โดยความสำเร็จในการทดลองเทคโนโลยี mmWave SA (5G Standalone Architecture) ณ ศูนย์นวัตกรรม 5G A-Z Center กรุงเทพฯ AIS ร่วมมือกับ QualcommTechnologies และ ZTE ผลการทดสอบเทคโนโลยี mmWave SA พบผลลัพธ์ ความหน่วงต่ำกว่า 4 มิลลิวินาที อัปลิงก์ สปีดเร็ว 2.12Gbps และดาวน์ลิงก์ 7.04Gbps คือความเร็วสุดทึ่ง 

ZTE Corporation ผู้ให้บริการโซลูชั่นเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารชั้นนำระดับโลก จับมือ AIS ผู้ให้บริการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารชั้นนำของประเทศไทย และ Qualcomm Technologies ประสบความสำเร็จในการทดสอบการใช้งาน mmWave เทคโนโลยี SA (5G Standalone Architecture) ที่ศูนย์นวัตกรรม A-Z Center  กรุงเทพฯ โดยความสำเร็จไม่เพียงแต่ส่งผลให้ประเทศไทยกลายเป็นผู้นำด้านการสำรวจคลื่น mmWave ในภูมิภาคอาเซียน อีกทั้ง ยังนับเป็นก้าวสำคัญในการเปิดตัว mmWave สู่แวดวงธุรกิจ ซึ่งมีศักยภาพตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคและอุตสาหกรรมที่มีความหลากหลายในประเทศไทย

ในระหว่างการทดลองเทคโนโลยี mmWave SA ได้ผลเกินความคาดหมาย ด้วยการดาวน์ลิงก์ความเร็วเหนือระดับ 7.04Gbps และ การอัปลิงก์ความเร็ว 2.12Gbps โดยเป็นผลที่น่าประทับใจอย่างมาก และความหน่วงจากต้นทางถึงปลายทางน้อยกว่า 4 มิลลิวินาที นับเป็นผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยม ซึ่งได้จากการใช้ Qualcomm CPE ที่ขับเคลื่อนผ่าน Snapdragon® X65 5G Modem-RF System จากQualcomm Technologies ทำงานร่วมกับอุปกรณ์โครงสร้างพื้นฐานเครือข่าย mmWave AAU ชุดใหม่ล่าสุดของ ZTE ที่มีประสิทธิภาพความเร็วใช้เวลาในการรับส่งข้อมูลน้อยที่สุดผ่านเทคโนโลยี ยกระดับให้ผู้ใช้งานได้อย่างฉับพลัน สามารถใช้งานได้อย่างลื่นไหล อาทิ เกมออนไลน์ ที่ให้ความคมชัดความจริงเสมือน และการเชื่อมต่อใช้งานร่วมกันระหว่างอุปกรณ์อัจฉริยะได้อย่างราบรื่น ความสำเร็จจากการทดสอบนี้ เชื่อว่าจะเปิดกว้างให้กับวงการธุรกิจ และผู้บริโภค

หากเปรียบเทียบการทำงานระหว่าง mmWave EN-DC, mmWave NR-DC และ mmWave SA ที่ใช้ความกว้างความถี่ด้าน Download 4x200MHz และ ความกว้างความถี่ด้าน Upload 2x200MHz บนคลื่น 26GHz อย่างเดียวแล้ว พบว่า จะช่วยลดความซับซ้อนของระบบการทำงานของเครือข่าย อีกทั้ง ลดความหน่วงในการทำงานได้ดีกว่าการทำงานใน EN-DC หรือ NR-DC

การนำเสนอประสิทธิภาพการใช้งาน mmWave SA นับว่า มีส่วนช่วยขับเคลื่อนให้วงการธุรกิจ ให้เติบโตเชิงพาณิชย์ได้อย่างรวดเร็ว ผ่านเทคโนโลยี 5G mmWave ในประเทศไทย โดย AIS, Qualcomm และ ZTE มุ่งมั่นที่จะพัฒนาความเร็วและขยายขีดความสามารถของ 5G พร้อมทั้ง  ปรับปรุงประสิทธิภาพ ให้ใช้งานเชื่อมต่อและการทำงานในภาพรวมได้อย่างดีบนแอปพลิเคชัน เพื่อเปิดโอกาสใหม่ๆให้กับทั้ง การใช้งานส่วนบุคคล องค์กรธุรกิจ และภาคอุตสาหกรรมต่างๆ

วสิษฐ์ วัฒนศัพท์ หัวหน้าหน่วยธุรกิจปฏิบัติการและสนับสนุนด้านเทคนิคทั่วประเทศ AIS กล่าวว่า “ตามเป้าหมายและแผนงานเพื่อยกระดับคุณภาพการให้บริการสู่การเป็น Cognitive Tech-Co หรือ ผู้ให้บริการเทคโนโลยีโทรคมนาคมอัจฉริยะ ทำให้เรามุ่งทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์ระดับโลกอย่าง ZTE และ Qualcomm Technologies เพื่อร่วมกันยกระดับศักยภาพของ 5G ให้รองรับพฤติกรรมของลูกค้า และการเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัลที่ต้องอาศัยความแข็งแรงของโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลเทคโนโลยี และแน่นอนว่า ความสำเร็จจากผลการทดสอบเทคโนโลยี mmWave SA ที่ความหน่วงต่ำกว่า 4 มิลลิวินาที ความเร็วอัปลิงก์  2.12Gbps และความเร็วดาวน์ลิงก์ 7.04Gbps ในครั้งนี้ จะทำให้โครงข่าย 5G มีขีดความสามารถและความอัจฉริยะ ซึ่งจะนำมาสู่โซลูชันหลากหลายรูปแบบ อาทิ การควบคุมเครื่องจักรในโรงงานและการผลิต การควบคุมรถยนต์ไร้คนขับ การผ่าตัดทางไกล หรือแม้แต่ Mobile Cloud Gaming ที่ต้องการความเร็ว แรง เสถียร ความแม่นยำ ความหน่วงต่ำ รวมถึงการตอบสนองอย่างรวดเร็วและ Realtime เพื่อภาคธุรกิจ ภาคอุตสาหกรรม และคนไทยอย่างได้อย่างแน่นอน”

วสิษฐ์ ยังได้กล่าวให้รายละเอียดกับ Adslthailand เพิ่มเติมด้วยว่า "อินเทอร์เน็ต Broadband ในบางพื้นที่ มีการใช้ FWA ให้บริการอินเทอร์เน็ตผ่าน 5G mmWave ใช้แทนเน็ต Fiber ในพื้นที่ หมู่บ้าน ที่ลากสายไฟเบอร์เข้าไปไม่ได้ แต่การให้บริการดังกล่าว ไม่ได้หมายความว่า ต้นทุนในการขยายเครือข่ายจะถูกกว่า แต่ AIS มีคลื่นความถี่ 5G ทั้ง Low - Mid - High Band โดย Low Band มีคลื่น 700MHz มีการประมูลคลื่น 2600MHz มี 5G mmWave 26 GHz บนแบนด์วิธ 1.2Gbps จากเดิมมีการใช้งานกับโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่ง AIS มีการพัฒนา ทำมาเรื่อยๆ ทดสอบ ทดลอง เป็นค่ายเดียวที่มี SA ปริมาณความจุถึง 1200 MHz หากใช้ชิปเซ็ตนี้ ส่วนค่ายอื่นได้ความเร็วประมาณ 400MHz หรือ 800MHz แต่ AIS มี 1200MHz มีค่ายเดียวในโลก" 

จุดแข็งของ AIS คือ ความถี่ของคลื่นที่มีมาก อุปกรณ์ที่ใช้ และช่วยกันผลักดัน

"ซึ่งหากพูดถึง 5G ในโลก ประเทศไทยถือเป็นประเทศแรกๆ ของโลกที่ Roll Out 5G แล้วไม่เจออุปสรรค ไม่เจอ paint point มีความพร้อมในการทดสอบและทำงานร่วมกันกับพาร์ทเนอร์ ผู้ผลิตต่างๆ ที่จับตาว่าไทยพร้อมจะทดสอบ ดังนั้นผู้ประกอบการระดับโลกก็เลยสนใจ อยากจะทดสอบ ทำงานร่วมกัน ประเทศไทยก็อยากจะได้รับความไว้วางในอาเซียนเมื่อต้นปี ที่สยามเซ็นเตอร์ ได้มีการทดสอบ Speed Test จากมือถือที่ทดสอบ mmWave ทดสอบความเร็ว Speed Test จากมือถือรุ่นไหน ได้สปีดสูงสุดเท่าไหร ขึ้นอยู่กับมือถือแต่ละรุ่น โดยมือถือรุ่นที่ทดสอบนั้นจะเป็นชิป Qualcomm เช่นกัน มีการพูดในหลายบริบท หลักๆ มองเรื่อง ecosystem เพราะ AIS ไม่ได้ทำได้ด้วยตัวคนเดียว ต้องมีอุปกรณ์ มีสเปคที่รองรับ ในการประมูลคลื่นมีที่มา มีการลงทุน ไม่ได้มองที่แพงหรือถูก แต่มีเรื่องการใช้งาน คลื่น 700MHz แบนด์วิดท์ 10MHz, 15MHz คลื่น 2600MHz แบนด์วิดท์ 100MHz 26GHz 1200MHz ดังนั้น จึงมีที่มาที่ไปของการประมูลคลื่นความถี่ "

"ปัจจุบัน การพัฒนาสมาร์ทโฟนและเครือข่ายต้องไปด้วยกัน ไม่ต้องรอกัน ดังนั้น ชิปเซ็ต Snapdragon X65 5G จึงพร้อมให้ผู้ผลิตอุปกรณ์ใช้งาน ส่วนมือถือที่นำมาทดสอบ Speed Test mmWave เมื่อต้นปี 66 ที่สยามเซ็นเตอร์ ตอนนี้ในทางเทคนิคยังไม่มีรุ่นใดวางจำหน่าย แต่อาจจะมีการดีลไว้ ในส่วนของ Commercial จะต้องมีการทดสอบ ในต่างประเทศรองรับ แต่ Firmware ในไทยก็ยังไม่รองรับ อาจจะต้องมีการคุยกันอีกที" 

เอสที ลิว (Mr. ST Liew) รองประธาน QUALCOMM CDMA Technologies Asia-Pacific Pte. Ltd. และประธานบริษัท Qualcomm ไต้หวัน เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ กล่าวว่า "นับเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ Qualcomm ได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับ AIS และ ZTE ทดสอบการใช้งาน 5G mmWave ในขั้นตอนสำคัญอย่างเต็มรูปแบบจนกระทั่งบรรลุสู่ความสำเร็จ และนำไปสู่การใช้งาน 5G mmWave ในประเทศไทย ทั้งนี้ Qualcomm ยังคงมุ่งมั่นที่จะพัฒนา 5G mmWave ให้ก้าวหน้าต่อไปอย่างต่อเนื่องเพื่อช่วยให้ทุกคนบนโลก สามารถเชื่อมต่อกันกับทุกสิ่งได้อย่างชาญฉลาด ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นประโยชน์สู่องค์กรเท่านั้น แต่ยังพร้อมที่จะส่งมอบประสบการณ์ที่ดีสู่ชีวิตประจำวันของผู้ใช้งานปลายทางอีกด้วย”

เหม่ย จงหัว (Mr.Mei Zhonghua) รองประธานอาวุโส ZTE Corporation กล่าวว่า "เรายินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้ร่วมงานร่วมกับ AIS และ Qualcomm Technologies โดยบรรลุสู่ความสำเร็จตามเป้าหมาย ในการตรวจสอบและวางรากฐานเทคโนโลยี 5G mmWave ในเชิงพาณิชย์ สำหรับโอกาสที่เปิดกว้างขึ้นบนเครือข่าย 5G ที่เปิดใช้งานร่วมกับ mmWave จากความร่วมมือของเหล่าพันธมิตรธุรกิจ มั่นใจว่า จะขับเคลื่อนการพัฒนา mmWave ให้รุดหน้าได้อย่างต่อเนื่อง และนำมาซึ่งประสบการณ์การใช้งานยอดเยี่ยมในยุคของเทคโนโลยี 5G”