เขียนโดย April Tayson, Regional Vice President - INSEA, Adjust
ระบบติดตามดูแลสุขภาพผ่านอุปกรณ์ (Mobile Health) หรือ mHealth ประกอบด้วยบริการด้านสุขภาพที่ให้บริการผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่ ในขณะที่ mHealth หมายถึงอุปกรณ์พกพาทั้งหมดที่สามารถส่งข้อมูลได้ แต่การที่คนหมู่มากเริ่มเป็นเจ้าของสมาร์ตโฟนกันมากขึ้นก็ทำให้สมาร์ตโฟนเป็นแพลตฟอร์มที่คนนิยมใช้ mHealth กันมากที่สุด
ในประเทศไทย บริษัทต่างๆ จำเป็นต้องมีรากฐานทางดิจิทัลที่แข็งแกร่งหากต้องการรวบรวมข้อมูลเชิงลึกและพฤติกรรมของผู้ใช้ เพราะวิธีนี้จะทำให้เห็นว่าผลิตภัณฑ์นั้นๆ จะส่งผลต่อกลุ่มผู้ใช้เป้าหมายอย่างไรได้บ้าง ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมากในการทำธุรกิจสุขภาพให้รอดในไทยนี้ กระแสความนิยมของ mHealth ถือเป็นโอกาสที่ดีที่ให้เราได้สร้างรากฐานที่มั่นคง สำหรับนักการตลาดบนมือถือในธุรกิจด้านสุขภาพและการออกกำลังกายในไทย
การเติบโตของ mHealth ที่มี COVID เป็นตัวกระตุ้น
อุตสาหกรรมสุขภาพและการแพทย์เป็นหนึ่งในสามอุตสาหกรรมอันดับต้นๆ ที่เติบโตอย่างมากบนอุปกรณ์มือถือโดยที่ได้รับผลจากการเติบโตทางดิจิทัลครั้งใหญ่ในช่วงการแพร่ระบาดของ COVID-19 ตั้งแต่เครื่องติดตามการออกกำลังกายอย่าง Fitbit และเครื่องติดตามสุขภาพผู้หญิงอย่าง Clue ไปจนถึงบริการด้านสุขภาพจิตอย่าง Headspace แอป mHealth ทำให้ร้านแบบเดิมๆ และบริษัทเกิดใหม่ที่เน้นเรื่องสุขภาพเข้าสู่โลก mHealth ได้ง่ายขึ้น
สถานพยาบาลที่ผู้ป่วยล้นเตียง การล็อกดาวน์ มาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม และการกักกันทำให้มีการตรวจสอบทางไกลที่บ้านมากขึ้น ข้อมูลผู้ป่วยเคลื่อนที่ โปรแกรมเสมือนสำหรับอาการเรื้อรัง การให้คำปรึกษาผ่านวิดีโอ และใบสั่งยาทางอิเล็กทรอนิกส์ การรวบรวมข้อมูลในช่วงโรคระบาดนี้จึงจำเป็นต้องปรับให้เข้ากับข้อกำหนดของพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของประเทศไทย (คล้ายกับ GDPR ของยุโรป) อย่างรวดเร็ว วิวัฒนาการด้านเทคโนโลยีด้านสุขภาพและสุขภาวะนี้ได้สร้างมาตรฐานเพื่อความสะดวกสบายของผู้ป่วย ซึ่งได้พลิกโฉมอุตสาหกรรมด้านสุขภาพเดิมๆ ที่เราเคยรู้จัก การพัฒนาทิศทางเชิงกลยุทธ์จึงมีความจำเป็นมากกว่าแต่ก่อนสำหรับบริษัท mHealth
เอ ไลฟ์ พาวเวอร์ บาย เอไอเอ (ALive Powered by AIA) เป็นหนึ่งในแอปที่เข้าสู่ตลาด mHealth ที่กำลังเติบโตในไทยตอนนี้ มีให้ดาวน์โหลดทั้งบน App Store และ Google Play แอป ALive จะให้คำแนะนำด้านสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของทุกคนในครอบครัวแก่ผู้ใช้ผ่านคุณสมบัติต่างๆ เช่น ปรึกษาแพทย์ออนไลน์ (Telemedicine) กระดานสนทนา เนื้อหาด้านสุขภาพ และ My Diary สมุดบันทึก ติดตามและวิเคราะห์สุขภาพประจำวัน อาทิ บันทึกช่วงเวลา ประวัติการรับประทานอาหาร ติดตามการเจริญเติบโต และบันทึกวัคซีนของลูกน้อย ด้วยผู้ใช้ที่มากถึง 300,000 รายในช่วงสิ้นปี 2021 ทำให้เราเห็นว่าแอป ALive ประสบความสำเร็จในการใช้ประโยชน์จากการเติบโตของ mHealth ที่เป็นผลมาจาก COVID ทีมจึงพร้อมที่จะวางกลยุทธ์ว่าจะทำอย่างไรต่อไปเมื่อหมดการแพร่ระบาดแล้ว
การวางแผนอนาคตให้กับแอปด้านสุขภาพ
คาดกันว่าเมื่อถึงปี 2025 ตลาดสุขภาพแบบดิจิทัลทั่วโลกจะมีมูลค่าเกิน 500,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปัจจุบัน คาดกันว่าตลาดสุขภาพบนมือถือทั่วโลกเพียงลำพังจะมีมูลค่าถึง 189,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
อุตสาหกรรมด้านสุขภาพที่เติบโตขึ้นจะทำให้เกิดบริการด้านการดูแลสุขภาพบนมือถือที่น่าทึ่งบนอุปกรณ์พกพาแบบต่างๆ เรามีตัวอย่างนวัตกรรมดีๆ ที่พบเห็นได้ในปัจจุบันและกำลังพัฒนาต่อไปเรื่อยๆ ในไม่อีกกี่ปีข้างหน้า
1. มีข้อมูลไบโอเมตริกมากกว่าเดิม: ประเภทข้อมูลที่มีให้รวบรวมจากอุปกรณ์ mHealth โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรูปแบบของอุปกรณ์สวมใส่ กำลังได้รับความนิยมมากขึ้น คุณสามารถรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับความดันโลหิต ระดับออกซิเจน อุณหภูมิ คุณภาพการนอนหลับ ความจุของปอด ค่าดัชนีมวลกาย มวลกระดูก และระดับน้ำตาลในเลือดได้สบายๆ โดยไม่ต้องไปพบแพทย์ นักกีฬาเองก็สามารถวัดความยาวก้าวย่าง มุมตีเท้า และเวลาสัมผัสพื้นเท้าได้อย่างง่ายดาย เมื่อรวมกับแอปมือถือ ข้อมูลไบโอเมตริกซ์นี้สามารถให้เห็นคำแนะนำแบบเรียลไทม์เพื่อทำให้สุขภาพของผู้ใช้ดีขึ้น ด้วยข้อมูลเชิงเหตุและผลที่แสดงให้เห็นในทันที
2. มีอุปกรณ์ mHealth ที่หลากหลายขึ้น: ความหลากหลายของอุปกรณ์ mHealth เพิ่มมากขึ้น ปัจจุบันมีอุปกรณ์พกพาที่มีเซ็นเซอร์ไบโอเมตริกในรูปแบบรอยสัก เครื่องเพชร ยา ถุงมือ เตียง และรองเท้า เมื่ออุปกรณ์ในชีวิตประจำวันกลายเป็น "อุปกรณ์อัจฉริยะ" กันมากขึ้นเพราะมีเซ็นเซอร์ไบโอเมตริกต่างๆ ผู้บริโภคก็จะอยากใช้งานเพราะสามารถดูข้อมูลต่างๆ ได้ และเริ่มติดตามและใช้ข้อมูลด้านสุขภาพที่หลากหลายมากขึ้น
3. การผสานการใช้งานการดูแลสุขภาพบนมือถือที่มากขึ้น: การให้คำปรึกษาผ่านระบบออนไลน์ได้เพิ่มขึ้นตลอดช่วงการแพร่ระบาด ทำให้ผู้ป่วยสามารถสนทนากับแพทย์ผ่านวิดีโอคอลบนโทรศัพท์ได้ ตอนนี้เราจะเห็นการเปิดตัวบริการด้านสุขภาพผ่านอุปกรณ์พกพาอย่างต่อเนื่อง เพราะแพทย์เริ่มเข้าถึงข้อมูลชั้นต้นที่มีอยู่มากมายได้ บริษัทเช่น Apple ก็เริ่มเปิดฟีเจอร์การแชร์ข้อมูลไบโอเมตริกเพื่อแจ้งผู้ใช้ให้รู้ว่ามีความเสี่ยงเมื่อระบบตรวจพบค่าบางอย่างที่ผิดปกติ
อย่างไรก็ตาม แอปสุขภาพและสุขภาวะที่เพิ่มมากขึ้นก็มาพร้อมกับการหลอกลวงผ่านโฆษณาบนมือถือที่เพิ่มขึ้นเช่นกัน การหลอกลวงผ่านโฆษณาอาจมาในรูป Spoofed Attribution, Spoofed User และ/หรือบ็อตในแอป ในกรณีของ ALive ทาง Adjust ได้ยื่นมือเข้าไปช่วยกับการรับมือข้อกังวลเรื่องการหลอกลวง เพื่อให้ทีมสามารถกลับไปใส่ใจเรื่องกลยุทธ์การเพิ่มผู้ใช้แอปได้ ชุดการป้องกันการหลอกลวงของ Adjust ได้ช่วยให้ทีมเข้าใจต้นกำเนิดกิจกรรมการหลอกลวงนั้นๆ สุดท้ายแล้วข้อมูลเชิงลึกนี้ก็ช่วยลดต้นทุนต่อการเพิ่มผู้ใช้ได้ ซึ่งประหยัดไปได้เกือบ $60,000 และเพิ่ม Conversion ถึง 60%
เมื่อมีกลยุทธ์ป้องกันการหลอกลวงแล้ว Adjust ก็ปรับ CRM ของ ALive ให้เข้ากับชุดการรายงานการป้องกันการหลอกลวงของ Adjust เป็นการเพิ่มความสะดวกให้กับการรายงานของ ALive เพื่อช่วยให้ทีมเห็นผลลัพธ์แบบครบวงจรอย่างแท้จริงของประสิทธิภาพทางการตลาดหลังการกำจัดแหล่งที่มาของการหลอกลวง จากนั้น AIA Wellness ก็พร้อมที่จะเปลี่ยน Audience Builder ของ Adjust ให้แบ่งส่วนและสื่อสารกับผู้ใช้เป้าหมายจริงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ไม่ต้องกลัว เมื่อธุรกิจด้านสุขภาพเริ่ม "อิ่มตัว"
อีกสิ่งหนึ่งที่เป็นผลมาจากการที่ mHealth เติบโตอย่างต่อเนื่องที่เรามองข้ามไม่ได้ก็คือ โอกาสที่ธุรกิจด้านสุขภาพบนมือถือจะเข้าสู่ภาวะ "อิ่มตัว" โดยมีแอปมากมายแข่งขันกัน ตอนนี้มีแอปดูแลสุขภาพอยู่เป็นพันๆ แอปให้เลือกใช้ ไม่ว่าจะสำหรับคนทั่วไปหรืออาชีพเฉพาะทาง โดยมีตั้งแต่แอปสำหรับไลฟ์สไตล์และสุขภาพจิต ไปจนถึงฟิตเนสและอาหารการกิน ในไตรมาสที่ 1 ของปี 2021 จำนวนแอป mHealth ที่มีใน Apple App Store มีจำนวนมากที่สุดในปัจจุบันถึงเกือบ 54,000 แอป ปัจจุบันมีแอปกว่า 51,000 แอป มากขึ้นถึง 2% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน เช่นเดียวกัน จำนวน mHealth ใน Google Play Store เองก็มีจำนวนสูงสุดอยู่ที่กว่า 65,300 แอปในไตรมาสที่ 4 ปี 2021 และปัจจุบันมีทั้งหมดกว่า 52,500 แอป มากขึ้น 4% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า
หากอยากให้แอปยังสูสีในตลาดที่แข่งขันอย่างดุเดือด คุณจะต้องมีกลยุทธ์การตลาดชั้นดี ในภาคธุรกิจที่ค่อนข้างมีความเป็นส่วนตัว *การที่แอปสามารถปรับให้เหมาะกับแต่ละบุคคลได้* คือเรื่องพื้นฐานที่สำคัญ คุณควรให้ผู้ใช้กำหนดข้อมูลที่อยากเห็นเองได้ และมีคำแนะนำที่กำหนดได้เฉพาะตัว และสร้างคำพูดโต้ตอบกับผู้ใช้ที่ช่วยให้รู้สึกว่ามีการช่วยเหลือเรื่องสุขภาพจริงๆ อย่าลืมหาวิธีรักษาข้อมูลที่คุณรวบรวมให้ปลอดภัยและบอกกับผู้ใช้ด้วยว่าคุณใส่ใจเรื่องนี้ ลองประสานงานกับองค์กรที่เชี่ยวชาญด้านการดูแลสุขภาพเพื่อสร้างฟีเจอร์ที่ได้ผลจริงๆ และคอยดูว่ามีเทคโนโลยี mHealth อะไรใหม่ๆ บ้างที่คุณนำมาใช้กับเทคโนโลยีของตัวเองได้ ที่สำคัญไม่น้อยไปกว่ากันก็คือการสร้างกลยุทธ์อัปเดตแอปคุณให้กลายเป็นเกมเพื่อทำให้ผู้ใช้อยากใช้แอปอยู่เสมอ
เราเห็นได้ชัดเจนว่า mHealth เป็นมากกว่าเทรนด์ชั่วคราวที่เกิดตอนมีโรคระบาด ปัจจุบันอุปกรณ์เคลื่อนที่ได้กลายเป็นส่วนสำคัญในวงจรชีวิตของลูกค้าในด้านสุขภาพ
เรานำอุตสาหกรรมด้านสุขภาพเข้าสู่โลกอุปกรณ์เคลื่อนได้สำเร็จในอัตราที่รวดเร็วมากในยุคที่ความเป็นส่วนตัวของข้อมูลกำลังเปลี่ยนแปลง ตอนนี้เราได้แต่คาดหวังว่าจะยังเดินหน้าต่อ (ได้ดีขึ้น) เพื่อพบกับอุปกรณ์ เทรนด์ และแอปพลิเคชัน mHealth ใหม่ๆ ในขณะที่ลูกค้าเองก็อยากให้เข้าถึงการดูแลสุขภาพได้มากขึ้นและโปร่งใสขึ้น