อะโดบี (NASDAQ:ADBE) เปิดเผยข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับ
“ระบบเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนโดยครีเอเตอร์ หรือ Creator Economy” จากรายงานผลการศึกษา “อนาคตของการสร้างสรรค์”
หรือ “ Future of Creativity” พบว่า Creator Economy เศรษฐกิจที่เน้นการสร้างรายได้จากการทำคอนเทนต์
สินค้าและบริการออนไลน์ โดยใช้ประโยชน์จากความคิดสร้างสรรค์ ความสามารถพิเศษ และแพชชัน
มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีจำนวนครีเอเตอร์เพิ่มมากขึ้นกว่า 165 ล้านคนในช่วงสองปีที่ผ่านมา ทำให้ปัจจุบันมีครีเอเตอร์ราว 303 ล้านคนทั่วโลก นอกจากนี้ยังพบว่า Creator
Economy
สร้างความเปลี่ยนแปลงในทุกแง่มุมของสังคมและวัฒนธรรม ตั้งแต่รูปแบบการทำงานในอนาคต
ไปจนถึงความเคลื่อนไหวทางสังคม และการจัดการสุขภาพจิต (mental health)
สก็อต
เบลสกี้, ผู้บริหารฝ่ายผลิตภัณฑ์
และรองประธานบริหาร Adobe
Creative Cloud กล่าวว่า
“Creator
Economy เติบโตอย่างรวดเร็วแบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และสร้างแพลตฟอร์มที่เปิดโอกาสให้ทุกคนสามารถเป็นครีเอเตอร์ได้
ไม่ว่าจะเป็นผู้ใช้ทั่วไป, solopreneur, เจ้าของธุรกิจขนาดเล็ก
หรือคอนเทนต์ครีเอเตอร์ก็สามารถแสดงออกและค้นหาความสนใจด้านครีเอทีฟและศิลปะในรูปแบบใหม่ๆ ปัจจุบันครีเอเตอร์ทุกเพศทุกวัยได้เปลี่ยนแรงบันดาลใจและแพชชั่นของตัวเองเป็นอาชีพและธุรกิจใหม่ๆ
โดยเครื่องมือครีเอทีฟของอะโดบี”
ผลการศึกษา Future of Creativity จัดทำขึ้นเพื่อศึกษาความเคลื่อนไหวของ
Creator Economy ทั่วโลกครบทุกแง่มุม รวมถึงการเติบโตของ creativity ที่เปลี่ยนแปลงไปใน
สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร สเปน ฝรั่งเศส เยอรมนี ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้
และบราซิล ผลการศึกษาระบุว่าครีเอเตอร์ทั้งที่เป็นมืออาชีพและบุคคลทั่วไปที่สร้างคอนเทนต์ในแบบฉบับของตนเองเพื่ออาชีพ
หรือทำตามความชอบ รวมถึงดีไซเนอร์ ช่างภาพ ผู้สร้างภาพยนต์ illustrator คนที่ทำคอนเทนต์เป็นงานอดิเรกและอื่นๆ อินฟลูเอนเซอร์เองก็เป็นอีกหนึ่งประเภทของครีเตอร์ที่มีจำนวนผู้ติดตาม
5,000 คนขึ้นไป ซึ่งใช้ประโยชน์จากโซเชียลมีเดียสร้างความรู้ความเข้าใจหรือโน้มน้าวผู้ติดตามของพวกเขา
ผลิตภัณฑ์ของอะโดบีสามารถช่วยให้ทุกคนเป็นครีเอเตอร์ และเป็นโซลูชันทางเลือกสำหรับครีเอเตอร์ทั่วโลก
ตั้งแต่บุคคลทั่วไป solopreneur และโซเชียลอินฟลูเอนเซอร์
ไปจนถึงเจ้าของธุรกิจขนาดเล็กและธุรกิจระดับองค์กร
Creator Economy มีความหลากหลายและกำลังเฟื่องฟู ตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นมา ระบบเศรษฐกิจ Creator Economy มีการเติบโตอย่างเท่าทวีคูณ
·
ครีเอเตอร์กว่า 165 ล้านคนเข้าร่วม Creator Economy ตั้งแต่ปี 2563 โดยมีการเติบโตอย่างรวดเร็วในทุกตลาด
·
Creator Economy ในสหรัฐฯ เติบโตอย่างมาก
โดยมีจำนวนครีเอเตอร์เพิ่มขึ้นราว 34 ล้านคน (40%) บราซิล (ครีเอเตอร์ใหม่กว่า 73 ล้านคน), เกาหลีใต้ (กว่า 11 ล้านคน) และสเปน (กว่า 10 ล้านคน) ซึ่งกลายเป็นศูนย์กลางสำหรับการสร้างสรรค์
·
ประชากรราวหนึ่งในสี่ (23%) เป็นครีเอเตอร์ที่มีส่วนร่วมในการสร้างคอนเทนต์ ไม่ว่าจะเป็น ภาพถ่าย วิดีโอ
งานเขียน และออนไลน์สเปซต่างๆ รวมถึงแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย และบล็อกต่างๆ
·
คนยุค Millennials ครองสัดส่วนถึง 42% ของ Creator Economy ขณะที่คน Gen Z ครองสัดส่วน 14 %
·
48%
ของครีเอเตอร์ได้รับแรงจูงใจจากเป้าหมายเดียวกัน
นั่นคือ เสรีภาพในการแสดงออก และครีเอเตอร์ไม่ถึงหนึ่งในสาม (26%) มีเงินเป็นแรงจูงใจ
·
อินฟลูเอนเซอร์ครองสัดส่วนเพียง
14 % ของ Creator Economy ทั่วโลก
นิยามใหม่สำหรับ
Future of Work
Creator Economy ปลดล็อคเส้นทางอาชีพใหม่ๆ
ทั้งในส่วนของงานประจำและงานพาร์ทไทม์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคน Gen Z และ
Millennials ซึ่งไม่ค่อยสนใจที่จะทำงานในอาชีพแบบเดิมๆ
ผลการศึกษาพบว่าการสร้างคอนเทนต์สามารถช่วยสร้างรายได้ แต่ต้องอาศัยเวลาและความทุ่มเทอย่างเต็มที่จึงจะประสบความสำเร็จ
และถึงแม้ว่าการสร้างคอนเทนต์ยังคงเป็นงานที่สร้างรายได้เสริมสำหรับคนส่วนใหญ่
แต่ก็มีครีเอเตอร์จำนวนมากที่อยากพัฒนาต่อยอดให้ได้มากกว่านั้น
·
อินฟลูเอนเซอร์ราว 2 ใน 5 มีแรงจูงใจที่จะเปลี่ยนอาชีพเสริมจากการสร้างคอนเทนต์ให้กลายเป็นอาชีพหลัก
·
17% ของครีเอเตอร์เป็นเจ้าของธุรกิจ
ขณะที่ 39% มุ่งหวังจะเป็นเจ้าของธุรกิจในอนาคต
·
สำหรับครีเอเตอร์ส่วนใหญ่
การสร้างคอนเทนต์ถือเป็นงานอดิเรกหรืองานที่สร้างรายได้เสริม โดยครีเอเตอร์ 6 ใน 10 คนมีงานประจำอยู่แล้ว
“ครีเอเตอร์” คือกุญแจสำคัญในการส่งเสริมความเคลื่อนไหวทางสังคมผ่านทางออนไลน์ ครีเอเตอร์ใช้โอกาสในการพูดคุยประเด็นทางสังคมผ่านทางออนไลน์
และสนับสนุนความเคลื่อนไหวทางสังคมที่มีความสำคัญต่อตนเอง
·
ครีเอเตอร์เกือบทั้งหมด (95%) ส่งเสริมหรือสนับสนุนความเคลื่อนไหวทางสังคมที่มีความสำคัญต่อตนเอง
·
ความมั่นคงทางความเป็นอยู่และอาหาร (62%), ความยุติธรรมในสังคม (59%) และภาวะโลกร้อน (58%) คือประเด็นทางสังคมที่มีความสำคัญมากที่สุดสำหรับครีเอเตอร์ทั่วโลก
·
ครีเอเตอร์ใช้ผลงานสร้างสรรค์และอิทธิพลของตนเองเพื่อส่งเสริมความเคลื่อนไหวทางสังคม
เพราะเชื่อว่าตนเองสามารถสร้างความตระหนักรู้ให้แก่สังคม (51%), เป็นกระบอกเสียงให้แก่ผู้ด้อยโอกาส (49%) และช่วยให้คนอื่นๆ
แสดงความเห็นเกี่ยวกับประเด็นทางสังคมได้ง่ายขึ้น (47%)
ครีเอเตอร์กับสุขภาพทางจิต ผลการศึกษาชี้ว่ายิ่งครีเอเตอร์ใช้เวลาในการสร้างและแชร์คอนเทนต์มากขึ้นเท่าไร
เขาก็จะยิ่งรู้สึกมีความสุขมากขึ้นเท่านั้น ตรงกันข้ามกับผู้บริโภคโซเชียลมีเดีย
ซึ่งผลการศึกษาระบุว่าสามารถได้รับผลกระทบแง่ลบจากการใช้โซเชียลมีเดีย
·
โดยรวมแล้ว
ครีเอเตอร์ที่สร้างคอนเทนต์เป็นประจำทุกวันและ/หรือใช้เวลากว่า 10 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ในการสร้างสรรค์มีความสุขมากที่สุด
·
ครีเอเตอร์ (69%) และอินฟลูเอนเซอร์ (84%) ส่วนใหญ่ระบุว่าการสร้างและแชร์คอนเทนต์ออนไลน์เป็นช่องทางในการปลดปล่อยความคิดสร้างสรรค์ซึ่งไม่สามารถหาได้จากที่อื่น
·
อินฟลูเอนเซอร์หนึ่งในสองคนระบุว่าการใช้โซเชียลมีเดียหรือการสร้างโซเชียลคอนเทนต์มีความสำคัญต่อสุขภาพจิตของเขามากกว่าการฟังเพลง
(31%),
การออกกำลังกาย (30%) และการออกไปสัมผัสกับธรรมชาติในที่กลางแจ้ง
(27%)
Adobe Creative Cloud นำเสนอชุดผลิตภัณฑ์และบริการที่ครบถ้วนสมบูรณ์มากที่สุด
ครอบคลุมงานครีเอทีฟทุกประเภท เช่น การวาดภาพ การถ่ายภาพ การออกแบบ วิดีโอ 3D และประสบการณ์เสมือนจริง ปลดปล่อยพลังแห่งการสร้างสรรค์สำหรับทุกคน
ช่วยให้ครีเอเตอร์หลายล้านคนทั่วโลกสามารถทำงานร่วมกันเพื่อบอกเล่าเรื่องราวของพวกเขา
ล่าสุดอะโดบีได้ขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ด้วยการเพิ่ม Adobe Express ซึ่งสามารถใช้งานได้ทั้งบนเว็บและแอปพลิเคชันบนมือถือที่ช่วยเพิ่มความสะดวกในการสร้างคอนเทนต์ที่โดดเด่นจากเทมเพลตที่ไม่เหมือนใครหลายพันรายการ
ดาวน์โหลกรายงานฉบับเต็มของผลการศึกษา
Future of
Creativity: Creators in the Creator Economy
ของอะโดบีที่นี่
เกี่ยวกับรายงานผลการศึกษา Future of Creativity
รายงานผลการศึกษา Future of
Creativity
ของอะโดบีมีจุดมุ่งหมายเพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับความเปลี่ยนแปลงของงานครีเอทีฟที่เกิดขึ้นทั่วโลก
โดยมีการสอบถามความเห็นโดยตรงจากบุคคลที่อยู่แถวหน้าของงานครีเอทีฟออนไลน์ นั่นคือ
ครีเอเตอร์ในระบบ Creator Economy และผลการศึกษานี้ได้สำรวจอนาคตของงานครีเอทีฟจากหลากหลายมุมมอง
ระเบียบวิธีที่ใช้ในการศึกษา
การศึกษา
Future of Creativity มีการสำรวจความเห็นของครีเอเตอร์ออนไลน์ประมาณ
9,000
คนในเดือนพฤษภาคม 2565
จาก 9 ประเทศทั่วโลก (สหรัฐฯ สหราชอาณาจักร สเปน
ฝรั่งเศส เยอรมนี ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และบราซิล) อะโดบีได้ร่วมมือกับ Edelman Data &
Intelligence ในการศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อระบุแนวโน้มสำคัญๆ
เกี่ยวกับ
Creator Economy “ครีเอเตอร์”
ในที่นี้หมายถึงบุคคลที่เข้าร่วมในกิจกรรมด้านงานครีเอทีฟ (เช่น การถ่ายภาพ,
งานเขียนสร้างสรรค์, คอนเทนต์ต้นฉบับบนโซเชียลมีเดีย ฯลฯ) และการโพสต์ แชร์
หรือโปรโมทผลงานจากกิจกรรมเหล่านี้ผ่านทางออนไลน์อย่างน้อยทุกเดือน
โดยมีเป้าหมายที่จะทำให้ผลงานดังกล่าวเป็นที่รู้จักในโลกโซเชียลเพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้มีการเก็บรวบรวมข้อมูลจากครีเอเตอร์รุ่น
Gen-Pop จำนวน
4,535 คน
(อายุ
18
ปีขึ้นไป,
ประมาณ 500
คนต่อประเทศ),
ครีเอเตอร์รุ่น Gen Z จำนวน 5,111 คน
(อายุ
16-24
ปี,
ประมาณ 500
คนในแต่ละประเทศ) โดยมีค่าความคลาดเคลื่อนอยู่ที่ ±1.4% และระดับความเชื่อมั่น
95%