ออราเคิลติดตั้งซอฟต์แวร์ด้านการบริหารจัดการคลังสินค้าประสิทธิภาพสูงแก่แบรนด์ผู้จัดจำหน่ายสินค้าชั้นนำแห่งเซาธ์อีสต์เอเชีย เพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางธุรกิจและลดขั้นตอนรายงานผลด้วยแรงงานมนุษย์
ออราเคิล (Oracle) ผู้ให้บริการแอปพลิเคชันคลาวด์ชั้นนำระดับโลกประกาศความร่วมมือกับ บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารแบรนด์ธุรกิจค้าส่งแม็คโครและแบรนด์ธุรกิจค้าปลีกโลตัสในเซาธ์อีสต์เอเชีย ในการย้ายภาระงานด้านการวิเคราะห์ธุรกิจค้าปลีกของสยามแม็คโครเข้าสู่ Oracle Autonomos Data Warehouse (ADW) ซึ่งป็นระบบฐานข้อมูลอัตโนมัติระบบแรกและระบบเดียวที่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อการวิเคราะห์ข้อมูลปริมาณมากโดยเฉพาะ โดยทำงานบนโครงสร้างพื้นฐานระบบคลาวด์ของออราเคิล (Oracle Cloud Infrastructure (OCI)) การย้ายภาระงานของสยามแม็คโครครั้งนี้ช่วยให้กลุ่มธุรกิจค้าปลีกของบริษัทฯ สามารถลดขั้นตอนการรายงานข้อมูลสินค้าคงคลังด้วยแรงงานมนุษย์ ทั้งยังเพิ่มความแม่นยำของข้อมูล ซึ่งส่งผลถึงการยกระดับประสิทธิภาพของการดำเนินธุรกิจในภาพรวม
“ธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภคกำลังเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วด้วยอุปสงค์ในตลาดที่สูงมาก” ทวีศักดิ์ แสงทอง กรรมการผู้จัดการ ออราเคิล คอร์ปอเรชั่น ประเทศไทย กล่าว “การทำงานของ Oracle ADW ถือเป็นยุคใหม่ของการบริหารจัดการข้อมูลที่สอดรับกับความต้องการของอุตสาหกรรมในวันนี้ เพราะสามารถขับเคลื่อนการทำงานด้วยตัวเอง ช่วยลดขั้นตอนการทำงานของมนุษย์ทั้งในด้านการดูแล เสริมสร้างความปลอดภัย ตรวจตรา สำรองข้อมูล กู้ข้อมูล แก้ไขปัญหา และปรับรูปแบบให้สอดคล้องกันในฐานข้อมูล ตลอดจนสามารถปกป้องตัวเองได้จากแพตช์ความปลอดภัยและซ่อมแซมตัวเองได้ด้วยระบบกู้ข้อมูลอัตโนมัติหากเกิดความชำรุดจากอุปกรณ์ ซึ่งทำให้ Oracle ADW คือโซลูชันคลาวด์สำหรับฐานข้อมูลชั้นนำระดับโลกที่ดีที่สุด ซึ่งเรารู้สึกตื่นเต้นอย่างมากที่ได้ร่วมงานกับสยามแม็คโคร ในการนำเสนอพลังแห่งการเปลี่ยนแปลงด้วยระบบคลาวด์ เพื่อช่วยยกระดับกลุ่มธุรกิจต่าง ๆ ของสยามแม็คโครให้เติบโตอย่างมั่นคง”
Oracle Autonomos Data Warehouse (ADW) ผสานความยืดหยุ่นของระบบคลาวด์เข้ากับพลังการเรียนรู้ของเครื่อง (Machine Learning) เพื่อมอบบริการในรูปแบบของการบริหารจัดการข้อมูลด้วยโซลูชันที่มั่นคงปลอดภัย ใช้งานได้จริงและมีประสิทธิภาพสูง อีกทั้งยังใช้ต้นทุนต่ำที่สุดเนื่องจากภาระการดำเนินงานทั้งหมดเป็นระบบอัตโนมัติเต็มรูปแบบ พร้อมความสามารถจากการเรียนรู้ของเครื่อง (Machine Learning) ที่ติดตั้งมาพร้อมในระบบ ทำให้ ADW มอบการทำงานแบบอัตโนมัติทั้งสำหรับการบริหารจัดการ การเพิ่มขนาดธุรกิจ การตรวจสอบ การปรับรูปแบบข้อมูลให้สอดคล้องกัน และการสำรองข้อมูล ทั้งยังขจัดภาระเรื่องผู้ดูแลฐานข้อมูลที่ต้องคอยปรับรูปแบบฐานข้อมูลที่มีปริมาณเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล รวมถึงการพยายามรักษาประสิทธิภาพและความแม่นยำของฐานข้อมูลเอาไว้ตลอดเวลา ซึ่งหลังจากนี้ ภาระงานทั้งหมดที่กล่าวมา ADW จะดำเนินงานเองโดยระบบอัตโนมัติ 100%
สยามแม็คโครเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1988 ในรูปแบบศูนย์ค้าส่งสินค้าเฉพาะสมาชิกภายใต้ชื่อ “แม็คโคร” นอกจากนี้ กลุ่มบริษัทยังเป็นเจ้าของ “โลตัส” แบรนด์ธุรกิจค้าปลีกชั้นนำในไทยและมาเลเซีย ตลอดระยะเวลาการดำเนินงาน 33 ปี สยามแม็คโครได้ขยายธุรกิจและบริการอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งมั่นสู่การเป็นผู้ค้าปลีกแบบ B2B และ B2C อันดับ 1 ของเอเชีย ซึ่งมอบบริการธุรกิจทั้งแบบออนไลน์และออฟไลน์ เพื่อตอบสนองความต้องการในชีวิตประจำวันของผู้บริโภคด้วยนวัตกรรมเทคโนโลยีและการดำเนินงานที่เป็นเลิศ ผ่านการปฏิบัติงานร่วมกันของพนักงานของบริษัทและพันธมิตรคู่ค้าบนแนวทางแห่งความยั่งยืน วันนี้ สยามแม็คโครบริหารศูนย์ค้าส่งแม็คโครมากกว่า 150 สาขา และศูนย์ค้าปลีกโลตัสมากกว่า 2,600 สาขาใน 6 ประเทศ
ด้วยเป้าหมายในการสร้างความเติบโตทางธุรกิจ สยามแม็คโครจึงเลือกใช้โซลูชันคลาวด์เพื่อลดขั้นตอนการบริหารข้อมูลคลังสินค้าด้วยแรงงานมนุษย์เนื่องจากบริษัทกำลังขยายฐานลูกค้าอย่างต่อเนื่อง การย้ายภาระงานนี้ครั้งทำให้สยามแม็คโครมีทรัพยากรที่เพียงพอในการเพิ่มขนาดธุรกิจ ปรับการทำงานเป็นแบบอัตโนมัติ และบริหารจัดการข้อมูลปริมาณมหาศาลทั้งในปัจจุบันและอนาคต พร้อมความมั่นใจเรื่องความแม่นยำที่มากขึ้นและการเติมสินค้าในสต็อกตามกำหนดเวลาที่เหมาะสม เพื่อรองรับการดำเนินงานที่กำลังเติบโตสู่ระดับภูมิภาคได้อย่างสมบูรณ์แบบ
พอล สตีเฟ่น ฮาวเว่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานเทคโนโลยี บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “เราต้องการระบบการบริหารฐานข้อมูลที่ทำงานในคลาวด์เป็นหลักสำหรับฝ่ายงานสินค้าคงคลัง เพื่อให้สอดคล้องกับการขยายการดำเนินงานของเรา ซึ่ง Oracle ADW สามารถช่วยลดภาระการรายงานสินค้าคงคลังที่ซับซ้อน ทำให้เรามีประสิทธิภาพการทำงานสูงขึ้นและปกป้องข้อมูลคลังสินค้าได้อย่างปลอดภัยทั้งในการปฏิบัติงานแบบออนไลน์และออฟไลน์ของเรา”