31 ส.ค. 2565 934 3

NTT เปิดบริการ Edge-as-a-Service เร่งการเติบโตออโตเมชัน จับมือ VMware พัฒนา-ส่งมอบบริการโซลูชั่นเครือข่าย Edge+Private 5G อัตโนมัติเต็มรูปแบบ

NTT เปิดบริการ Edge-as-a-Service เร่งการเติบโตออโตเมชัน จับมือ VMware พัฒนา-ส่งมอบบริการโซลูชั่นเครือข่าย Edge+Private 5G อัตโนมัติเต็มรูปแบบ

เอ็นทีที (NTT Ltd.,)ฅบริษัทผู้ให้บริการและติดตั้งโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีชั้นนำ ประกาศเปิดตัวบริการเอดจ์แอสอะเซอร์วิส (Edge-as-a-Service) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มให้บริการการประมวลผลที่ชายขอบของคลาวด์ (Edge) โดยมีระบบจัดการที่ช่วยให้องค์กรต่างๆ สามารถปรับใช้งานและตรวจสอบแอปพลิเคชันที่ Edge ได้รวดเร็วยิ่งขึ้น

บริการใหม่เป็นผลจากความร่วมมือระหว่าง NTT กับบริษัทวีเอ็มแวร์ (VMware) เพื่อสร้างสรรค์โซลูชั่นและบริการที่เน้นการทำงานที่ Edge โดย NTT ใช้ระบบ Edge Compute Stack ของ VMware เพื่อขับเคลื่อนการให้บริการ Edge-as-a-Service นอกจากนี้ VMware ยังนำเทคโนโลยีเครือข่าย 5G แบบปิดหรือไพรเวท (Private 5G) ของ NTT มาผนวกรวมเป็นส่วนหนึ่งของโซลูชันสำหรับระดับ Edge ที่พร้อมให้บริการ

แพลตฟอร์ม Edge-as-a-Service ของ NTT ถือเป็นโซลูชันแบบบูรณาการที่มีให้บริการทั่วโลก บริการดังกล่าวจะช่วยเร่งให้เกิดกระบวนการออโตเมชันหรือระบบอัตโนมัติในขั้นตอนการทำงานทางธุรกิจ จุดเด่นของ Edge-as-a-Service จาก NTT อยู่ที่การลดเวลาแฝงจนเกือบเป็นศูนย์สำหรับการนำส่งข้อมูลแอปพลิเคชันระดับองค์กรที่ขอบเครือข่าย ช่วยลดต้นทุนและเพิ่มคุณภาพประสบการณ์ให้ผู้ใช้มีสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยขณะใช้งาน

บริการโซลูชั่น Edge-as-a-Service ของ NTT ที่ใช้เทคโนโลยี Edge Compute Stack ของ VMware นี้จะรองรับการเชื่อมต่อเครือข่าย Private 5G และสามารถกระจายการใช้งานบนโครงข่ายทุกพื้นที่ทั่วโลกทั้งของ NTT และ Intel โดยทั้ง 3 พันธมิตรคือ NTT, VMware และ Intel จะร่วมกันทำการตลาดและสานต่อบริการ ด้วยการผนึกกำลังในด้านนวัตกรรม การขาย และการพัฒนาธุรกิจ

“การรวม Edge และ Private 5G เข้าด้วยกันถือเป็นตัวเปลี่ยนเกมที่ช่วยยกระดับองค์กรทั่วทั้งอุตสาหกรรม และเรากำลังทำให้เทคโนโลยีนี้พร้อมใช้งาน” ชาฮิด อัมเม็ด (Shahid Ahmed) รองประธานบริหารกลุ่ม บริษัท NTT และประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท New Ventures and Innovation ในเครือ NTT กล่าว “การผนึกกำลังระหว่าง NTT และ Edge Compute Stack ของ VMware รวมถึง Private 5G ทำให้โซลูชันนี้มีเอกลักษณ์เฉพาะที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งจะผลักดันให้เกิดผลลัพธ์ทรงพลังสำหรับองค์กรที่ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพและประหยัดต้นทุนให้แอปพลิเคชั่นระดับ Edge ที่มีความสำคัญ โดยสิ่งที่องค์กรจำเป็นต้องทำเพื่อเร่งเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลให้โดดเด่นได้ตลอดเส้นทาง คือการลดเวลาแฝงให้เหลือน้อยที่สุด คู่ไปกับการเพิ่มพลังการประมวลผลให้ได้สูงสุด และขยายความครอบคลุมไปทั่วโลก”

ปัจจุบัน โรงงานต่างพึ่งพาวิทยาการหุ่นยนต์มากขึ้น ขณะที่ยานยนต์กำลังพัฒนาเป็นระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ รวมถึงบริษัทผู้ผลิตเริ่มเปลี่ยนไปใช้โมเดล omnichannel ที่หลากหลาย ภาวะนี้ทำให้องค์กรธุรกิจล้วนมีความจำเป็นมากขึ้นในการจัดหาพลังการประมวลผลและการเก็บข้อมูลแบบกระจาย ด้วยเวลาตอบสนองที่เกือบจะในทันที ดังนั้น เมื่อรวมจุดเด่นของเทคโนโลยี VMware ทั้งด้านการพัฒนาแอปพลิเคชันที่ปลอดภัย ด้านการจัดการทรัพยากรอัตโนมัติ และด้านความสามารถในการประมวลผลแบบเรียลไทม์ เข้ากับแพลตฟอร์มมัลติคลาวด์และ Edge ของ NTT จึงเกิดเป็นบริการแมเนจเซอร์วิส Edge+Private 5G แบบครบวงจร (Edge+Private 5G managed service) ซึ่งทำให้เทคโนโลยีของ VMware และ NTT สามารถติดตั้งไว้ใกล้กับพื้นที่ที่ข้อมูลถูกสร้างขึ้น หรือถูกเก็บรวบรวมไว้ เปิดทางให้องค์กรสามารถเข้าถึงและตอบสนองต่อข้อมูลได้ทันที

โซลูชันดังกล่าวไม่เพียงใช้ประโยชน์จากการเชื่อมต่อมัลติคลาวด์ของผู้ให้บริการหลายเจ้าอย่างไร้รอยต่อ แต่ยังโดดเด่นที่ความสามารถของ NTT ในการแบ่งส่วนเครือข่าย (network segmentation) และความเชี่ยวชาญในการรองรับระบบ 5G แบบส่วนตัวสู่แบบสาธารณะ (private to public 5G) ทำให้โซลูชั่นสามารถตอบโจทย์สำคัญของหลายอุตสาหกรรม ตั้งแต่ภาคการผลิต การค้าปลีก การขนส่ง และอุตสาหกรรมความบันเทิง

“องค์กรในปัจจุบันมีแนวโน้มการทำงานแบบกระจายมากขึ้น - ตั้งแต่สถาปัตยกรรมดิจิทัลที่ใช้ในการทำงาน ไปจนถึงพนักงานที่เป็นแรงงานมนุษย์ซึ่งขับเคลื่อนธุรกิจในแต่ละวัน ภาวะที่เกิดขึ้นได้กระตุ้นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของทุกอุตสาหกรรม เป็นผลให้เกิดการพลิกโฉมในสถานที่ที่ข้อมูลถูกผลิต ถูกจัดส่ง และถูกใช้งาน” ซานเจย์ อัปพาล (Sanjay Uppal) รองประธานอาวุโสและผู้จัดการทั่วไป หน่วยธุรกิจผู้ให้บริการและ Edge ของ VMware กล่าว “การนำ Edge Compute Stack ของ VMware มาสู่บริการ Edge-as-a-Service ของ NTT จะช่วยให้ลูกค้าองค์กรสามารถสร้าง ใช้งาน จัดการ เชื่อมต่อ และปกป้องแอปพลิเคชั่นที่เป็น Edge-native ได้ดียิ่งขึ้น ทั้งที่ระดับ Near และ Far Edge ในขณะที่ยังใช้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานและการดำเนินงานด้วยขุมพลัง edge computing ได้อย่างสม่ำเสมอ”

ที่สำคัญ แพลตฟอร์ม Edge-as-a-Service ของ NTT ได้รับการพัฒนาเพื่อช่วยรักษาความปลอดภัย เพิ่มประสิทธิภาพ และลดความซับซ้อนที่อาจเกิดขึ้นในเส้นทางการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลขององค์กร ดังนั้น Edge-as-a-Service ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของพอร์ตโฟลิโอบริการกลุ่ม Managed Service ของ NTT จะไม่เพียงเพิ่มเติมจากบริการ Network-as-a-Service และ Multi-Cloud-as-a-Service ที่มีแล้วก่อนหน้านี้ แต่ยังสามารถเติมเต็มเป้าหมายเรื่องการออกแบบบริการคุณภาพ เพื่อเปิดทางให้องค์กรมีเวลาไปมุ่งเน้นกับธุรกิจหลักได้อย่างเต็มที่.