“คอปเปอร์ ไวร์ด หรือ CPW” หนึ่งในผู้นำสินค้าเทคโนโลยี และสินค้าดิจิทัลไลฟ์สไตล์ ยิ้มรับปี 66 เติบโตรับเทรนด์เทคโนโลยี และพฤติกรรมผู้บริโภคยุคหลังโควิด หนุนรายได้ปี 66 ปักธงโต 20% พร้อมเดินหน้าขยายสาขาเพิ่มอีก 5 สาขา เผยมาตรการช้อปดีมีคืน หนุนผลงานช่วงไตรมาส 1/66 ขณะที่ซัพพลายไอโฟน 14 เริ่มกลับสู่ภาวะปกติ
ปรเมศร์ เหรียญเจริญสุข ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คอปเปอร์ ไวร์ด จำกัด (มหาชน) หรือ CPW กางแผนธุรกิจปี 2566 มองว่า เป็นยุคของสินค้าเทคโนโลยีและดิจิทัลไลฟ์สไตล์จะเติบโตได้อย่างเต็มที่ รับความต้องการของผู้บริโภคในยุคหลังโควิด พร้อมด้วยการขยายโซลูชันและบริการหลังการขายที่ครบวงจร โดยตั้งเป้าหมายรายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 20% จากยอดขายที่มีแนวโน้มดีต่อเนื่อง โดยเฉพาะยอดขายไอโฟน 14 ที่ก่อนหน้านี้ สินค้าไม่เพียงพอต่อความต้องการของลูกค้า แต่ขณะนี้จีนเริ่มมีการผ่อนคลายการล็อกดาวน์ ทำให้ภาวะการขาดแคลนสินค้าเริ่มกลับมาสู่ภาวะปกติในช่วงต้นปี
ขณะที่ ในช่วงโค้งแรกของปี CPW ได้รับอานิสงส์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ของภาครัฐ สนับสนุนภาพรวมการบริโภคในประเทศช่วงต้นปี 2566 เติบโตได้ดีต่อเนื่องจากโครงการช้อปดีมีคืนที่เริ่มต้นวันที่ 1 ม.ค. - 15 ก.พ.66 ส่งผลดีต่อบรรยากาศการจับจ่ายใช้สอย ซึ่งเป็นหนึ่งในมาตรการมอบของขวัญปีใหม่ให้ประชาชน กำหนดวงเงินในการใช้จ่ายเพื่อนำสิทธิมาลดหย่อนภาษีในปีภาษี 2566 ทำให้คาดว่ากลับมาสร้างยอดขายที่ดีให้แก่บริษัทฯ ได้
“ยอดขายของบริษัทปี 66 คาดว่าจะเติบโตได้ต่อเนื่อง จากสินค้าอย่างไอโฟน 14 กลับมามีสินค้าหลังจากเกิดภาวะขาดแคลนสินค้าไป นอกจากนี้ยังมีปัจจัยหนุนจากมาตรการช้อปดีมีคืน ก็จะทำให้ยอดขายมีโอกาสเพิ่มขึ้นด้วย โดยทั้งปี 2566 คาดว่าจะเห็นการเติบโตของรายได้อย่างน้อย 20% บริษัทฯมีแผนขยายสาขาใหม่ต่อเนื่องในปีนี้ คาดเปิดเพิ่มอีกอย่างน้อย 5 สาขา เพื่อสนับสนุนยอดขายให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง” ปรเมศร์ กล่าว
ณ สิ้นปี 2565 CPW มีสาขาจำนวน 106 แห่ง ของ CPW ตั้งอยู่ในกรุงเทพฯ และหัวเมืองต่างจังหวัด ประกอบด้วย ร้าน Apple Brand Shop จำนวน 23 สาขา (แบ่งเป็น iStudio by copperwired จำนวน 15 สาขา U-Store by copperwired จำนวน 7 สาขา และ Ai_ จำนวน 1 สาขา) ศูนย์บริการ iServe จำนวน 4 สาขา ร้าน dotlife จำนวน 24 สาขา ร้าน AIS จำนวน 25 สาขา ร้าน A-Store จำนวน 2 สาขา ร้าน Samsung จำนวน 19 สาขา และ ร้าน Xiaomi จำนวน 9 สาขา