บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด จับมือ กรมประมง เพิ่มช่องทางและสร้างโอกาสการจำหน่ายสินค้าประมงให้เกษตรกร พร้อมยกระดับการขนส่งสินค้าภาคการประมงให้มีมาตรฐานยิ่งขึ้น โดยมีโซลูชันต่าง ๆ อาทิ การรับฝาก-ส่งต่อ-นำจ่ายด้วยมาตรฐานแบบ EMS ที่มีความรวดเร็ว แม่นยำ เข้าถึงทุกพื้นที่ บริการ Fuze Post ซึ่งเป็นโซลูชันควบคุมสินค้าให้สดใหม่ตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง และคาดว่าจะขยายการให้บริการจุดรับฝากอีกกว่า 120 แห่ง นอกจากนี้ ยังจะมีการจำหน่ายสินค้าประมงผ่านช่องทางของไปรษณีย์ไทยทั้ง ที่ทำการไปรษณีย์และเว็บไซต์ ThailandPostMart ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มรวบรวมสินค้าท้องถิ่นที่มีคุณภาพที่สุดในประเทศ รวมถึงยังได้ขยายบริการการส่งสัตว์น้ำสวยงามเพิ่มเติม ได้แก่ ปลาสอด และปลาหางนกยูง รวมทั้งมีการขยายจุดรับฝากเป็น 314 แห่งทั่วประเทศ
เฉลิมชัย สุวรรณรักษ์ อธิบดีกรมประมง เผยถึงความร่วมมือในพิธีลงนามว่า การบริหารจัดการด้านการขนส่ง การจำหน่ายและกระจายสินค้าภาคประมงว่า การที่จะเพิ่มมูลค่าให้สินค้าภาคการประมงไทย แน่นอนว่านอกจากต้องพัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์ให้เป็นตามกระแสความต้องการของผู้บริโภคแล้ว การพัฒนาระบบโลจิสติกส์ จากต้นทางไปจนถึงปลายทางจะต้องมีกระบวนการที่เกี่ยวข้องหลายอย่าง อาทิ การขนส่ง การจัดการสินค้าคงคลัง การจัดการเกี่ยวกับหีบห่อ รวมถึงการจัดการเรื่องวัตถุดิบ ต่างเข้ามามีบทบาทมากยิ่งขึ้นในการช่วยลดต้นทุนเรื่องเวลาและค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการขนส่ง ตลอดจนเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าภาคการเกษตรและประมงไทย โดยกรมประมงให้ความสำคัญกับปัญหาดังกล่าว จึงได้กำหนดแผนดำเนินการสนับสนุนและพัฒนาอาชีพที่เกี่ยวกับการประมงของประเทศให้เจริญก้าวหน้า โดยมุ่งพัฒนาประสิทธิภาพการผลิตและกำกับดูแลตรวจสอบสินค้าประมงให้ได้มาตรฐานเพื่อเป็นการเพิ่มมูลค่าของสัตว์น้ำและพัฒนาผลิตภัณฑ์ รวมถึงเพิ่มขีดความสามารถในการประกอบอาชีพเกษตรกร สร้างช่องทางการตลาดใหม่ๆ ทั้งออนไลน์และออฟไลน์
ดังนั้น เพื่อเป็นการเสริมสร้างความร่วมมือในการพัฒนาศักยภาพการบริหารจัดการด้านการขนส่งการจำหน่ายและกระจายสินค้าภาคประมงให้มีประสิทธิภาพเข้าสู่มาตรฐานในระดับสากลมากมากยิ่งขึ้น กรมประมงจึงลงนาม MOU ร่วมกับ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เพื่อร่วมกันเสริมสร้างความเข้มแข็งและเพิ่มขีดความสามารถให้แก่เกษตรกรและผู้ประกอบการด้านการประมง
“กรมประมงหวังเป็นอย่างยิ่งว่า การลงนามในครั้งนี้จะเป็นก้าวสำคัญในการบูรณาการงานร่วมกันของบุคลากรทั้งสองหน่วยงานเพื่อพัฒนาระบบการขนส่งสินค้าด้านการประมงทั้งแบบแปรรูปและมีชีวิต ให้ผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำของไทยมีมูลค่าเพิ่มส่งผลให้เกษตรกรมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น มีความมั่นคงในอาชีพ ตลอดจนเป็นการกระตุ้นภาคการประมงไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน”
เกษตรกรฯ ที่เป็นสมาชิกและลงทะเบียนกับกรมประมงเรียบร้อยแล้ว สามารถฝากส่งสัตว์น้ำสวยงาม เช่น ปลากัด ปลาสอด ปลาหางนกยูง ได้แล้ว ณ ที่ทำการไปรษณีย์ที่เปิดเป็นจุดรับฝากสัตว์น้ำสวยงามจำนวน 314 แห่งทั่วประเทศ รวมทั้งฝากส่งสินค้าเกษตรได้ทั้งแบบอุณหภูมิปกติผ่านบริการ EMS และแบบควบคุมอุณหภูมิผ่านบริการ Fuze Post ซึ่งเป็นบริการขนส่งสินค้าควบคุมอุณหภูมิแบบด่วน ใช้ในการส่งสินค้าประเภท อาหารทะเลแช่แข็ง อาหารทะเลสด นอกจากนี้ยังสามารถนำสินค้าที่ได้รับมาตรฐานจากกรมประมงมาวางจำหน่ายผ่านช่องทางของไปรษณีย์ไทย ทั้งออฟไลน์ ณ ที่ทำการไปรษณีย์และออนไลน์ผ่านทางเว็บไซต์ Thailandpostmart สำหรับผู้ที่สนใจสามารถสอบถามข้อมูลบริการเพิ่มเติมได้ที่ 0 2831 3890 หรือ THP Contact Center โทร. 1545 เฉลิมชัย กล่าวเพิ่มเติม
ด้าน ดร. ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) กล่าวว่า ไปรษณีย์ไทย ยังคงเดินหน้าเป็นอีกหนึ่งพลังสนับสนุนในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ด้วยการผลักดันสินค้าเกษตรภาคประมงให้ส่งตรงถึงมือผู้บริโภค ช่วยส่งเสริมการสร้างรายได้ให้กับเกษตรกร จากการเพิ่มช่องทางการกระจายสินค้าและหาช่องทางการตลาดใหม่ ๆ โดยไปรษณีย์ไทยเริ่มให้บริการขนส่งปลากัด ซึ่งเป็นสัตว์น้ำสวยงามชนิดแรก ตั้งแต่ปี 2561 การันตีเรื่องความปลอดภัยในการขนส่ง มีมาตรฐานการดูแลเหล่าสัตว์น้ำสวยงามในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การรับฝาก-ส่งต่อ-นำจ่ายด้วยมาตรฐานแบบ EMS ส่งด่วน แม่นยำเข้าถึงทุกพื้นที่ทั่วไทยจึงได้รับการตอบรับจากเกษตรกรเป็นอย่างดี ทำให้ปัจจุบันได้มีการพิจารณาเปิดให้บริการเพิ่มเติม ได้แก่ ปลาสอด และปลาหางนกยูง รวมทั้งมีการขยายจุดรับฝากเป็น 314 แห่งทั่วประเทศเพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้แก่เกษตรกรมากยิ่งขึ้น
“นอกจากนี้ไปรษณีย์ไทยยังมีบริการขนส่งที่สามารถรองรับสินค้าเกษตรภาคประมง ทั้งสินค้าทั่วไปแบบอุณหภูมิปกติ ผ่านบริการส่งด่วน EMS และสินค้าแบบควบคุมอุณหภูมิผ่านบริการ Fuze Post ซึ่งมีจุดบริการรับฝากส่งในพื้นที่กรุงเทพฯ 10 แห่ง และต่างจังหวัดในพื้นที่เขตภาคตะวันออกและภาคใต้ และภายในปี 2566 นี้ คาดว่าจะขยายการให้บริการจุดรับฝากอีกกว่า 120 แห่ง เพื่อกระจายสินค้าส่งตรงถึงผู้บริโภคได้อย่างสดใหม่และมีคุณภาพ อีกทั้งในอนาคตจะเปิดช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าของเกษตรกรฯ ผ่านช่องทางของไปรษณีย์ไทยทั้งออฟไลน์ ณ ที่ทำการไปรษณีย์ และออนไลน์ผ่านทางเว็บไซต์ ThailandPostMart ซึ่งเป็นแพลตฟอร์ม e-Marketplace รวบรวมสินค้าตัวท็อปใกล้ไกล ที่มีคุณภาพที่สุดในประเทศ”