เอ็นทีที (NTT Ltd.,)ฅบริษัทผู้ให้บริการและติดตั้งโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีชั้นนำ
ประกาศเปิดตัวบริการเอดจ์แอสอะเซอร์วิส (Edge-as-a-Service)
ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มให้บริการการประมวลผลที่ชายขอบของคลาวด์ (Edge) โดยมีระบบจัดการที่ช่วยให้องค์กรต่างๆ
สามารถปรับใช้งานและตรวจสอบแอปพลิเคชันที่ Edge ได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
บริการใหม่เป็นผลจากความร่วมมือระหว่าง
NTT กับบริษัทวีเอ็มแวร์ (VMware) เพื่อสร้างสรรค์โซลูชั่นและบริการที่เน้นการทำงานที่
Edge โดย NTT ใช้ระบบ Edge Compute Stack ของ VMware เพื่อขับเคลื่อนการให้บริการ
Edge-as-a-Service นอกจากนี้ VMware ยังนำเทคโนโลยีเครือข่าย 5G แบบปิดหรือไพรเวท
(Private 5G) ของ NTT มาผนวกรวมเป็นส่วนหนึ่งของโซลูชันสำหรับระดับ Edge
ที่พร้อมให้บริการ
แพลตฟอร์ม
Edge-as-a-Service ของ NTT ถือเป็นโซลูชันแบบบูรณาการที่มีให้บริการทั่วโลก
บริการดังกล่าวจะช่วยเร่งให้เกิดกระบวนการออโตเมชันหรือระบบอัตโนมัติในขั้นตอนการทำงานทางธุรกิจ
จุดเด่นของ Edge-as-a-Service จาก NTT อยู่ที่การลดเวลาแฝงจนเกือบเป็นศูนย์สำหรับการนำส่งข้อมูลแอปพลิเคชันระดับองค์กรที่ขอบเครือข่าย
ช่วยลดต้นทุนและเพิ่มคุณภาพประสบการณ์ให้ผู้ใช้มีสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยขณะใช้งาน
บริการโซลูชั่น
Edge-as-a-Service ของ NTT ที่ใช้เทคโนโลยี Edge Compute Stack ของ VMware
นี้จะรองรับการเชื่อมต่อเครือข่าย Private 5G
และสามารถกระจายการใช้งานบนโครงข่ายทุกพื้นที่ทั่วโลกทั้งของ NTT และ Intel
โดยทั้ง 3 พันธมิตรคือ NTT, VMware และ Intel จะร่วมกันทำการตลาดและสานต่อบริการ
ด้วยการผนึกกำลังในด้านนวัตกรรม การขาย และการพัฒนาธุรกิจ
“การรวม Edge และ Private
5G เข้าด้วยกันถือเป็นตัวเปลี่ยนเกมที่ช่วยยกระดับองค์กรทั่วทั้งอุตสาหกรรม
และเรากำลังทำให้เทคโนโลยีนี้พร้อมใช้งาน” ชาฮิด อัมเม็ด (Shahid Ahmed)
รองประธานบริหารกลุ่ม บริษัท NTT และประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท New Ventures
and Innovation ในเครือ NTT กล่าว “การผนึกกำลังระหว่าง NTT และ Edge Compute
Stack ของ VMware รวมถึง Private 5G ทำให้โซลูชันนี้มีเอกลักษณ์เฉพาะที่ไม่เหมือนใคร
ซึ่งจะผลักดันให้เกิดผลลัพธ์ทรงพลังสำหรับองค์กรที่ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพและประหยัดต้นทุนให้แอปพลิเคชั่นระดับ
Edge ที่มีความสำคัญ
โดยสิ่งที่องค์กรจำเป็นต้องทำเพื่อเร่งเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลให้โดดเด่นได้ตลอดเส้นทาง
คือการลดเวลาแฝงให้เหลือน้อยที่สุด คู่ไปกับการเพิ่มพลังการประมวลผลให้ได้สูงสุด
และขยายความครอบคลุมไปทั่วโลก”
ปัจจุบัน โรงงานต่างพึ่งพาวิทยาการหุ่นยนต์มากขึ้น
ขณะที่ยานยนต์กำลังพัฒนาเป็นระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ
รวมถึงบริษัทผู้ผลิตเริ่มเปลี่ยนไปใช้โมเดล omnichannel ที่หลากหลาย
ภาวะนี้ทำให้องค์กรธุรกิจล้วนมีความจำเป็นมากขึ้นในการจัดหาพลังการประมวลผลและการเก็บข้อมูลแบบกระจาย
ด้วยเวลาตอบสนองที่เกือบจะในทันที ดังนั้น เมื่อรวมจุดเด่นของเทคโนโลยี VMware
ทั้งด้านการพัฒนาแอปพลิเคชันที่ปลอดภัย ด้านการจัดการทรัพยากรอัตโนมัติ
และด้านความสามารถในการประมวลผลแบบเรียลไทม์ เข้ากับแพลตฟอร์มมัลติคลาวด์และ Edge
ของ NTT จึงเกิดเป็นบริการแมเนจเซอร์วิส Edge+Private 5G แบบครบวงจร (Edge+Private
5G managed service) ซึ่งทำให้เทคโนโลยีของ VMware และ NTT
สามารถติดตั้งไว้ใกล้กับพื้นที่ที่ข้อมูลถูกสร้างขึ้น หรือถูกเก็บรวบรวมไว้
เปิดทางให้องค์กรสามารถเข้าถึงและตอบสนองต่อข้อมูลได้ทันที
โซลูชันดังกล่าวไม่เพียงใช้ประโยชน์จากการเชื่อมต่อมัลติคลาวด์ของผู้ให้บริการหลายเจ้าอย่างไร้รอยต่อ
แต่ยังโดดเด่นที่ความสามารถของ NTT ในการแบ่งส่วนเครือข่าย (network segmentation)
และความเชี่ยวชาญในการรองรับระบบ 5G แบบส่วนตัวสู่แบบสาธารณะ (private to public
5G) ทำให้โซลูชั่นสามารถตอบโจทย์สำคัญของหลายอุตสาหกรรม ตั้งแต่ภาคการผลิต
การค้าปลีก การขนส่ง และอุตสาหกรรมความบันเทิง
“องค์กรในปัจจุบันมีแนวโน้มการทำงานแบบกระจายมากขึ้น
- ตั้งแต่สถาปัตยกรรมดิจิทัลที่ใช้ในการทำงาน
ไปจนถึงพนักงานที่เป็นแรงงานมนุษย์ซึ่งขับเคลื่อนธุรกิจในแต่ละวัน
ภาวะที่เกิดขึ้นได้กระตุ้นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของทุกอุตสาหกรรม
เป็นผลให้เกิดการพลิกโฉมในสถานที่ที่ข้อมูลถูกผลิต ถูกจัดส่ง และถูกใช้งาน”
ซานเจย์ อัปพาล (Sanjay Uppal) รองประธานอาวุโสและผู้จัดการทั่วไป
หน่วยธุรกิจผู้ให้บริการและ Edge ของ VMware กล่าว “การนำ Edge Compute Stack ของ
VMware มาสู่บริการ Edge-as-a-Service ของ NTT จะช่วยให้ลูกค้าองค์กรสามารถสร้าง
ใช้งาน จัดการ เชื่อมต่อ และปกป้องแอปพลิเคชั่นที่เป็น Edge-native ได้ดียิ่งขึ้น
ทั้งที่ระดับ Near และ Far Edge
ในขณะที่ยังใช้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานและการดำเนินงานด้วยขุมพลัง edge
computing ได้อย่างสม่ำเสมอ”
ที่สำคัญ แพลตฟอร์ม Edge-as-a-Service ของ NTT
ได้รับการพัฒนาเพื่อช่วยรักษาความปลอดภัย เพิ่มประสิทธิภาพ
และลดความซับซ้อนที่อาจเกิดขึ้นในเส้นทางการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลขององค์กร
ดังนั้น Edge-as-a-Service ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของพอร์ตโฟลิโอบริการกลุ่ม Managed
Service ของ NTT จะไม่เพียงเพิ่มเติมจากบริการ Network-as-a-Service และ
Multi-Cloud-as-a-Service ที่มีแล้วก่อนหน้านี้
แต่ยังสามารถเติมเต็มเป้าหมายเรื่องการออกแบบบริการคุณภาพ
เพื่อเปิดทางให้องค์กรมีเวลาไปมุ่งเน้นกับธุรกิจหลักได้อย่างเต็มที่.