19 พ.ค. 2566 568 0

SYMC กวาดรายได้ไตรมาสแรก 469.7 ล้านบาท เติบโต 15.8% เมื่อเทียบกับปีก่อน เดินหน้าขยายโครงข่ายและบริการแม้เผชิญความท้าทายของเศรษฐกิจ

SYMC กวาดรายได้ไตรมาสแรก 469.7 ล้านบาท เติบโต 15.8% เมื่อเทียบกับปีก่อน เดินหน้าขยายโครงข่ายและบริการแม้เผชิญความท้าทายของเศรษฐกิจ

SYMC” โชว์ผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2566 กวาดรายได้รวมมูลค่า 469.7 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 15.8% ยังคงรักษาการเติบโตเป็นตัวเลขสองหลัก พร้อมเผยกำไรสุทธิ 46.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 60.7% เมื่อเทียบกับปีก่อน จากการเติบโตของการให้บริการเชื่อมต่อโครงข่าย บริการคลาวด์ และบริการด้านการรักษาความปลอดภัย สำหรับองค์กรทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ​ ตลอดจนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโดยรวม

อเล็กซ์ โลท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท ซิมโฟนี่ คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการโครงข่ายสื่อสารโทรคมนาคมชั้นนำหรือ SYMC กล่าวว่า “บริษัทมีผลการดำเนินงานที่ดีในไตรมาส 1/2566 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยมีรายได้รวมมูลค่า 469.7 ล้านบาท เติบโตขึ้น 15.8% เนื่องจากรายได้จากส่วนงานบริการในประเทศและต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น โดยเป็นผลมาจากความต้องการการเชื่อมต่อคลาวด์ และบริการรักษาความปลอดภัยเพิ่มขึ้นเพื่อรองรับดิจิทัลทรานฟอร์เมชั่นสำหรับองค์กรหลายแห่ง โดยรายได้จากการดำเนินงานของบริษัทก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อมราคาหรือ EBITDA อยู่ที่ 180.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.4% แม้ว่าต้นทุนบริการค่าใช้จ่ายในการบริการและบริหารค่าเสื่อมราคาอุปกรณ์โครงข่ายอุปกรณ์สำนักงานจะเพิ่มขึ้น แต่อย่างไรก็ตามกลับส่งผลให้บริษัทมีกำไรสุทธิ 46.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 60.7%

ขณะเดียวกัน หากพิจารณาเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าหรือไตรมาส 4/2565 นั้น พบว่าบริษัทยังคงมีการเติบโตเป็นบวกอย่างต่อเนื่องมาทุกไตรมาส โดยมีรายได้เพิ่มขึ้น 7.4% และกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นสูงถึง 29.3% หลักๆ มาจากสัดส่วนการเติบโตของรายได้บริการที่เพิ่มสูงมากกว่าสัดส่วนการเพิ่มขึ้นของต้นทุนบริการค่าเสื่อม ราคาอุปกรณ์โครงข่ายและต้นทุนการดำเนินงานต่างๆ ของกิจการ สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการบริหารงานเพื่อธุรกิจที่มีความมั่นคงอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังเดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจตามแผนงานสำหรับไตรมาสต่อๆ ไป”

นอกจากนี้ สำหรับการถือหุ้นในเอมส์ดาต้าเซ็นเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ("ADCTH") (ณ วันที่ 31 มีนาคม 2566 มีอยู่ 49%) ซึ่งบริษัทลงทุนตั้งแต่ปี 2563 ด้วยเหตุผลเชิงกลยุทธ์ บริษัทจึงตัดสินใจขายเงินลงทุน ทั้งหมดและธุรกรรมเสร็จสมบูรณ์แล้วในเดือนพฤษภาคม 2566

“สำหรับไตรมาสแรกของปีนี้ เศรษฐกิจไทยได้รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว การคลี่คลายลงของการแพร่ระบาดของโควิด-19 กิจกรรมทางเศรษฐกิจภายในประเทศกลับมาอยู่ในสภาวะปกติ บริษัทยังคงปิดไตรมาสแรกด้วยผลประกอบการที่ดีต่อเนื่อง โดยมีรายได้และกำไรสุทธิเติบโตอย่างแข็งแกร่ง จากอุปสงค์การขายที่เติบโตซึ่งมาจากความต้องการเชื่อมต่อข้อมูลที่เพิ่มขึ้นจากองค์กรในประเทศและภูมิภาคอินโดจีน รวมถึงการให้บริการ OTT แต่อย่างไรก็ตามในภาพรวมของเศรษฐกิจนั้นยังคงมีความกังวลอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับค่าสาธารณูปโภคที่เพิ่มขึ้น ความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อที่สูงขึ้น”

อเล็กซ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ความท้าทายของเศรษฐกิจมหภาคและสถานการณ์ทางการเมืองเป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ประกอบกับความกังวลทั่วโลกจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกและความผันผวนของตลาดการเงินโลกที่อาจส่งผลลบในระยะสั้นถึงระยะกลาง บริษัทฯ ยังคงมุ่งเน้นไปที่การเติบโตแบบออร์แกนิกด้วยแผนการขยายโครงข่ายและบริการเพื่อสนับสนุนลูกค้าของในภาคส่วนต่างๆ ที่ต้องการการเชื่อมต่อและการนำเสนอบริการเสริมเพื่อเพิ่มลูกค้าใหม่มากขึ้น บริษัทเชื่อว่าความคิดริเริ่มในการทำให้เป็นดิจิทัลโดยองค์กรต่างๆ จะเป็นแนวโน้มสำคัญในอนาคตและการเชื่อมต่อข้อมูลทั่วโลกจะยังคงนำไปสู่ไฮเปอร์สเกลเลอร์ของคลาวด์และดาต้าเซ็นเตอร์ทั่วโลกมากขึ้น เพื่อขยายโครงสร้างพื้นฐานในภูมิภาคอาเซียนรวมถึงประเทศไทยและสร้างบริการเพิ่มเติมที่นำเสนอแก่ฐานลูกค้าที่ใหญ่ขึ้น

บริษัทยังคงมองแนวโน้มเชิงบวก พร้อมตอบสนองความต้องการของลูกค้าด้วยการให้บริการโครงข่ายที่เสถียรและครอบคลุม รวมทั้งนำเสนอบริการโซลูชั่นพร้อมบริการเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ ตลอดจนการส่งมอบประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมและการเชื่อมต่อที่เป็นเลิศให้กับลูกค้า เพื่อรักษาการเติบโตของรายได้และกำไรตลอดปี 2566