บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทโทรคมนาคม-เทคโนโลยีชั้นนำอันดับ 1 ของไทย ที่ได้รับการจัดอันดับเครดิตองค์กรระดับ A+ แนวโน้ม “คงที่” (Stable) จากทริสเรทติ้ง ซึ่งเป็นสถานะบริษัทใหม่ที่เกิดจากการควบรวมระหว่างทรูและดีแทค มุ่งหน้าสร้างสรรค์นวัตกรรมดิจิทัลนำเทคโนโลยีเข้าถึงผู้บริโภคเพื่อชีวิตที่ดีขึ้นและมุ่งเน้นสร้างมูลค่าเพิ่มให้ภาคธุรกิจเติบโตอย่างก้าวกระโดด พร้อมร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมไทย เตรียมเสนอขายหุ้นกู้เป็นครั้งแรกหลังควบรวมให้แก่นักลงทุนจำนวน 4 ชุด อายุหุ้นกู้ตั้งแต่ 2 ปี ถึง10 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ระหว่าง 3.35-4.50% ต่อปี คาดเปิดให้จองซื้อระหว่างวันที่ 20 – 21 และวันที่ 24 กรกฎาคม 2566 โดยมีธนาคารกรุงเทพ กสิกรไทย ไทยพาณิชย์ ซีไอเอ็มบี ไทย และทหารไทยธนชาต เป็นผู้จัดจำหน่าย และมีธนาคารกรุงศรีอยุธยา เป็นผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้
ยุภา
ลีวงศ์เจริญ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการเงิน (ร่วม) บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด
(มหาชน)กล่าวว่า “การออกหุ้นกู้นี้เป็นการออกหุ้นกู้ครั้งแรกภายใต้บริษัทใหม่ที่เกิดจากการควบรวมระหว่างทรูและดีแทค
ซึ่งยังคงใช้ชื่อทรูเหมือนเดิม แต่ด้วยรากฐานที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นจากการผสานศักยภาพและจุดแข็งของทั้งทรูและดีแทคหลังการควบรวม ทำให้ทรูก้าวขึ้นเป็นบริษัทโทรคมนาคม-เทคโนโลยีชั้นนำอันดับ
1 ของไทย ที่เปี่ยมด้วยศักยภาพการลงทุนเพื่ออนาคตยิ่งขึ้น เราให้ความสำคัญกับการยกระดับการดำเนินงาน
การให้บริการ การนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพทุกส่วนงาน การสร้างประสบการณ์ที่เหนือกว่าและส่งมอบคุณค่าที่ดียิ่งกว่าสู่ผู้บริโภคและภาคธุรกิจ
การสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมไทย
พร้อมเปิดโอกาสให้นักลงทุนร่วมเติบโตไปด้วยกันกับบริษัทใหม่ที่พร้อมเติบโตอย่างต่อเนื่อง
โดยเฉพาะธุรกิจดิจิทัลที่มีแนวโน้มการขยายตัวดีขึ้นและมีศักยภาพการเติบโตสูงมาก”
ภายหลังการควบรวมระหว่างทรูและดีแทคบริษัทและหุ้นกู้
ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ระดับ A+ แนวโน้ม “คงที่” (Stable) จาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2566 ซึ่งสะท้อนถึงสถานะความเสี่ยงด้านการเงินและด้านธุรกิจที่ดียิ่งขึ้น
ทั้งตำแหน่งทางการตลาด (market position)
ที่แข็งแกร่งในตลาดโทรศัพท์เคลื่อนที่และอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์
เสริมทัพด้วยโครงข่ายทั่วประเทศ ชุดคลื่นความถี่ที่ครอบคลุม
และชื่อแบรนด์ที่ผู้บริโภคคุ้นเคย อีกทั้งปัจจัยด้านเศรษฐกิจระดับมหภาค อาทิ
ตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของ GDP ประเทศไทย
อันเนื่องมาจากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวหลังสถานการณ์โควิด-19
เริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ
หุ้นกู้ครั้งนี้จะเสนอขายแก่ผู้ลงทุนเป็นการทั่วไป
(Public Offering)
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ไปใช้ในการชำระคืนหนี้หุ้นกู้และ/หรือเงินกู้ยืมที่จะครบกำหนด
ตลอดจนใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนรองรับการเติบโตของบริษัท
โดยเป็นหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน
และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ จ่ายดอกเบี้ยทุก 3
เดือนตลอดอายุหุ้นกู้ คาดว่าจะเปิดให้จองซื้อระหว่างวันที่
20 – 21 และวันที่ 24 กรกฎาคม 2566 มูลค่าจองซื้อขั้นต่ำ 100,000 บาท และทวีคูณครั้งละ 100,000 บาท เสนอขายจำนวน 4 ชุด ดังนี้
1. หุ้นกู้ชุดที่ 1 อายุ 2 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่
3.35% ต่อปี
2. หุ้นกู้ชุดที่ 2 อายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่
3.60% ต่อปี
3. หุ้นกู้ชุดที่ 3 อายุ 5 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่
4.10% ต่อปี
4. หุ้นกู้ชุดที่ 4
อายุ 10 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 4.50% ต่อปี
ซึ่งผู้ออกหุ้นกู้มีสิทธิไถ่ถอนหุ้นกู้ได้เมื่อหุ้นกู้ครบปีที่ 5
บริษัทอยู่ระหว่างการยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล
และร่างหนังสือชี้ชวนยังไม่มีผลบังคับใช้
เนื่องจากอยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงาน ก.ล.ต.
ผู้ลงทุนสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้จากแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายตราสารหนี้
และร่างหนังสือชี้ชวนที่ www.sec.or.th
หรือ สอบถามรายละเอียดที่ผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้
5 แห่ง ได้แก่
• ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ทุกสาขา (ยกเว้นสาขาไมโคร) หรือ โทร. 1333 หรือจองซื้อทางออนไลน์ผ่าน Bualuang mBanking
• ธนาคารกสิกรไทย จำกัด
(มหาชน) ทุกสาขา โทร. 02 888 8888 กด 819 หรือจองซื้อทางออนไลน์ผ่าน https://www.kasikornbank.com/kmyinvest
(ยกเว้นบุคคลสัญชาติต่างด้าว และนิติบุคคล
สามารถจองซื้อผ่านสำนักงานใหญ่และสาขา)
• ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ทุกสาขา หรือ โทร. 02 777 6784 หรือจองซื้อทางออนไลน์ผ่านแอป SCB EASY
• ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) ทุกสาขา หรือ โทร. 02 626 7777 หรือจองซื้อทางออนไลน์ผ่าน แอป CIMB
Thai Digital Banking
• ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) ทุกสาขา หรือ โทร. 1428 กด#4 (เปิดจองซื้อเฉพาะผู้ลงทุนรายใหญ่เท่านั้น)