10 มิ.ย. 2566 34,032 1

ททท. ผนึก ทรู ดิจิทัล เปิดโครงการอบรมหลักสูตร การบริหารการท่องเที่ยวสำหรับผู้บริหารระดับสูง รุ่นที่ 4

ททท. ผนึก ทรู ดิจิทัล เปิดโครงการอบรมหลักสูตร การบริหารการท่องเที่ยวสำหรับผู้บริหารระดับสูง รุ่นที่ 4

ททท. ผนึก ทรู ดิจิทัล สร้างผู้นำยุค 4.0 ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย เปิดโครงการอบรมหลักสูตร “การบริหารการท่องเที่ยวสำหรับผู้บริหารระดับสูง” รุ่นที่ 4 ดึงเทคโนโลยีพัฒนานวัตกรรมเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน

นิธี สีแพร (กลาง) รองผู้ว่าการด้านดิจิทัล วิจัย และพัฒนา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เป็นประธานในพิธีเปิดการอบรมหลักสูตรการบริหารการท่องเที่ยวสำหรับผู้บริหารระดับสูง รุ่นที่ 4 ประจำปี 2566 หรือ Tourism Management Program for Executives (TME) โดย วินิจ รังผึ้ง (ซ้าย) ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและพัฒนาด้านการท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และ เอกราช ปัญจวีณิน (ขวา) หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านดิจิทัล บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น ร่วมแถลงข่าวการจัดโครงการอบรม ซึ่ง ททท. และ ทรู ดิจิทัล อคาเดมี  ได้ร่วมกันออกแบบหลักสูตรเพื่อสร้างเสริมความรู้ด้านการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบในทุกมิติที่เกี่ยวข้อง และวิธีการนำเทคโนโลยีดิจิทัลสมัยใหม่มาเพิ่มประสิทธิภาพการตลาดการท่องเที่ยวเชิงรุก เพื่อให้ผู้เข้าอบรมสามารถนำความรู้และประสบการณ์จากหลักสูตร

ไปประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติงานและการดำเนินธุรกิจได้จริง ตลอดจนสามารถวางแผนพัฒนาและส่งเสริมการท่องเที่ยวด้วย Digital Transformation โดยระดมความเห็นจากประสบการณ์ผู้เข้าร่วมการอบรมและเสริมสร้างเครือข่ายผู้บริหารระดับสูงในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง รวมถึงชุมชน พร้อมทั้งสร้างทัศนคติมุมมองและภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่ ททท. โดยมีคณะผู้บริหาร ททท. แขกผู้มีเกียรติ และสื่อมวลชนเข้าร่วมงาน ณ โถงธนะรัชต์ อาคาร ททท. สำนักงานใหญ่


นิธี สีแพร กล่าวว่า “อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยเป็นอุตสาหกรรมบริการที่มีความเชื่อมโยงถึงธุรกิจต่าง ๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศมากมายส่งผลสำคัญต่อการเจริญเติบโตพัฒนาเศรษฐกิจ การจ้างงาน ส่งเสริมการบริโภคของ ภาคครัวเรือนและกระจายรายได้การท่องเที่ยวออกไปสู่ภาคส่วนต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กระจายรายได้โดยตรงสู่ชุมชน อย่างไรก็ตาม บริบทสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วของการท่องเที่ยว ทำให้ประเทศไทยต้องเผชิญกับปัญหาการแข่งขันที่เกิดขึ้นทั้งในภูมิภาคและในระดับโลกรวมทั้ง ปัญหาที่เกิดขึ้นจากการขยายตัวของนักท่องเที่ยวจำนวนมาก จำเป็นที่ทุกภาคส่วนในห่วงโซ่จำเป็นต้องรับรู้และเตรียมความพร้อมเพื่อการบริหารจัดการอย่างเหมาะสมมากขึ้น เพื่อให้การขับเคลื่อนอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยเป็นไปอย่างเต็มประสิทธิภาพ รวมทั้งสามารถยกระดับการพัฒนาภายในของแต่ละภาคส่วนในห่วงโซ่อุปทาน (Value Chain) ให้มีขีดความสามารถในการแข่งขันที่ดีขึ้นในทุกด้าน การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จึงเห็นสมควรเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางการตลาดท่องเที่ยว สำหรับบุคลากรทางการท่องเที่ยวทั้งภาครัฐและเอกชนในลักษณะประชารัฐ โดยจัดการอบรมหลักสูตรการบริหารการท่องเที่ยวสำหรับผู้บริหารระดับสูง (กทส.) หรือ (Tourism Management Program for Executives: TME) ครั้งที่ 4 ขึ้น จึงมีความยินดีอย่างยิ่งที่ ททท. ได้ดำเนินการจัดอบรมหลักสูตรการบริหารการท่องเที่ยวสำหรับผู้บริหารระดับสูง รุ่นที่ 4 ประจำปี 2566 ขึ้นมาในครั้งนี้”


วินิจ รังผึ้ง กล่าวว่า “ในฐานะที่ ททท. เป็นหน่วยงานที่ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและดำเนินการส่งเสริมการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศมาอย่างต่อเนื่อง ททท. ยังเพิ่มบทบาทการเป็นผู้พัฒนาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวด้วยการเผยแพร่ความรู้และสร้างหลักสูตรการจัดฝึกอบรมให้แก่บุคลากรในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและผู้ที่สนใจ ซึ่งมีคณะกรรมการดำเนินการศูนย์พัฒนาวิชาการด้านการตลาดการท่องเที่ยว (TAT Academy) เป็นผู้ดำเนินการจัดทำโครงการเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันทางการตลาดท่องเที่ยวสำหรับบุคลากรทางการท่องเที่ยวทั้งภาครัฐและเอกชน เนื้อหาการอบรมการบริหารการจัดการท่องเที่ยวสำหรับผู้บริหารระดับสูงประกอบด้วย 3 Modules ตามชื่อย่อของหลักสูตร TME ได้แก่ TECHNOLOGY ค้นพบเทคโนโลยี และนวัตกรรมที่จะช่วยขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในยุคดิจิทัล (Harnessing Technology for Tourism Management in Digital Age) MANAGEMENT พัฒนาศักยภาพการเป็นผู้นำ และนักบริหารการท่องเที่ยวอย่างมืออาชีพจากผู้เชี่ยวชาญหลากหลายแขนง (Developing Professional Leadership & Management Skills for Tourism Industry) และ EXPERIENCE ออกแบบและพัฒนาประสบการณ์การท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ ที่ก้าวหน้าและทันสมัย ดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติ (Create Tourism Experience through Innovation)


เอกราช ปัญจวีณิน กล่าวว่า การเพิ่มทักษะดิจิทัลสำหรับคนไทย มีความสำคัญยิ่งต่อการพัฒนาประเทศในทุกมิติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคเศรษฐกิจที่ทุกองค์กรต่างๆ ทั้งที่มีอยู่และที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอาจต้องเผชิญกับช่องว่างและความท้าทายต่างๆ ในการดำเนินธุรกิจ หากไม่สามารถปรับตัว ทรานสฟอร์มองค์กรสู่ดิจิทัล ก็จะส่งผลกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันและการเพิ่มขีดความสามารถที่จะตอบโจทย์พฤติกรรมของผู้บริโภคในยุคดิจิทัลที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทรู ดิจิทัล จึงนำความพร้อมของทรู ดิจิทัล อคาเดมี สถาบันการเรียนรู้ที่มุ่งส่งเสริมทักษะด้านดิจิทัลให้แก่บุคลากรและองค์กร ร่วมเติมเต็มเพื่อช่วยลดช่องว่างและแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงานที่มีทักษะด้านดิจิทัลของประเทศไทย และในครั้งนี้ รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ ททท. ให้ความสำคัญกับการพัฒนาทักษะดิจิทัลแก่เหล่าบุคลากรในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและไว้วางใจให้ ทรู ดิจิทัล อคาเดมี ได้ร่วมออกแบบและพัฒนาหลักสูตร “การบริหารการท่องเที่ยวสำหรับผู้บริหารระดับสูง” รุ่นที่ 4 ซึ่งเป็นหลักสูตรที่จะช่วยเพิ่มพูนความรู้ ทักษะ พัฒนาศักยภาพในการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาปรับใช้ในธุรกิจ เพื่อร่วมกันยกระดับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยให้มีคุณภาพและแข่งขันได้ในตลาดโลก ทรู ดิจิทัล อคาเดมี จะนำประสบการณ์จากการจัดหลักสูตรและพัฒนากำลังคนด้านดิจิทัลในไทยมาแล้วมากกว่า 30,000 คน รวมถึงความเป็นผู้นำโทรคมนาคม-เทคโนโลยีของทรู เชื่อมโยงพันธมิตรหลากหลายภาคส่วน รวมถึงบริษัทเทคโนโลยีระดับโลกเข้ามาร่วมแบ่งปันองค์ความรู้และประสบการณ์ ซึ่งผู้เข้าอบรมจะได้เรียนรู้ทั้งทฤษฎีและปฏิบัติจากผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านโดยตรง รวมถึงกรณีศึกษาต่างๆ อาทิ ดิจิทัล ดิสรัปชัน ความสำคัญของข้อมูลและการใช้ข้อมูลเชิงลึก และหลักการออกแบบประสบการณ์ผู้ใช้และการบริการ เป็นต้น มั่นใจว่า หลักสูตรนี้จะเติมเต็มความสามารถของผู้บริหารและผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวและเปิดมุมมองใหม่ๆ ในการพัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ สอดคล้องกับแนวคิดการผลักดันการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ของ ททท.


ทั้งนี้  หลักสูตรการบริหารการท่องเที่ยวสำหรับผู้บริหารระดับสูง รุ่นที่ 4 มีการกำหนดสัดส่วนของผู้รับการอบรมจากธุรกิจโรงแรมและคมนาคม ธุรกิจการจัดการภาคบริการและสินค้าธุรกิจด้าน สารสนเทศ นวัตกรรมการศึกษา และกลุ่มสตาร์ทอัพ สมาคมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและสื่อมวลชน โดยมีระยะเวลาตลอดหลักสูตรจำนวน 56 ชั่วโมง ตั้งแต่เดือนมิถุนายน–กันยายน 2566 (สัปดาห์ละ 1 วัน) เดินทางศึกษาดูงานในประเทศ 2 ครั้ง และต่างประเทศ 1 ครั้ง