10 ต.ค. 2565 1,566 2

ปตท. จับมือ ทรู ดิจิทัล พัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการดูแลสุขภาพแบบครบวงจร เสริมประสิทธิภาพ ยกระดับบริการด้านสาธารณสุข ให้คนไทยเข้าถึงบริการทางการแพทย์ได้ครอบคลุมและทั่วถึง และมีสุขภาพดีอย่างยั่งยืน

ปตท. จับมือ ทรู ดิจิทัล พัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการดูแลสุขภาพแบบครบวงจร เสริมประสิทธิภาพ ยกระดับบริการด้านสาธารณสุข ให้คนไทยเข้าถึงบริการทางการแพทย์ได้ครอบคลุมและทั่วถึง และมีสุขภาพดีอย่างยั่งยืน

ดร. บุรณิน รัตนสมบัติ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจใหม่และโครงสร้างพื้นฐาน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชนเป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลเพื่อสุขภาพระหว่าง บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และ บริษัท ทรู ดิจิทัล กรุ๊ป จำกัดโดยมีเชิดชัย บุญชูช่วย รองกรรมการผู้จัดการใหญ่นวัตกรรมและธุรกิจใหม่ ปตท. ชาญ  กุลภัทรนิรันดร์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่พัฒนาธุรกิจใหม่ ปตท. ณัฐวุฒิ  อมรวิวัฒน์ ประธานกรรมการ บริษัท ทรู ดิจิทัล กรุ๊ป จำกัด และพิชิต ธันโยดม หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านธุรกิจองค์กร บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น ร่วมลงนาม ณ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) สำนักงานใหญ่ 

       
ดร. บุรณิน รัตนสมบัติ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจใหม่และโครงสร้างพื้นฐาน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปตท. มีเป้าหมายในการพัฒนา New S-curve  หรือธุรกิจใหม่ ด้วยการนำปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence : AI) และเทคโนโลยีดิจิทัลมาเป็นตัวขับเคลื่อน โดยมีธุรกิจที่เริ่มดำเนินการไปบ้างแล้ว คือ แพลตฟอร์มสำหรับให้บริการซื้อขายใบรับรองพลังงานสะอาด (Renewable Energy Certificate) ภายใต้ชื่อ ReAcc เพื่อสนับสนุนการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero GHG Emission)
 
นอกจากนี้ ปตท. ยังเล็งเห็นถึงความสำคัญของการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้อำนวยความสะดวกให้ประชาชนไทยสามารถเข้าถึงบริการทางการแพทย์ได้ครอบคลุมและทั่วถึงมากขึ้น โดยไม่จำกัดแค่กลุ่มที่อาศัย    อยู่ในเมืองใหญ่เท่านั้น จึงเร่งสร้างการพัฒนานวัตกรรมทางการแพทย์ของไทย ผ่านความร่วมมือกับพันธมิตร     ชั้นนำต่าง ๆ โดยความร่วมมือกับ ทรู ดิจิทัล กรุ๊ป ในครั้งนี้ เป็นการจับมือกับหนึ่งในพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญในการนำเทคโนโลยีมาพัฒนาระบบโทรเวชกรรม (Telemedicine) สนับสนุนงานบริการด้านสุขภาพแก่ประชาชนอย่างครบวงจร ในรูปแบบ Online-to-Offline (O2O) และโทรเวชกรรมเฉพาะทาง (Specialized Telemedicine) ที่มุ่งเน้นกลุ่มโรคไม่ติดต่อ (Non-Communicable Diseases : NCDs) ซึ่งเป็นกลุ่มโรคที่คนไทย     มีแนวโน้มป่วยมากขึ้นในทุกปีและต้องการใช้บริการทางแพทย์ในระยะยาว เพื่อให้กลุ่มเสี่ยงและผู้ป่วยกลุ่ม NCDs สามารถใช้ชีวิตได้เป็นปกติ ทั้งนี้ ปัญญาประดิษฐ์ ระบบอัตโนมัติ และเทคโนโลยีดิจิทัล (AI, Robotic & Digitalization) ถือได้ว่าเป็นอีกกลุ่มธุรกิจใหม่ ที่ ปตท.ให้ความสำคัญภายใต้วิสัยทัศน์ “ขับเคลื่อนทุกชีวิตด้วยพลังแห่งอนาคต” เพื่อส่งเสริมการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานในรูปแบบต่างๆ


ณัฐวุฒิ  อมรวิวัฒน์ ประธานกรรมการ บริษัท ทรู ดิจิทัล กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า ทรู ดิจิทัล ผู้นำบริการดิจิทัลครบวงจร มุ่งส่งเสริมและผลักดันการใช้เทคโนโลยีสื่อสารและดิจิทัล ยกระดับคุณภาพชีวิต ตอบโจทย์ดิจิทัลไลฟ์สไตล์ของคนไทย  พร้อมผสานพลังพันธมิตรทุกภาคส่วนที่จะร่วมเติมเต็มระบบนิเวศดิจิทัลและสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศ ซึ่ง ปตท. เป็นพันธมิตรที่ให้ความสำคัญในการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลขับเคลื่อนธุรกิจใหม่ที่ครอบคลุมถึงธุรกิจด้านสุขภาพ เพื่อร่วมสร้างความมั่นคงทางด้านสาธารณสุขของประเทศไทย ความร่วมมือในครั้งนี้ จึงเป็นอีกหนึ่งโอกาสที่ ทรู ดิจิทัล จะได้นำศักยภาพความพร้อมทั้งในด้านเทคโนโลยีและทีมผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ในการพัฒนาบริการและโซลูชันด้านการแพทย์และสาธารณสุข  ร่วมพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลเพื่อสุขภาพ ประกอบด้วย ระบบการแพทย์ทางไกล (Telemedicine) ที่เชื่อมต่อบริการทั้งออนไลน์และออฟไลน์เข้าด้วยกัน (O2O) สำหรับผู้ป่วยโรคเฉพาะทางในกลุ่มโรคไม่ติดต่อ และการพัฒนานวัตกรรมเพื่อดูแลสุขภาพของคนไทยแบบครบวงจร ครอบคลุมตั้งแต่การดูเเลสุขภาพเพื่อลดความเสี่ยงในการเจ็บป่วย การปรึกษาเเพทย์เพื่อการรักษาที่ถูกต้อง การรับการรักษาด้วยการให้ยาอย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนการดูเเลสุขภาพเเบบองค์รวมทั้งอาหาร อาหารเสริม และการออกกำลังกาย  ซึ่งการผสานเทคโนโลยีดิจิทัลครบวงจรและความเชี่ยวชาญจากการพัฒนาแพลตฟอร์ม Telemedicine และแพลตฟอร์มดูแลสุขภาพอัจฉริยะ ทรู เฮลท์ พบแพทย์ออนไลน์ผ่านแอปฯ  MorDee (หมอดี) ของทรู ดิจิทัล เข้ากับองค์ความรู้ของ ปตท. ภายใต้ความร่วมมือในครั้งนี้ จะนำไปสู่การนวัตกรรมผลิตภัณฑ์และบริการด้านสุขภาพที่จะสามารถใช้งานได้จริง เพื่อให้คนไทยมีสุขภาพที่ดีขึ้นและสามารถเข้าถึงบริการทางการแพทย์ได้ครอบคลุมและทั่วถึงมากยิ่งขึ้นด้วย