9 ม.ค. 2566 566 0

ซัมซุง เผยโฉมผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ในไลน์อัพ Odyssey, ViewFinity และ Smart Monitor ที่งาน CES 2023

ซัมซุง เผยโฉมผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ในไลน์อัพ Odyssey, ViewFinity และ Smart Monitor ที่งาน CES 2023

ซัมซุง เผยโฉมผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ในไลน์อัพ Odyssey, ViewFinity และ Smart Monitor ที่งาน CES 2023 พร้อมเดินหน้าจุดประกายเทคโนโลยีจอแสดงผลสุดล้ำแห่งยุค ชูนวัตกรรม Dual UHD จอโค้งรุ่น Odyssey Neo G9 ขนาด 57 นิ้ว พร้อมเบิกทางให้กับจอแสดงผลปี 2023 และปีต่อๆ ไปในอนาคต

ซัมซุง เผยโฉมผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ในกลุ่มหน้าจอแสดงผล ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้าน Smart Monitor ต่อผู้บริโภค ด้วยผลิตภัณฑ์ใหม่ในซีรีส์ Odyssey, ViewFinity และ Smart Monitor ในงาน CES 2023 มอบประสบการณ์คุณภาพของจอภาพที่เหนือชั้น พร้อมด้วยคุณสมบัติใหม่ที่ล้ำหน้ามากมาย ทั้งสำหรับผู้ที่ต้องการใช้เพื่อการทำงาน ความบันเทิง และใช้ชีวิตผ่านหน้าจอแสดงผลของแต่ละบุคคล

ซัมซุงได้พลิกโฉมหน้าจอแสดงผลในกลุ่ม The Ultra-Wide ด้วยการเปิดตัว Odyssey Neo G9 หน้าจอเดี่ยวรุ่นแรกในโลกที่มาพร้อมกับความละเอียดระดับ Dual Ultra-high Definition นวัตกรรมนี้คือข้อพิสูจน์อย่างชัดเจน ถึงความเป็นผู้นำด้านจอภาพของซัมซุงในการมอบประสบการณ์การเล่นเกมที่ดื่มด่ำสมจริงที่สุดเท่าที่มีอยู่ในตลาด

“ซัมซุงกำลังเผยให้เห็นถึงอนาคตของหน้าจอเกมมิ่งด้วย Odyssey Neo G9 ซึ่งจะทำให้เกมแต่ละเกมมีความสมจริงยิ่งขึ้นด้วยคุณสมบัติใหม่และคุณภาพของภาพที่ล้ำหน้าไปอีกระดับ” ฮูน ชุง, Executive Vice President of Visual Display Business ของซัมซุง กล่าว “CES เป็นงานที่เหมาะสมที่สุดที่จะจัดแสดงนวัตกรรมของเรา ซึ่งจะพาเกมเมอร์ ตลอดจนกราฟิกดีไซเนอร์และผู้ที่ชื่นชอบการรับชมทีวีให้ก้าวไปอีกระดับ พร้อมกับมอบประสบการณ์แบบเฉพาะบุคคลอย่างทั่วถึงในสมาร์ทแอปที่ผสานไว้อย่างเบ็ดเสร็จ”


Odyssey Neo G9: หน้าจอเกมมิ่งระดับ Dual UHD รุ่นแรกในโลก

หน้าจอเกมมิ่ง Samsung Odyssey Neo G9 (รหัสรุ่น: G95NC) จะทำให้เกมเมอร์มองเห็นรายละเอียดในระดับที่ไม่เคยได้เห็นมาก่อน พร้อมด้วยขอบเขตของการมองเห็นที่ไม่มีใครเทียบได้ โดยหน้าจอเกมมิ่งรุ่นนี้ให้รายละเอียด 7,680 × 2,160 และอัตราส่วนภาพ 32:9 บนหน้าจอเพียงจอเดียวเป็นครั้งแรก

หน้าจอ 57 นิ้วของ Odyssey Neo G9 ที่มีระดับความโค้ง 1000R ใช้เทคโนโลยี Quantum Mini LED มาตรฐาน VESA Display HDR 1000 เพื่อให้คุณภาพของภาพที่ดีกว่าของทุกๆ เกม ตั้งแต่ฉากที่มีเงามืดมากๆ ไปจนถึงฉากที่สว่างจ้า หน้าจอที่มีลักษณะเป็น Matte Display ยังช่วยลดแสงสะท้อนบนหน้าจอและลดสิ่งรบกวนสมาธิลงได้มากในช่วงของการเล่นเกมที่เข้มข้นถึงที่สุด

Odyssey Neo G9 ยังเป็นรุ่นแรกในโลกที่รองรับพอร์ต DisplayPort 2.1 ซึ่งถ่ายโอนข้อมูลได้เร็วกว่า DisplayPort 1.4 ถึง 2 เท่า นอกจากนี้ DisplayPort 2.1 ยังรองรับ Display Stream Compression (DSC) ซึ่งเป็นมาตรฐานของวงการในการบีบอัดข้อมูลแบบไร้การสูญเสีย เพื่อให้การถ่ายทอดข้อมูลเป็นไปโดยไร้การบิดเบือนใดๆ นอกจากนี้ Odyssey Neo G9 ยังรองรับอัตรารีเฟรช 240Hz เพื่อให้เกมเมอร์ไม่พลาดเสี้ยววินาทีใดๆ ไปแม้แต่น้อยในช่วงของการเล่นเกมที่ดำเนินไปอย่างรวดเร็ว


Odyssey OLED G9: สีขาวที่สว่างกว่า สีดำที่ลึกกว่า และความต่างของสีที่กลมกลืนอย่างที่สุด

Odyssey OLED G9 (รหัสรุ่น: G95SC) คือหน้าจอรุ่นล่าสุดในตระกูล Odyssey โดยมีขนาดหน้าจอ 49 นิ้วในระดับความโค้ง 1800R และสัดส่วนภาพ 32:9 เทคโนโลยี Quantum Dot ควบคุมการให้แสงของ OLED แบบพิกเซลต่อพิกเซล จึงให้อัตราความเปรียบต่างของสี (Contrast) ได้ในแบบกลมกลืนอย่างที่สุดไร้ที่ติ

หน้าจอ OLED จะเปล่งแสงของแต่ละพิกเซลแยกต่างกันและไม่ต้องอาศัยแสงจากด้านหลัง จึงให้อัตราความเปรียบต่างของสีภาพได้ถึง 1,000,000:1 พร้อมกับถ่ายทอดสี RGB ที่แท้จริงและสีดำที่แท้จริงได้โดยไม่ต้องใช้ฟิลเตอร์สี และเพื่อให้การเล่นเกมเป็นไปอย่างราบรื่น Odyssey OLED G9 ยังให้อัตรการตอบสนอง 0.1ms และอัตรารีเฟรช 240Hz เพื่อขจัดอาการภาพหน่วงหรือภาพกระโดดอีกด้วย


Odyssey OLED G9 ยังใช้แอปจากพันธมิตรอย่าง Prime Video, Netflix และ YouTube ผ่าน Smart Hub ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้สามารถสนุกสนานไปกับบริการคอนเทนต์ผ่านโครงข่ายอินเทอร์เน็ต (Over-the-top) ด้วยการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตโดยไม่จำเป็นต้องอาศัยเครื่องคอมพิวเตอร์พีซี นอกจากนี้ Odyssey OLED G9 ยังมาพร้อม Samsung Gaming Hub แพลตฟอร์มเกมแบบครบถ้วนในหนึ่งเดียว ซึ่งเกมเมอร์จะได้พบกับเกมต่างๆ จากพันธมิตร อาทิ Xbox และ NVIDIA GeForce Now และสามารถเล่นเกมต่างๆ เหล่านั้นได้โดยไม่ต้องใช้คอนโซลหรือดาวน์โหลดเกมแต่อย่างใด


ViewFinity S9: การปรับเทียบสีแบบสมาร์ทซึ่งออกแบบขึ้นเพื่อนักสร้างสรรค์มืออาชีพ

ViewFinity S9 (รหัสรุ่น: S90PC) คือหน้าจอรุ่นใหม่ล่าสุดในสายผลิตภัณฑ์หน้าจอแสดงผลของซัมซุง โดยเป็นครั้งแรกที่มากับขนาดหน้าจอ 27 นิ้ว ความละเอียดระดับ 5K และได้รับการสร้างสรรค์ขึ้นเพื่อนักสร้างสรรค์มืออาชีพ อาทิ กราฟิกดีไซเนอร์และนักถ่ายภาพ หน้าจอผสานความละเอียด 5,120 x 2,880 กับช่วงสีที่ครอบคลุมถึง 99% ของมาตรฐาน DCI-P3 จึงให้รายละเอียดที่คมชัด ตรงตามความคาดหวัง และค่าความแม่นยำของสีโดยเฉลี่ยที่ Delta E ≦ 2[1] ยังถ่ายทอดสีได้กระจ่างใสและแม่นยำแม้ในภาพที่ซับซ้อนและมีระดับสีที่ใกล้เคียงกันมาก

กลไกในการปรับเทียบสี (Colour Calibration Engine) ที่ติดตั้งมาในตัวหน้าจอให้ความมั่นใจได้ถึงความแม่นยำของสีสันและความสว่างของหน้าจอ ซึ่งผู้ใช้สามารถใช้แอปพลิเคชั่น Samsun Smart Calibration บนสมาร์ทโฟนปรับตั้งค่าได้ตามความเหมาะสม ทั้งแสงสีขาว แกมม่า และความสมดุลของสี RGB เพื่อความแม่นยำที่ดีเยี่ยม นอกจากนี้ หน้าจอที่มีลักษณะเป็น Matte Display ยังช่วยจำกัดการสะท้อนแสงและแสงจ้าเพื่อลดสิ่งรบกวนสมาธิลงให้ได้มากที่สุดในขณะทำงาน


ผู้ใช้สามารถเชื่อมต่อกล้องและอุปกรณ์อื่นๆ เข้ากับหน้าจอผ่านพอร์ต USB-C และพอร์ต Thunderbolt 4 เพื่อถ่ายโอนวีดีโอความละเอียดสูงที่มีขนาดไฟล์ใหญ่มากๆ หรือข้อมูลขนาดใหญ่อื่นๆ จากอุปกรณ์จัดเก็บไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์พีซีได้อย่างง่ายดาย หน้าจอซีรีส์ ViewFinity S9 มาพร้อมกับกล้อง SlimFit ความละเอียด 4K และรองรับการประชุมผ่านวีดีโอได้ในตัวผ่านแอปต่างๆ อย่างเช่น Google Meet ซึ่งมีอยู่ใน Samsung Smart Hub


Smart Monitor M8: ผสานประสิทธิภาพในการทำงาน ความบันเทิง และชีวิตส่วนตัวไว้ด้วยกัน

Smart Monitor M8 (รหัสรุ่น: M80C) มีดีไซน์ที่เพรียวบางและดูดีมีสไตล์ และในปัจจุบันยังมีขนาดหน้าจอ 27 นิ้วให้เลือกได้เพิ่มเติมจากขนาด 32 นิ้วที่มีอยู่เดิม โดยทั้งสองขนาดมีความละเอียดระดับ 4K ตัวเครื่องมีสีสันให้เลือกใช้ได้ถึง 4 สีซึ่งทำให้หน้าจอรุ่นนี้เข้าได้กับทุกห้อง ได้แก่สีน้ำเงิน Daylight Blue สีเขียว Spring Green สีชมพู Sunset Pink และสีขาว Warm White

ฐานหน้าจอปรับระดับความสูงและมุมก้มเงยได้เพื่อให้ผู้ใช้ได้มุมมองที่ดีที่สุด และในปัจจุบันหน้าจอรุ่นนี้ยังสามารถหมุนตั้ง 90 องศาได้ ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้ดูเอกสารยาวๆ ได้โดยเลื่อนหน้าจอน้อยลง นอกจากนี้ยังสามารถเข้ากันได้กับอุปกรณ์จับยึดมาตรฐาน VESA เพื่อช่วยประหยัดพื้นที่และสร้างสภาพแวดล้อมที่ปราศจากความระเกะระกะยุ่งเหยิง

Smart Monitor M8 สามารถเชื่อมต่อตลอดจนควบคุมและจัดการอุปกรณ์ที่เข้ากันได้นับร้อยๆ รุ่นที่เชื่อมต่อไว้ผ่าน SmartThings Hub ที่ติดตั้งในตัว ไม่ว่าจะเป็นไฟส่องสว่าง กล้องถ่ายภาพ กริ่งหน้าประตู กุญแจ อุปกรณ์ควบคุมอุณหภูมิ และอื่นๆ อีกมากมาย ซัมซุงมีแผนจะเพิ่มตัวเลือกอุปกรณ์ต่างๆ ตลอดจนคุณลักษณะการใช้งานให้มากยิ่งขึ้นโดยการรองรับฟังก์ชั่นการใช้งาน Matter และมาตรฐาน Home Connectivity Alliance นับตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป

ฟังก์ชั่นการควบคุมด้วยเมาส์ได้รับการเพิ่มเติมเข้าสู่แอป Over-the-top หลายๆ แอปของหน้าจอสมาร์ทรุ่นนี้ รวมถึงแอป SmartThings และ Smart Hub เพื่อมอบการควบคุมที่สะดวกยิ่งขึ้นอีกระดับโดยไม่ต้องใช้รีโมท

ผู้ใช้สามารถใช้ Smart Monitor M8 เพื่อเข้าถึง Prime Video, Netflix, YouTube และบริการ Over-the-top อื่นๆ ได้ทันทีผ่าน Smart Hub นอกจากนี้ยังสามารถเข้าถึงแพลตฟอร์มสำหรับเล่นเกมแบบสตรีมมิ่งที่ครบถ้วนในหนึ่งเดียวอย่าง Samsung Gaming Hub ได้อย่างง่ายดายอีกด้วย รวมไปถึงฟีเจอร์ My Contents ใหม่ช่วยให้ผู้ใช้ได้รับข้อมูลสั้นๆ ที่เป็นประโยชน์ โดยในขณะที่หน้าจออยู่ในโหมดสแตนด์บายและตรวจพบสมาร์ทโฟนที่บันทึกไว้ในรายการอุปกรณ์ผ่านสัญญาณบลูทูธพลังงานต่ำหน้าจอจะแสดงภาพตามที่ผู้ใช้นั้นๆ ได้เลือกไว้เฉพาะสำหรับตนเอง ตลอดจนตารางเวลาและข้อมูลอื่นๆ ทั้งนี้หน้าจอจะกลับเข้าสู่โหมดสแตนด์บายเมื่อโทรศัพท์เครื่องนั้นๆ เคลื่อนที่ออกนอกระยะเชื่อมต่อ

กล้อง SlimFit ที่ติดตั้งในตัว Smart Monitor M8 ได้รับการอัพเกรดให้มีความละเอียด 2K และสามารถทำงานร่วมกับแอปประชุมผ่านวีดีโอต่างๆ เช่น Google Meet นอกจากนี้ Smart Monitor M8 ยังได้รับการปกป้องด้วย Samsung Knox Vault ซึ่งจะเข้ารหัสข้อมูลส่วนตัวต่างๆ โดยแยกไฟล์และข้อมูลต่างๆ ที่จัดเก็บเอาไว้ออกจากระบบปฏิบัติการหลักของอุปกรณ์เพื่อปกป้องข้อมูลเหล่านี้ให้ปลอดภัยจากการโจมตีต่างๆ

[1] Delta E คือค่ามาตรฐานการคำนวนที่เทียบเคียงกับการรับรู้ของสายตามนุษย์ในการแยกแยะความแตกต่างระหว่างสีสองสี ความแม่นยำของสีระดับ Delta E ≦2 บ่งบอกถึงการถ่ายทอดสีที่สูงและแม่นยำกว่า โดยสามารถไปถึงระดับที่เกินกว่าที่สายตาจะเห็นความแตกต่างของสีได้