25 พ.ค. 2566 1,497 11

'แซดทีอี' ยกทัพสมาร์ทโฟน ZTE พร้อมแท็บเล็ตเรือธงสุดล้ำ Nubia PAD 3D พลิกโฉมดิจิทัล 3 มิติ ด้วยเทคโนโลยี AI เจาะตลาดไทย

'แซดทีอี' ยกทัพสมาร์ทโฟน ZTE พร้อมแท็บเล็ตเรือธงสุดล้ำ Nubia PAD 3D พลิกโฉมดิจิทัล 3 มิติ ด้วยเทคโนโลยี AI เจาะตลาดไทย
แซดทีอี คอร์ปอเรชัน (ZTE Corporation) ผู้ให้บริการด้านโซลูชันเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารชั้นนำระดับโลก ประกาศรุกตลาดไทย แซดทีอี ดีไวซ์ ประเทศไทย (ZTE) ประกาศเปิดตัว Nubia PAD 3D แท็บเล็ตเอไอ 3มิติ รุ่นแรกของโลกในประเทศไทย พร้อมทัพสมาร์ทโฟนใหม่อีก 4 รุ่น ได้แก่ ZTE Blade A31 plus 2023 ZTE Blade A33s ZTE Blade 53 Pro และ nubia Neo 5G ที่มาพร้อมกับชิปเซ็ตประมวลผล UNISOC ซึ่งเป็นขุมพลังความสามารถของผลิตภัณฑ์ ZTE ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีนวัตกรรมเพื่อรองรับชีวิตดิจิทัลแห่งอนาคต พร้อมผนึกกำลังคู่ค้ารายย่อย หรือมาสเตอร์ ดีลเลอร์เพิ่ม 16 ราย ช่วยขับเคลื่อนตลาดสมาร์ทโฟนแซดทีอี กระจายสินค้าและช่องทางการขายทั่วประเทศ ด้วยเป้าหมายชิงส่วนแบ่งการตลาดสมาร์ทโฟนเพิ่มในปี 2566 นี้



หลัว เหว่ย รองประธาน แซดทีอี คอร์ปอเรชั่น เปิดเผยว่า ZTE เดินกลยุทธ์ทางธุรกิจทั่วโลกด้วยการวางตำแหน่งแบรนด์เป็น “Driver of Digital Economy” หรือ ผู้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล ด้วยการเดินหน้าดำเนินธุรกิจอย่างมุ่งมั่นตามกลยุทธ์ ควบคู่ไปกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ตามแนวโน้มการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลและการลดคาร์บอน โดยกลยุทธ์ล่าสุดของกลุ่มธุรกิจแซดทีอี โมบาย ดีไวซ์ ได้รับการยกระดับอย่างเป็นทางการให้เป็นระบบนิเวศอัจฉริยะทุกสภาวการณ์ 2.0 (Full-Scenario Intelligent Ecosystem 2.0) หรือ “1+2+N” เป็นผลิตภัณฑ์หรือสินค้าที่ตอบโจทย์ยุคดิจิทัลแบบครบวงจร ครอบคลุมทุกสถานการณ์เพื่อใช้ในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านหรือนอกบ้าน รวมทั้งมือถือ โดยจะมีระบบ MyOs เป็นตัวกลางเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่าง ๆ ได้ด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์และโซลูชันเชิงอุตสาหกรรมในตระกูล บรอดแบนด์เคลื่อนที่ (MBB) บรอดแบนด์ไร้สาย (FWA) และอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อผ่านระบบอินเทอร์เน็ต (IoT) เพื่อตอบสนองต่อการขยายตัวอย่างรวดเร็วของผู้บริโภคทั่วโลก

ผนวกกับความสามารถของเทคโนโลยี 5G ได้เข้ามาช่วยยกระดับการทำงานและชีวิตของผู้คนมากขึ้น ทั้งยังผลักดันให้ผู้บริโภคมีอุปกรณ์เคลื่อนที่ในครอบครองมากกว่าหนึ่งเครื่อง ด้วยสมรรถนะอันทรงพลังของ “คลาวด์ เครือข่าย เอดจ์ และอุปกรณ์” ระบบปฏิบัติการแซดทีอี มายโอเอส (ZTE MyOS) เข้ามาช่วยทลายพรมแดนของอุปกรณ์ที่แตกต่างกัน และสร้างการเชื่อมต่อระหว่างกันอย่างไร้รอยต่อของระบบนิเวศอุปกรณ์รูปแบบ “1+2+N” อันประกอบไปด้วยโทรศัพท์มือถือ เทอร์มินอลสัญญาณส่วนตัวและประจำบ้าน และผลิตภัณฑ์ต่อพ่วงในระบบนิเวศเดียวกัน


จัสติน ลี ซีอีโอ กลุ่มธุรกิจโมบาย ดีไวเซส ประจำภูมิภาคเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวเสริมว่า แม้ภาพรวมตลาดสมาร์ทโฟนทั่วโลกจะได้รับผลกระทบจากสภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวมากนัก แต่สำหรับ ZTE ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยีนวัตกรรมเพื่อพร้อมรับชีวิตดิจิทัลอัจฉริยะแห่งอนาคต จะเห็นได้จากการพัฒนาอุปกรณ์แท็บเล็ตเอไอ 3 มิติรุ่นแรกของโลก ภายใต้แบรนด์นูเบีย  "นูเบีย แพด ทรีดี" (Nubia Pad 3D) ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่เปิดตัวครั้งแรกในงานโมบายล์ เวิลด์ คองเกรส (MWC) ปี 2566 เพื่อ ส่งมอบประสบการณ์การใช้งานบนแท็บเล็ตที่มาพร้อมกับการสตรีม และการเล่นเกมแบบ 3 มิติ ให้ผู้ใช้เพลิดเพลินไปกับการสร้างสรรค์และแบ่งปันคอนเทนต์โดยไม่ต้องสวมแว่นตา นับเป็นแท็บเล็ตที่เหนือล้ำกว่าทุกรุ่นที่มีอยู่ในตลาดปัจจุบันนี้

“จากสถานการณ์ยอดขายสมาร์ทโฟนทั่วโลกลดลง แต่ทว่าสมาร์ทโฟน 5G ยังคงได้รับความนิยมและมีแนวโน้มเติบโตขึ้น รวมถึงตลาดโมบายเกมเช่นเดียวกัน จากการวิจัยตลาดของ รีเสิร์จ แอนด์ มาร์เก็ตคาดการณ์ว่าตลาดเกมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) อยู่ที่ 8.5% โดยในปีที่แล้วมีจำนวนผู้เล่นเกมออนไลน์บนมือถือในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพิ่มขึ้นกว่า 250 ล้านคน จากมาเลเซีย ไทย เวียดนาม อินโดนีเซีย สิงคโปร์ และฟิลิปปินส์ ถือเป็นหกตลาดเกมมือถือหลักที่สำคัญที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งนี้ เป็นผลมาจากการลงทุนขยายเครือข่าย 5G และเพิ่มความเร็วอินเทอร์เน็ตที่เป็นปัจจัยหลักผลักดันศักยภาพการเติบโตอย่างมหาศาล รวมถึงความนิยมที่เพิ่มขึ้นของ e-sports ยังเข้ามาช่วยกระตุ้นตลาดเกมในภูมิภาคนี้อีกด้วย แซดทีอีตั้งเป้าชิงส่วนแบ่งตลาดสมาร์ทโฟน 3% ในเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือเติบโตกว่า 100% ภายใน 3 ปีนับจากนี้จัสติน ลี กล่าว

ด้าน ชอว์น เผย ผู้จัดการประจำประเทศไทย แซดทีอี ดีไวซ์ ประเทศไทย กล่าวว่า  แซดทีอี ประเทศไทย ยังคงยึดมั่นวิสัยทัศน์ “To enable connectivity and trust everywhere ทำให้ทุกการเชื่อมต่อและเพื่อให้เชื่อมั่นได้ทุกที่” ภายใต้ภารกิจเชื่อมต่อโลกด้วยนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง เพื่ออนาคตที่ดีกว่า และประเทศไทยเองก็ถือเป็นหนึ่งในตลาดที่ ZTE มองเห็นโอกาสและศักยภาพสำหรับสมาร์ทโฟนที่กลายเป็นปัจจัยสำคัญในการดำเนินชีวิต พฤติกรรมของผู้บริโภคในประเทศไทยเปลี่ยนแปลงไป มีการใช้งานสมาร์ทโฟนเพิ่มขึ้นในชีวิตประจำวัน ทั้งการทำธุรกรรมทางการเงินและการสั่งซื้อสินค้าผ่านแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มสมาร์ทโฟน 5G คุณภาพดีในราคาที่เอื้อมถึงกำลังเป็นที่ต้องการ ส่วนตลาดสมาร์ทโฟนระดับเริ่มต้นเองก็ยังคงมีความต้องการอยู่มากเช่นกัน แต่จะเน้นการมองหาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพมากขึ้น และแซดทีอีเองก็มีเป้าหมายสร้างยอดขายสมาร์ทโฟนให้มีส่วนแบ่งตลาดในปีนี้ 1% เพิ่มส่วนแบ่งการตลาดเป็น 1.5% ในปี 2567 และเติบโตเพิ่มเป็น 3% ภายในปี 2568

“สำหรับแผนการทำตลาดสมาร์ทโฟน ZTE ในประเทศไทยจะเน้นกลยุทธ์ด้านผลิตภัณฑ์ โดยใช้แบรนด์สมาร์ทโฟนของบริษัท ได้แก่ ZTE Blade นูเบีย (Nubia) และ Redmagic รวมทั้งผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ในอีโคซิสเต็มของ ZTE เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์คุณภาพที่หลากหลาย ตอบความต้องการลูกค้าหลากหลายกลุ่ม ไปพร้อมกับการสร้างตลาดแบรนด์ให้เป็นรู้จักมากขึ้น ผ่านการสื่อสารการตลาด และการประชาสัมพันธ์ ทั้งออฟไลน์และออนไลน์ เพื่อขยายฐานลูกค้าและการตลาดที่เข็มแข็ง โดย ZTE ให้ความสำคัญกับการจัดจำหน่ายทั้งในรูปแบบออนไลน์และออฟไลน์ผ่านช่องทางการขายต่าง ๆ โดยเฉพาะอีคอมเมิร์ช รวมทั้งการมีหน้าร้านผ่านทางพันธมิตรคู่ค้า นอกเหนือจากผู้จัดจำหน่ายหลัก 2 บริษัท ได้แก่ บริษัท วีเอสที อีซีเอส (ประเทศไทย) จำกัด และ บริษัท วายเอ เซลส์ แอนด์ เซอร์วิสเซส จำกัด ในกลุ่ม เบญจจินดาแล้ว ในปีนี้ แซดทีอี ยังได้แต่งตั้งพันธมิตรคู่ค้ารายย่อย หรือ มาสเตอร์ ดีลเลอร์ โดยมีการลงนามข้อตกลงความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์หรือ MOU ร่วมกันกับ มาสเตอร์ ดีลเลอร์ เพิ่ม 16 ราย ช่วยกระจายผลิตภัณฑ์แซดทีอี เพื่อให้ครอบคลุมตลาดทั่วประเทศไทยมากขึ้น”  ผู้จัดการประจำประเทศไทย แซดทีอี ดีไวซ์ กล่าวย้ำ



พร้อมกันนี้ ZTE ได้เปิดตัวสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตใหม่ล่าสุด ดังนี้

1. ZTE Blade A31 Plus 2023 ดีไซน์สีเขียวน้ำเงินหม่น มาพร้อมหน้าจอใหญ่ขนาด 6 นิ้ว กล้องออโต้โฟกัส ซิปเซ็ต ซีพียู Octa-core ความจุ 2+32GB ราคา 1,999 บาท

2. ZTE Blade A33s จอแบบหยดน้ำ ขนาดกว้าง 6.3 นิ้ว ความจุแบตเตอร์รี่ 4000mAh ซีพียู Octa-core 1.6GHz ปลดล็อกด้วยระบบสแกนใบหน้า กล้องหลัง 8MP กล้องหน้า 5MP ความจุ 4+32GB ราคา 2,299 บาท

3. ZTE Blade A53 Pro กล้องคู่หลังความละเอียด 13 MP+2MP และกล้องหน้าความละเอียด 5MP หน้าจอหยดน้ำ หน้าจอใหญ่ 6.52 นิ้ว HD+ แบตเตอร์รี่ 5000mAh ซีพียู Octa-core 1.6 GHz ปลดล็อคด้วยลายนิ้วมือ ความจุ 8+64GB ราคา 2,699 บาท

4. Nubia PAD 3D ซีพียู Qualcomm Snapdragon 888 หน้าจอขนาด 12.4 นิ้ว มีระบบ AI จับดวงตา สามารถเปลี่ยนคอนเทนต์ธรรมดาให้เป็นสามมิติได้แบบ Real-time แบตเตอร์รี่ 9700mAh (Typical) ชาร์ทเร็ว 33 วัตต์ USB Type-C 3.1 ระบบปฏิบัติการ Android 12 ความจุ 12+256GB ราคา 46,900 บาท

5. nubia Neo 5G ประสบการณ์ใหม่สำหรับเกมเมอร์ รองรับ 5G พร้อมเปิดให้สั่งจองล่วงหน้า ในเดือนมิถุนายน 2566 นี้ 


ทั้งนี้ ZTE เริ่มจำหน่ายตัวสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตใหม่ ทั้ง ZTE Blade A31 Plus 2023 และ ZTE Blade A33s แล้วตั้งแต่ 25 พฤษภาคม 2565 เป็นต้นไป ผ่านร้านค้าตัวแทนจัดจำหน่ายทั่วประเทศ และผ่านช่องทางออนไลน์ทั้ง Lazada และ Shopee ส่วน ZTE Blade A53 Pro และ nubia Neo 5G จะมีการเปิดให้จองทางช่องทางออนไลน์ในเดือนมิถุนายน 2566 นี้ สำหรับ Nubia PAD 3D จำหน่ายที่ AIS Shop และ AIS Online Store พร้อมข้อเสนอพิเศษจาก AIS





ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสมาร์ทโฟน ZTE ในประเทศไทย: https://www.facebook.com/ztedevicethailand

เกี่ยวกับ แซดทีอี คอร์ปอเรชัน

ZTE ช่วยเชื่อมต่อโลกด้วยนวัตกรรมอย่างต่อเนื่องเพื่ออนาคตที่ดีกว่า บริษัทให้บริการเทคโนโลยีนวัตกรรม และโซลูชันแบบครบวงจร ผลิตภัณฑ์ของแซดทีอีครอบคลุมทั้งเครือข่ายไร้สายและมีสาย อุปกรณ์พกพาและบริการโทรคมนาคมระดับมืออาชีพทั้งหมด ZTE ให้บริการประชากรมากกว่าหนึ่งในสี่ของโลก โดยทุ่มเทให้กับการสร้างระบบนิเวศดิจิทัลและอัจฉริยะเพื่อให้การเชื่อมต่อและความไว้วางใจเกิดขึ้นได้ทุกที่ ZTE จดทะเบียนทั้งในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงและเซินเจิ้น