ยกระดับนวัตกรรม ดูแลลูกค้าให้รวดเร็วและความปลอดภัยทั่วองค์กร ด้วยโซลูชันดิจิทัลและการปฏิบัติงานผ่านออโตเมชั่นบนระบบคลาวด์ พร้อมหนุนเป้าหมาย Net Zero 2050
บุคคลในภาพ (จากซ้ายไปขวา): ปิยะพล วลัยกนก ผู้อำนวยการ, Corporate IT, เอสซีจี, ยุทธนา เจียมตระการ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ – การบริหารกลาง เอสซีจี, อีฟ ครามาโซล กรรมการผู้จัดการและผู้จัดการทั่วไปประจําภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้, และ อภิชาต อรุณคุณารักษ์ กรรมการผู้จัดการ และผู้จัดการทั่วไปประจําประเทศไทยของ ดีเอ็กซ์ซี เทคโนโลยี
ภายใต้ความร่วมมือในครั้งนี้ ดีเอ็กซ์ซีได้ทำการพัฒนานวัตกรรมออโตเมชั่นในการจัดเก็บข้อมูลบนระบบคลาวด์ให้สามารถทำงานได้อย่างสะดวก แม่นยำและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น รวมถึงเพิ่มความปลอดภัยด้านสารสนเทศให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่กระทบต่อความรวดเร็วในการเข้าถึงข้อมูล ซึ่งรองรับการใช้งานจริงจากทั้งสามกลุ่มธุรกิจหลักของเอสซีจี ได้แก่ ธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง ธุรกิจเคมิคอลส์ (SCGC) และธุรกิจแพคเกจจิ้ง (SCGP)
ยุทธนา เจียมตระการ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ – การบริหารกลาง เอสซีจี กล่าวว่า “เอสซีจี มุ่งพัฒนาการทำงานที่ตอบสนองต่อความต้องการใหม่ ๆ ของลูกค้าอยู่เสมอ การขยายความร่วมมือกับดีเอ็กซ์ซีเพื่อยกระดับโครงสร้างไอทีพื้นฐาน (IT Infrastructure) และกระบวนการทำงาน ด้วยระบบควบคุมอัตโนมัติ หรือ ออโตเมชั่น (Automation) ถือเป็นรากฐานสำคัญที่จะช่วยพัฒนานวัตกรรมและโซลูชันใหม่ ๆ ได้อย่างคล่องตัวฉับไว มีความยืดหยุ่นพร้อมรับมือต่อการเปลี่ยนแปลง อีกทั้งสามารถให้บริการลูกค้าได้อย่างต่อเนื่องราบรื่น ภายใต้ความปลอดภัยขั้นสูง ซึ่งตอบโจทย์การดูแลลูกค้าในยุคที่ความรวดเร็วและปลอดภัยของข้อมูลมีความสำคัญอย่างมาก ขณะเดียวกัน เทคโนโลยีทั้งหมดที่กล่าวถึงเป็นเทคโนโลยีที่ทำงานบนระบบคลาวด์ (Cloud) จึงช่วยลดการใช้ไฟฟ้า ลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ สอดคล้องกับเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ในปี 2593 หรือ Net Zero 2050 ของเอสซีจี ซึ่งผมเชื่อมั่นว่าความร่วมมือครั้งนี้จะประสบผลสำเร็จด้วยดีอย่างเช่นที่เป็นมา”
ตลอดระยะเวลาความร่วมมือที่ผ่านมา ดีเอ็กซ์ซีและเอสซีจีมุ่งพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐาน การบำรุงรักษาและอัพเกรดระบบ รวมไปถึงการดูแลแอปพลิเคชันต่าง ๆ เช่น การอัพเกรดและการย้ายระบบบริหารจัดการทรัพยากรองค์กร (Enterprise Resource Planning - ERP) ไปยังระบบคลาวด์ได้สำเร็จโดยไม่กระทบต่อการใช้งาน และช่วยเสริมความรวดเร็วในการทำงานมากขึ้น ตลอดจนมีความคล่องตัวในการปรับขยายหรือลดขนาดระบบ เพื่อรองรับปริมาณข้อมูลและการใช้งานในอนาคต