19 ต.ค. 2565 543 0

Samsung เปิดตัว XCover6 Pro 5G และ TabActive4 Pro 5G ตอบโจทย์การทำงานแบบไฮบริด

Samsung เปิดตัว XCover6 Pro 5G และ TabActive4 Pro 5G ตอบโจทย์การทำงานแบบไฮบริด

ธนัน ปลื้มรุ่งโรจน์ Product Manager, จตุรภัทร อินทรกำแหง Channel Manager, ณเอก สงศิริ ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายขาย ธุรกิจลูกค้าองค์กร บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด

XCover6 Pro 5G และ TabActive4 Pro 5G ตอบโจทย์การทำงานแบบไฮบริด ด้วยผลิตภัณฑ์ Rugged Device ที่รองรับระบบ 5G เป็นครั้งแรกในประเทศไทย


ซัมซุงตอบรับความต้องการธุรกิจลูกค้าองค์กร เปิดตัว Samsung XCover6 Pro 5G และ Samsung TabActive4 Pro 5G สมาร์ทดีไวซ์ที่ถูกสร้างสรรค์มาเพื่อตอบโจทย์การทำงาน   ในยุคปัจจุบัน พร้อมตอกย้ำความเป็นผู้นำในด้านธุรกิจเอ็นเตอร์ไพรซ์ ส่งโซลูชัน 5G ใน Rugged Device (สมาร์ทดีไวซ์ที่มีความทนทานสูง เหมาะสำหรับทำงานในทุกสภาพแวดล้อม) เป็นครั้งแรก ภายใต้แนวคิด​  Go Faster เพื่อยกระดับการใช้งานให้เร็ว แรง รวมทั้งยังสะดวก ปลอดภัย และใช้งานได้ง่ายดายยิ่งกว่าเดิมพร้อมเดินหน้าส่ง Samsung ONE โปรแกรมครบวงจรสำหรับพาร์ทเนอร์​และคู่ค้า ตั้งเป้ายอดขายปีนี้โต 15%


ณเอก สงศิริ ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายขาย ธุรกิจลูกค้าองค์กร บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด กล่าวว่า “เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้เทรนด์ในด้านการทำงานในปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงไปมาก และถึงแม้สถานการณ์จะได้คลี่คลายลงไปมากแล้ว แต่วิถีชีวิตของผู้คนรวมทั้งการทำงานก็ได้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมอย่างชัดเจน และมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงานเป็นแบบไฮบริดมากขึ้น โดยองค์กรต่างๆ กว่า 95% ได้มองเห็นโอกาสที่ธุรกิจจะเติบโตได้จากการทำงานผ่านสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต และองค์กรกว่า 89% ได้มีการปรับเปลี่ยนการทำงานให้ยืดหยุ่นมากยิ่งขึ้นโดยพนักงานและคนในองค์กรสามารถทำงานได้จากทุกที่และควรมีอุปกรณ์ที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการทำงานอย่างเช่น Rugged Device อย่างน้อยหนึ่งเครื่องต่อหนึ่งคน ด้วยเหตุนี้ซัมซุงจึงได้พัฒนา Rugged Device ที่มาพร้อมกับโซลูชันตอบโจทย์การใช้งานอย่างครบวงจร เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเชิงธุรกิจที่ดีกว่าเดิมให้กับทุกคน”​

จากการสำรวจอินไซต์ผู้บริโภคจาก Tech Research Asia’s SEAO Custom Rugged Study 2022 พบว่าองค์กรกว่า 66% พิจารณาเลือกสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตเพื่อใช้งานจากความทนทานของดีไวซ์ โดยกว่า 61% ต้องการฟีเจอร์การใช้งานที่หลากหลาย ครบครัน ครอบคลุมทุกโซลูชันในการดำเนินธุรกิจ นอกจากนี้ยังพบว่ากว่า 59% ต้องการดีไวซ์ที่สามารถใช้งานได้อย่างง่ายดาย ไม่ซับซ้อน โดยกว่า 57% คาดหวังถึงความสามารถพิเศษเพิ่มเติมที่สามารถช่วยให้ใช้ทำงานได้สะดวกยิ่งขึ้น และสุดท้าย ลูกค้ากว่า 51% ตระหนักในเรื่องของความน่าเชื่อถือ ความปลอดภัย รวมทั้งความแข็งแรงของหน้าจอ

ด้วยความเป็นผู้นำด้านสมาร์ทโฟนสำหรับกลุ่มธุรกิจลูกค้าองค์กร ซัมซุงได้พัฒนา Rugged Device ภายใต้หัวใจหลัก  สามประการ ประกอบด้วยนวัตกรรม (Innovation) ที่ไม่เพียงแต่การติดตั้งซอฟต์แวร์บนฮาร์ดแวร์ที่ทันสมัยเท่านั้น แต่ยังมาพร้อมกับการออกแบบที่ทำให้ง่ายต่อการใช้งาน รวมถึงเลือกใช้วัสดุที่มีความทนทานระดับ Military-grade และผ่านมาตรฐาน IP68 ซึ่งทำให้ผลิตภัณฑ์มีความทนทาน ความสามารถในการกันน้ำและกันฝุ่น ซึ่งสามารถใช้งานได้ในทุกสภาพแวดล้อม

ไม่เพียงเท่านั้น Rugged Device ของซัมซุงยังมาพร้อมกับระบบความปลอดภัยขั้นสูง (Security) ที่ช่วยป้องกันตัวเครื่องและข้อมูลต่างๆ ขององค์กรจากความไม่ปลอดภัยทางไซเบอร์ และยังเปิดกว้าง (Openness) กล่าวคือผู้ใช้งานสามารถใช้งานดีไวซ์ของซัมซุงได้อย่างยืดหยุ่น และสามารถใช้งานได้จากทุกที่

โดยล่าสุดซัมซุงได้เปิดตัว Rugged Device รุ่นใหม่อย่างสมาร์ทโฟน Samsung XCover6 Pro 5G และ TabActive4 Pro 5G ตอกย้ำความก้าวหน้าในด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์และความเป็นผู้นำด้วยการส่งโซลูชัน 5G ในผลิตภัณฑ์กลุ่ม    เอ็นเตอร์ไพรซ์ ภายใต้แนวคิด Go Faster เป็นครั้งแรกในประเทศไทย เพื่อยกระดับการใช้งานให้เร็ว แรง ใช้งานได้สะดวกยิ่งขึ้นกว่าเดิม


เบา แกร่ง พร้อมลุยงานไปกับ Samsung Galaxy XCover6 Pro 5G และ Samsung Galaxy TabActive4 Pro 5G

ผลิตภัณฑ์ทั้งสองรุ่นถูกออกแบบมาให้ทนทานต่อการทำงานในทุกสถานการณ์ เพื่อเป็นพาร์ทเนอร์ที่สมบูรณ์แบบและเหมาะสมกับการใช้งานในทุกธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นการค้าปลีก พนักงานขับรถส่งของ พนักงานขาย หรือเจ้าหน้าที่ตำรวจ      โดยการออกแบบดีไวซ์ดังกล่าวได้ผ่านการรับรองมาตรฐาน IP68[1] และ MIL-STD 810H[2] โดย Galaxy XCover6 Pro 5G    มาพร้อมกับหน้าจอ Corning® Gorilla® Glass Victus® ในขณะที่ Galaxy TabActive4 Pro 5G ได้ติดตั้งกระจกหน้าจอ Corning® Gorilla® Glass 5 ซึ่งมาพร้อมกับประสิทธิภาพการป้องกันการขูดขีดและความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการทำงานในภาคสนาม อีกทั้งยังมีน้ำหนักเบาซึ่งช่วยให้เกิดความคล่องตัวในการใช้งานเป็นอย่างดี นอกจากนี้สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตทั้งสองยังมาพร้อมกับความสามารถปรับระดับความไวต่อการสัมผัสหน้าจอให้เหมาะสมกับการใช้งานได้ ซึ่งทำให้ผู้ใช้สามารถใช้งานดีไวซ์ทั้งสองได้แม้ในตอนที่อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ชื้น ตอนใส่ถุงมือ หรือการใช้งานท่ามกลางสายฝน

Go Faster - ตอบโจทย์การทำงานแบบองค์กรสมัยใหม่ยุคไฮบริดด้วยโซลูชันเทคโนโลยี 5G ที่ทรงพลัง


Galaxy XCover6 Pro 5G เป็นสมาร์ทโฟนกลุ่มธุรกิจลูกค้าองค์กรรุ่นแรกในซีรีส์​ XCover ที่รองรับเครือข่าย 5G3 ทำให้ทำงานได้ในทุกที่ที่มีสัญญาน ด้วยนวัตกรรมที่ล้ำหน้าและความสามารถในการรองรับย่านความถี่ 6GHz ใน Wi-Fi 6E ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานร่วมกันได้อย่างไหลลื่น ไร้กังวล4ในขณะที่ Galaxy TabActive4 Pro 5G ติดตั้งเทคโนโลยี 5G และ Wi-Fi 6 ไว้ภายใน ผู้ใช้จึงวางใจได้ถึงการรับส่งข้อมูลที่รวดเร็วและมีอัตราความหน่วงต่ำ เชื่อมต่อได้ต่อเนื่องไม่ขาดหายโดยเฉพาะในจังหวะเวลาสำคัญ

Galaxy XCover6 Pro 5G และ Galaxy TabActive4 Pro 5G ขับเคลื่อนด้วยซอฟต์แวร์ที่ทรงพลังจากซัมซุงอย่าง One UI4   ที่ใช้งานง่ายและให้ประสบการณ์การใช้งานที่สามารถปรับเปลี่ยนตามความชื่นชอบส่วนตัวได้ตามต้องการ พร้อมทั้งสามารถเพิ่มพื้นที่จัดเก็บข้อมูลโดยใช้ microSD Card5 เพื่อให้ผู้ทำงานจัดเก็บไฟล์สำคัญทั้งหมดไว้ในเครื่องได้อย่างปลอดภัย นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยี Knox Capture6 ที่สามารถทำงานเป็นเครื่องสแกนบาร์โค้ดที่มีคุณสมบัติในระดับการใช้งานขององค์กรธุรกิจ เพื่อการติดตามและตรวจสอบสินค้าคงคลังได้ในแบบเรียลไทม์

ใช้งานได้อย่างต่อเนื่องไม่มีสะดุดด้วยเทคโนโลยี Fast Charging รองรับการชาร์จแบบ POGO และแบตเตอรี่แบบถอดเปลี่ยนได้

หมดกังวลเรื่องแบตเตอรี่หมดในเวลาคับขัน เพราะ Galaxy XCover6 Pro 5G และ Galaxy Tab Active4 Pro 5G พร้อมรับมือด้วยแบตเตอรี่แบบถอดเปลี่ยนได้ และเทคโนโลยี Fast Charging7 POGO8 จึงสามารถชาร์จได้อย่างรวดเร็ว ยิ่งไปกว่านั้นใน Galaxy TabActive4 Pro 5G ยังมีโหมด No Battery9  ซึ่งสามารถใช้งานในยานพาหนะได้ต่อเนื่องโดยไม่ต้องมีแบตเตอรี่ และยังเป็นการป้องกันการเสื่อมคุณภาพของแบตเตอรี่แม้ใช้งานในสภาพแวดล้อมที่มีอุณหภูมิสูงได้อีกด้วย

ป้องกันแบบเรียลไทม์เพื่อความปลอดภัยแบบเบ็ดเสร็จในตัวเองด้วย Samsung Knox

ซัมซุงนำเสนอ Knox Suite แพลตฟอร์มที่นำเสนอโซลูชันด้านความปลอดภัยครบถ้วนในหนึ่งเดียว ซึ่งจะทำให้ทีมไอทีสามารถกำหนดรายละเอียดการตั้งค่า สร้างความปลอดภัย บริหารจัดการ และวิเคราะห์อุปกรณ์ต่างๆ ได้ง่ายยิ่งขึ้น รวมทั้งแพลตฟอร์มด้านความปลอดภัยของซัมซุง อย่าง Samsung Knox ซึ่งมีมาตรฐานสูงในระดับหน่วยงานความมั่นคง อีกทั้งยังสามารถช่วยปกป้องดีไวซ์ด้วยมาตรการปกป้องต่างๆ ที่ครบถ้วนทั้งในระดับฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ รวมทั้งยังมาพร้อมกับระบบความปลอดภัยขั้นสูงอย่าง เช่น การจดจำใบหน้า และรองรับเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือ เป็นต้น

นอกจากนี้ ซัมซุงร่วมงานกับ Android อย่างใกล้ชิดเพื่อให้มั่นใจว่าองค์กรธุรกิจต่างๆ จะได้รับการปกป้องในระยะยาวพร้อมทั้งคอยเกาะติดสถานการณ์ปัญหาความท้าทายด้านความปลอดภัยที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา พร้อมกับให้การสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง โดยสามารถอัพเดทซอฟต์แวร์ด้านความปลอดภัยได้อย่างยาวนานถึง 5 ปี และอัพเกรดระบบปฏิบัติการถึง 3 เวอร์ชั่นหลัก องค์กรต่างๆ จึงใช้งานได้อย่างสบายใจ

อัพเดททุกอินไซต์อย่างรวดเร็วทันใจไปกับโปรแกรมครบวงจรสำหรับพาร์ทเนอร์ Samsung ONE

ซัมซุงยังได้เปิดตัวโปรแกรมครบวงจรสำหรับพาร์ทเนอร์และคู่ค้าที่ช่วยรวบรวมทุกข้อมูลที่เป็นประโยชน์ อาทิ ข้อมูลผลิตภัณฑ์และเครื่องมือการขาย สิทธิประโยชน์สำหรับพันธมิตร การอบรมเพื่อพัฒนาศักยภาพ  และการติดต่อฝ่ายขายของซัมซุงได้อย่างสะดวกรวดเร็ว โดยสามารถใช้งานได้แล้วที่  www.samsungone.co.th

“ซัมซุงเน้นกลยุทธ์ในการทำตลาดลูกค้าองค์กร 3 ประการ ได้แก่ Expansion การจับมือกับพันธมิตรในการขยายขอบเขตการให้บริการรวมถึงนำเสนอโซลูชันใหม่ๆ ให้แก่ลูกค้าองค์กรอย่างต่อเนื่อง Collaboration ตั้งเป้าในการเป็นผู้ช่วยองค์กรต่างๆ ในการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเป็นเครื่องมือในการปรับเปลี่ยนหรือปรับปรุงธุรกิจ หรือ digital transformation  ผ่านนวัตกรรมต่างๆ ของซัมซุง เช่น Internet of Things (IoT) และ Sustainable เน้นการทำธุรกิจแบบยั่งยืนและพร้อมที่จะช่วยผลักดันการเติบโตของทั้งลูกค้าองค์กรและผู้ใช้งานผลิตภัณฑ์” ณเอกกล่าวสรุป

สำหรับผู้ที่สนใจผลิตภัณฑ์ สามารถติดต่อทีมงาน Samsung Business ได้ที่ โทร.02-6893-277

อีเมล์ b2b_thailand@samsung.com หรือเยี่ยมชมเว็บไซต์ของ Samsung Business ได้ที่ http://www.samsung.com/th/business/