ผลประกอบการประจำปี พ.ศ. 2565 สร้างสถิติผลประกอบการประจำปีสูงสุดเป็นประวัติการณ์ของ แอลจี อีเลคทรอนิคส์ พร้อมตอกย้ำการเติบโตอย่างต่อเนื่องบนพื้นฐานการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง
แอลจี อีเลคทรอนิคส์ อิงค์ (แอลจี) เผยผลประกอบการประจำปี พ.ศ. 2565 ที่ 83.5 ล้านล้านวอน (หรือประมาณ 2.21 ล้านล้านบาท) โดยมีกำไรจากการดำเนินงาน 3.6 ล้านล้านวอน (หรือประมาณ 9.54 หมื่นล้านบาท)
ในปี พ.ศ. 2565 แอลจีประสบความสำเร็จด้วยผลประกอบการสูงสุดเท่าที่เคยมีมา โดยเป็นครั้งแรกที่ผลประกอบการประจำปีมีมูลค่ากว่า 80 ล้านล้านวอน (หรือประมาณ 2.12 ล้านล้านบาท) อีกทั้งยังเติบโตขึ้น 12.9 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับปี พ.ศ. 2564 ซึ่งเป็นปีที่ยอดขายมีมูลค่ากว่า 70 ล้านล้านวอน (หรือประมาณ 1.86 ล้านล้านบาท) เป็นครั้งแรก ยอดขายที่สูงเป็นประวัติการณ์ในครั้งนี้สะท้อนถึงการเติบโตอย่างต่อเนื่องจากปัจจัยการดำเนินงานพื้นฐานที่แข็งแกร่ง แม้ว่าผลไรกำไรจากการดำเนินงานตลอดทั้งปีจะยังคงได้รับผลกระทบจากความท้าทายที่มาจากภาวะผันผวนของเศรษฐกิจโลกอย่างต่อเนื่อง
การเติบโตของรายได้ของแอลจีในปี พ.ศ. 2565 ได้แรงหนุนหลักจากยอดขายกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านแบบพรีเมียมและกลุ่มผลิตภัณฑ์ชิ้นส่วนยานยนต์ โดยยอดขายกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านมีแนวโน้มการเติบโตที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่เจ็ด ในขณะที่การฟื้นตัวของธุรกิจโซลูชันชิ้นส่วนยานยนต์ของแอลจีในปี พ.ศ. 2565 สะท้อนแนวโน้มการเติบโตที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องของอุตสาหกรรมยานยนต์ ส่งผลให้ธุรกิจนี้ทำรายได้เกิน 10 เปอร์เซ็นต์ของรายได้รวมของแอลจีเป็นครั้งแรก
กลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านและเครื่องปรับอากาศ สร้างสถิติใหม่อีกครั้งในปี พ.ศ. 2565 ด้วยรายได้ 29.9 ล้านล้านวอน (หรือประมาณ 7.92 แสนล้านบาท) โดยเพิ่มขึ้น 10.3 เปอร์เซ็นต์จากปีก่อน ซึ่งเป็นผลลัพธ์ที่มาจากการใช้กลยุทธ์การนำเสนอสินค้าระดับพรีเมียมที่มาพร้อมเทคโนโลยีอันเป็นเอกลักษณ์ ทั้งตู้ถนอมผ้า LG Styler™ เครื่องซักผ้าและเครื่องอบผ้าในเครื่องเดียวที่มาในรูปแบบทาวเวอร์ LG WashTower™ และตู้เย็น LG InstaView พร้อมฟีเจอร์ Craft Ice™ ขณะที่ผลกำไรจากการดำเนินงานปี พ.ศ. 2565 ลดลงจากปีที่แล้ว 1.1 ล้านล้านวอน (หรือประมาณ 2.92 หมื่นล้านบาท) สืบเนื่องจากการเพิ่มการลงทุนด้านการตลาดและต้นทุนด้านโลจิสติกส์ที่สูงขึ้น ทั้งนี้ แอลจีได้วางกลยุทธ์ที่มุ่งเน้นการนำเสนอสินค้าพรีเมียมที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคโดยยกระดับความสามารถในการแข่งขัน เสริมความแข็งแกร่งของผลิตภัณฑ์ยอดนิยม พร้อมบริหารโครงสร้างต้นทุนเพื่อเพิ่มความสามารถในการทำกำไร นอกจากนี้ ยังเร่งขยายการเติบโตของอีโคซิสเต็มบ้านอัจฉริยะด้วยการขยายธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านที่สามารถอัปเกรดได้สู่ตลาดต่างประเทศอีกด้วย
กลุ่มธุรกิจโฮมเอ็นเตอร์เทนเมนต์ ประกาศผลประกอบการประปี พ.ศ. 2565 ที่ 15.7 ล้านล้านวอน (หรือประมาณ 4.16 แสนล้านบาท) โดยมีผลกำไรจากการดำเนินงานที่ 5.4 พันล้านวอน (หรือประมาณ 1.43 ร้อยล้านบาท) แม้ว่าความต้องการทีวีที่ลดลงทั่วโลกจะส่งผลต่อรายได้และผลกำไรจากการดำเนินงานเมื่อเทียบกับปีพ.ศ. 2564 แต่ธุรกิจคอนเทนต์และการบริการบนแพลตฟอร์มสมาร์ททีวีของแอลจีก็เติบโตเพิ่มขึ้นถึง 10 เท่านับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2561 ท่ามกลางสถานการณ์ธุรกิจที่ยังคงมีความท้าทาย บริษัทจะยังคงมุ่งเน้นการขยายธุรกิจแพลตฟอร์มสมาร์ททีวีเพื่อเพิ่มความหลากหลายของกลุ่มธุรกิจและเร่งผลักดันการเติบโตในอนาคต นอกจากนี้ แอลจีจะยังคงรักษาความสามารถในการแข่งขันด้วยการขยายธุรกิจผลิตภัณฑ์ทีวีพรีเมียม เช่น ทีวี OLED และ ทีวี QNED และบริหารงบประมาณการตลาดอย่างมีประสิทธิภาพ
กลุ่มผลิตภัณฑ์ชิ้นส่วนยานยนต์ มีผลประกอบการเพิ่มขึ้น 29.1 เปอร์เซ็นต์ ในปี พ.ศ. 2565 เมื่อเทียบกับปี พ.ศ. 2564 ด้วยผลประกอบการมูลค่า 8.6 ล้านล้านวอน (หรือประมาณ 2.28 แสนล้านบาท) โดยมีผลกำไรจากการดำเนินงานทั้งปีที่ 169.6 พันล้านวอน (หรือประมาณ 4.49 พันล้านบาท) การเติบโตของผลกำไรดังกล่าวได้แรงหนุนจากความต้องการใช้รถยนต์ที่สูงขึ้น มูลค่าการสั่งซื้อชิ้นส่วนรถยนต์สะสม ณ สิ้นปี พ.ศ. 2565 อยู่ที่ประมาณ 80 ล้านล้านวอน (หรือประมาณ 2.12 ล้านล้านบาท) ตอกย้ำตำแหน่งผู้นำด้านการผลิตชิ้นส่วนของอุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลก ทั้งนี้ แอลจีจะยังคงมุ่งมั่นเสริมความแข็งแกร่งให้กับห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก และเพิ่มความสามารถในการทำกำไรอย่างไม่หยุดยั้งผ่านการจัดสรรโครงสร้างต้นทุนที่มีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง
กลุ่มธุรกิจโซลูชันสำหรับองค์กรสร้างผลประกอบการในปี พ.ศ. 2565 ที่ 6.1 ล้านล้านวอน (หรือประมาณ 1.62 แสนล้านบาท) เพิ่มขึ้น 11.2 เปอร์เซ็นต์ จากปีก่อน โดยเป็นผลพวงจากการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของความต้องการที่มีต่อหน้าจออินฟอร์เมชันดิสเพลย์ ในขณะที่ผลกำไรจากการดำเนินงานทั้งปีลดลง ซึ่งเป็นผลมาจากความต้องการด้านการใช้คอมพิวเตอร์และจอภาพที่ชะลอตัวหลังสถานการณ์การแพร่ระบาด ในอนาคต แอลจีมีความมุ่งมั่นในการยกระดับความสามารถในการแข่งขันของผลิตภัณฑ์คอมพิวเตอร์และจอภาพ พร้อมขับเคลื่อนการเติบโตในกลุ่มธุรกิจ B2B อย่างมั่นคง ด้วยการนำเสนอโซลูชันที่ตรงกับความต้องการเฉพาะของแต่ละองค์กรอย่างต่อเนื่อง
ข้อมูลเกี่ยวกับอัตราการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศของไตรมาสที่ 4 ปี 2565
รายได้ที่ยังไม่ได้รับการตรวจสอบด้านบัญชีประจำไตรมาสของ แอลจี อีเลคทรอนิคส์ เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของ IFRS (International Financial Reporting Standards) สำหรับช่วงสามเดือน สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2565 ทั้งนี้ อัตราแลกเปลี่ยนของเงินบาทไทยต่อวอนเกาหลีจะเท่ากับอัตราแลกเปลี่ยนเฉลี่ยของสามเดือนในไตรมาสเดียวกัน โดยอัตราแลกเปลี่ยน ณ ไตรมาสที่ 4 ปี 2565 อยู่ที่ 1 บาทต่อ 0.0265 วอน (ตามอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราของธนาคารแห่งประเทศไทย)