้อมดำเนินคดีทางกฎหมายกับผู้ที่ปล่อยข่าว รวมถึงสื่อที่เจตนาร่วมมือปล่อยข่าวนี้อย่างถึงที่สุด วอน สื่อมวลชนปฏิบัติหน้าที่สื่ออย่างมีจรรยาบรรณ ไม่ถูกกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งใช้เป็นเครื่องมือ เพราะขณะนี้มีความพยายามสร้างข่าวเท็จ บิดเบือนข้อมูลเพื่อโจมตีบริษัท ทั้งนี้ เอไอเอสย้ำ ขอให้เชื่อมั่นในการดำเนินธุรกิจด้วยหลักธรรมาภิบาล ที่คำนึงถึงประโยชน์ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่ม (Stake Holder) รวมถึงประชาชนคนไทยเป็นสำคัญ
ด้าน ไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รักษาการแทน เลขาธิการ กสทช. เปิดเผยว่า “จากข่าวที่เผยแพร่นี้ ไม่เป็นความจริง ทาง CEO เอไอเอสไม่ได้มาเข้าพบกับ กสทช.เพื่อคุยเรื่องนี้ และเอไอเอสไม่เคยชี้นำหรือก้าวล่วงในการพิจารณาของกสทช. อีกทั้ง กสทช ก็มิได้มีความเห็นใดๆตามที่ข่าวระบุไว้แต่อย่างใด ทั้งนี้ กสทช ยินดีรับฟังความคิดเห็นในกรณีนี้จากทุกภาคส่วน เพื่อให้ได้ข้อมูลอย่างครบถ้วนในการประกอบการตัดสินใจต่อไป"