Dyson เปิดตัวเครื่องฟอกอากาศรุ่นใหม่ Dyson Purifier Big+Quiet Formaldehyde ที่ทรงพลังแต่เงียบสงัด ช่วยกระจายอากาศบริสุทธิ์ที่ผ่านการกรอง HEPA ครอบคลุมพื้นที่ได้ถึง 100 ตารางเมตร[1]
เครื่องฟอกอากาศรุ่นล่าสุดจาก Dyson มาพร้อมกับตัวกรองที่ประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น กระจายอากาศได้มากกว่ารุ่นก่อนหน้าถึง 2 เท่า และยังสร้างมาตรฐานใหม่ในเรื่องความเงียบขณะทำงาน นำเสนอมิติใหม่ของเครื่องฟอกอากาศภายในบ้าน
เครื่องฟอกอากาศที่เงียบและทรงพลังที่สุดของ Dyson: Dyson Purifier Big+Quiet Formaldehyde เกิดจากความเชี่ยวชาญและประสบการณ์อันยาวนานของ Dyson ในด้านกระแสลม เสียง ตัวกรอง และเครื่องคอมเพรสเซอร์
Dyson เปิดตัวเครื่องฟอกอากาศรุ่นล่าสุด Dyson Purifier Big+Quiet Formaldehyde ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ โดยเครื่องรุ่นล่าสุดนี้ถูกออกแบบมาสำหรับพื้นที่ขนาดใหญ่ โดยใช้นวัตกรรมที่ Dyson คิดค้นขึ้นมาใหม่ทำให้สามารถกระจายลมบริสุทธิ์ได้ไกลถึง 10 เมตร ซึ่งนำมาใช้งานร่วมกับตัวกรองรุ่นใหม่ที่ดักจับไนโตรเจนไดออกไซด์ (NO2) ได้ดีขึ้น 3 เท่า และเซ็นเซอร์คาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) นอกจากการกระจายลมที่ทรงพลังแล้ว Dyson Purifier Big+Quiet Formaldehyde ยังได้รับการออกแบบมาให้ทำงานโดยสร้างเสียงรบกวนน้อยที่สุดเพียง 56 เดซิเบล ทำให้ Dyson Purifier Big+Quiet Formaldehyde เป็นเครื่องฟอกอากาศที่เงียบที่สุด
แต่ทรงพลังที่สุดของ Dyson
“Dyson Purifier Big+Quiet Formaldehyde เป็นผู้นำ Dyson เข้าสู่เครื่องฟอกอากาศสำหรับพื้นที่ขนาดใหญ่ โดยได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อฟอกอากาศอย่างมีประสิทธิภาพโดยสร้างเสียงรบกวนน้อยที่สุด และที่สำคัญสามารถฟอกอากาศในห้องขนาดใหญ่ได้อย่างทั่วถึง1 ด้วยการกระจายอากาศอันทรงพลังที่ไปไกลถึง 10 เมตร ทำให้มั่นใจได้ว่าอากาศสะอาดจะกระจายไปยังทุกซอกทุกมุม อีกทั้งยังทำงานอย่างเงียบสนิทแม้ตั้งค่าระดับสูงสุด ดังนั้นคุณจึงสามารถบอกลาเครื่องฟอกอากาศที่มีทั้งเสียงดังรบกวนและการกระจายอากาศที่ไร้ประสิทธิภาพไปได้เลย” แมท เจนนิงส์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิศวกรรม ผลิตภัณฑ์เครื่องฟอกอากาศ ของ Dyson กล่าว
Cone Aerodynamics คิดค้นขึ้นใหม่โดย Dyson สามารถกระจายอากาศในพื้นที่กว้างถึง 100 ตารางเมตร: Dyson Purifier Big+Quiet Formaldehyde นับเป็นก้าวใหม่ที่สำคัญของเทคโนโลยีการฟอกอากาศ โดยวิศวกรของ Dyson ได้เล็งเห็นถึงปัญหาเกี่ยวกับการกระจายอากาศในห้องขนาดใหญ่ ซึ่งโดยทั่วไปแล้วเครื่องฟอกอากาศขนาดใหญ่จะกระจายอากาศขึ้นด้านบน แต่เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า Dyson ได้พัฒนาระบบกระจายอากาศแรงดันต่ำแบบใหม่ที่ประหยัดพลังงาน ซึ่งก็คือการกระจายลมออกไปด้วยนวัตกรรม Cone Aerodynamics
นวัตกรรมการกระจายอากาศ Cone Aerodynamics ของ Dyson ใช้ปรากฏการณ์ Coanda effect เพื่อผสานกระแสลม 2 กระแสบนพื้นผิวเรียบ ทำให้เกิดการควบแน่นเป็นไอพ่นที่ทรงพลังกระจายไปได้ไกลถึง 10 เมตร และเกิดเสียงรบกวนน้อยที่สุด ซึ่งสามารถกระจายกระแสลมได้มากกว่าเครื่องฟอกอากาศ Dyson รุ่นก่อนหน้าถึง 2 เท่า การกระจายลมที่ทรงพลังนั้นเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้อากาศสะอาดกระจายไปยัง
ทุกซอกทุกมุมและไล่อากาศสกปรกกลับไปที่ตัวกรองอย่างมีประสิทธิภาพ Dyson Purifier Big+Quiet Formaldehyde สามารถกระจายอากาศบริสุทธิ์ได้ที่มุม 0 องศา, 25 องศา และ 50 องศา ตามความต้องการของผู้ใช้งาน
ระบบการกรอง 3 ชั้นที่มีการปิดผนึกอย่างแน่นหนา
เช่นเดียวกับเครื่องฟอกอากาศทั้งหมดของ Dyson เครื่องฟอกอากาศ Dyson Purifier Big+Quiet Formaldehyde มีระบบกรองที่ปิดผนึกแน่นหนาด้วยมาตรฐาน HEPA เกรด H13[7] ทำให้มั่นใจได้ว่าอากาศบริสุทธิ์เท่านั้นที่จะกระจายกลับเข้ามาในห้อง นอกจากนี้วิศวกรของ Dyson ได้ยกระดับประสิทธิภาพการกรองไปอีกขั้น ด้วยการปรับขนาดตัวกรองทั้ง 3 ชั้น และพัฒนาอายุการใช้งานของตัวกรอง
1. ตัวกรองมาตรฐาน HEPA เกรด H13 ทำจากไมโครไฟเบอร์บอโรซิลิเกตยาว 21 เมตร พับซ้อนกันได้ 459 ทบ (ทำให้ใหญ่กว่ารุ่นก่อนหน้า 3.8 เท่า และมีพื้นที่เทียบเท่าเตียงคิงไซส์ 2 เตียง หรือกระดาษ A4 127 แผ่น) สามารถดักจับมลพิษได้ถึง 99.95% รวมถึงฝุ่นและสารก่อภูมิแพ้ที่มีขนาดเล็กถึง 0.1 ไมครอน[8] โดยตัวกรองขนาดใหญ่มีอายุการใช้งานได้นานถึง 5 ปี และสามารถเปลี่ยนแยกกับตัวกรองคาร์บอนได้ ซึ่งเป็นการช่วยลดขยะที่ไม่จำเป็น
2. ตัวกรอง K-Carbon ตัวใหม่ดักจับก๊าซต่าง ๆ โดยเฉพาะไนโตรเจนไดออกไซด์ (NO2) [9] ซึ่งถูกปล่อยออกมาจากกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การทำอาหารหรือได้รับมาจากสภาพแวดล้อมภายนอก เช่น การจราจรบนท้องถนนในบริเวณใกล้เคียง โดยตัวกรอง K-Carbon สามารถดักจับไนโตรเจนไดออกไซด์ (NO2) ได้มากกว่าตัวกรองรุ่นก่อนหน้าถึงสามเท่า เนื่องจากโพแทสเซียมคาร์บอเนตจับตัวกับอนุภาคไนโตรเจนไดออกไซด์ (NO2) ก่อตัวเป็นพันธะเคมีที่แข็งแรง ทำให้สามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการดักจับได้
3. ตัวกรองเร่งปฏิกิริยาออกซิเดชั่นแบบคัดเลือกของ Dyson (SCO) มีการเคลือบผิวที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะที่มีโครงสร้างเดียวกับแร่ Cryptomelane โดยช่องขนาดเท่าอะตอมหลายพันล้านท่อจะสลายโมเลกุลฟอร์มาลดีไฮด์[10]ให้กลายเป็นน้ำและก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ในจำนวนเพียงเล็กน้อย จากนั้นนำออกซิเจนจากอากาศข้างนอกเข้ามาหมุนเวียนเพื่อทำลายฟอร์มาลดีไฮด์อย่างต่อเนื่องโดยไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนตัวกรอง
การทำงานที่เงียบสนิทแม้ตั้งค่าระดับสูงสุด
ในทีมวิศวกรด้านเสียงและการสั่นของ Dyson ได้ออกแบบทางวิศวกรรมของฝาครอบมอเตอร์ขึ้นมาใหม่เพื่อให้เกิดกระแสลมแรงดันต่ำความเร็วสูงที่สามารถกระจายอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยเสียงที่เงียบที่สุด
การตรวจจับและการตรวจสอบ
เครื่องฟอกอากาศ Dyson Purifier Big+Quiet Formaldehyde มาพร้อมกับชุดเซ็นเซอร์ในตัว อัลกอริทึมเฉพาะของ Dyson จะคอยตรวจสอบข้อมูลทุกวินาที โดยจะวิเคราะห์อากาศและตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมโดยอัตโนมัติเพื่อฟอกอากาศและแสดงผลแบบเรียลไทม์บนจอ LCD และในแอปพลิเคชัน MyDyson[11] ซึ่งแอปพลิเคชัน MyDyson ยังทำหน้าที่เป็นรีโมทคอนโทรล และสามารถใช้เพื่อตั้งเวลาใช้งานและตรวจสอบการฟอกอากาศได้
เครื่องฟอกอากาศ Dyson Purifier Big+Quiet Formaldehyde ติดตั้งเซ็นเซอร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ตัวใหม่[12] เพิ่มเติมจากเซ็นเซอร์ที่มีอยู่เดิมเพื่อตรวจจับมลพิษ PM2.5, PM10, ไนโตเจนไดออกไซด์ (NO2), สารอินทรีย์ระเหยง่าย (VOCs), อุณหภูมิและความชื้น เมื่อระดับ CO2 ในอาคารสูงขึ้นจนอาจส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ที่ดีของเรา และส่งผลต่อความสามารถในการรับรู้ของเครื่องฟอกอากาศ[13] หากพบว่าคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) สูงเกินระดับที่แนะนำ เซ็นเซอร์จะรายงานอย่างแม่นยำ ซึ่งนั่นจะช่วยป้องกันคุณจากการหายใจเอาอากาศไม่ดีเข้าไป
การทดสอบเครื่องฟอกอากาศในการใช้งานจริง
การทดสอบโดยการอัตราการสร้างอากาศบริสุทธ์ (CADR) เป็นการทดสอบมาตรฐานอุตสาหกรรมสำหรับเครื่องฟอกอากาศ ซึ่งถูกนำมาใช้ตั้งแต่ช่วงปี ค.ศ. 1980 เทคโนโลยีการฟอกอากาศได้เปลี่ยนไปอย่างมากตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา แม้ว่ามันจะเป็นการทดสอบในห้องขนาดเล็ก 12 ตารางเมตร ด้วยเซ็นเซอร์เพียงตัวเดียวและการผสมอากาศเทียม แต่ก็ยังถูกนำมาใช้ทำนายประสิทธิภาพของเครื่องฟอกอากาศเมื่อใช้งานในบ้านจริงกันอย่างแพร่หลาย อย่างไรก็ตามเพื่อพัฒนาเครื่องฟอกอากาศที่ใหญ่ที่สุด เงียบที่สุด และมีประสิทธิภาพมากที่สุดในปัจจุบัน วิศวกรของ Dyson ปฏิเสธที่จะพึ่งพาซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์ การทดสอบ CADR หรือแม้แต่ห้อง Point Loading Auto Response (POLAR) ที่มีอยู่ของ Dyson วิศวกรของ Dyson ได้สร้างห้องทำการทดสอบขนาดใหญ่ที่มีขนาด 100 ตารางเมตร ในศูนย์วิจัย Hullavington โดยภายในห้องจะติดตั้งเซ็นเซอร์จำนวน 36 ตัว เพื่อให้สามารถอ่านค่าความสามารถในการฟอกอากาศของเครื่องฟอกอากาศได้อย่างแม่นยำ เทียบเท่าพื้นที่ใช้สอยขนาดใหญ่ที่เปิดโล่ง[14]
ข้อมูลผลิตภัณฑ์เพิ่มเติม
การจัดการกับตัวกรอง
เซ็นเซอร์
เกี่ยวกับฟอร์มาลดีไฮด์: ฟอร์มาลดีไฮด์คือก๊าซที่เป็นอันตราย ซึ่งพบในผลิตภัณฑ์สำหรับใช้ภายในบ้านหลายชนิด มีขนาดเล็กกว่าอนุภาค 0.1 ไมครอนถึง 500 เท่า ทำให้ยากต่อการดักจับในตัวกรอง หากปล่อยทิ้งไว้อาจทำให้เกิดการปล่อยก๊าซออกมาอย่างต่อเนื่อง (off-gassing) และได้รับการสัมผัสเป็นระยะเวลนาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอาคารสมัยใหม่และปิดสนิท
การทำงานและโหมดต่างๆ
การศึกษาวิทยาศาสตร์ทางอากาศของ Dyson
จากการเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Breathe London ในปี 2019 ซึ่งนำโดยเทศบาลกรุงลอนดอน (Greater London Authority) และ มหาวิทยาลัยคิงส์คอลเลจ (King’s College London) วิศวกรของ Dyson ได้พัฒนาชุดเซ็นเซอร์อากาศแบบพกพาโดยอิงจากเซ็นเซอร์ในเครื่องฟอกอากาศ Dyson ชุดเซ็นเซอร์พกพานี้ถูกติดตั้งในกระเป๋าสะพายหลังและถูกใช้งานโดยเด็ก 250 คนทั่วลอนดอนเพื่อตรวจวัดคุณภาพอากาศระหว่างเดินทางไปกลับจากโรงเรียน Dyson Air Quality Backpack นั้นใช้อัลกอริธึมที่มีลักษณะเฉพาะในการจัดการข้อมูลจากเซ็นเซอร์ 3 ตัว ที่ใช้วัดอุณหภูมิ ความชื้น ก๊าซ รวมถึงไนโตรเจนไดออกไซด์ (NO2) คาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) สารอินทรีย์ระเหยง่าย (VOCs) และอนุภาคขนาดเล็ก เช่น PM2.5 PM20
โครงการ Breathe London Wearables แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกที่เกิดจากการศึกษาด้านคุณภาพอากาศ หลังจากโครงการเด็กและผู้ปกครอง 31% ปรับเปลี่ยนการเดินทางไปกลับจากโรงเรียน ไม่ว่าจะเป็นการเลี่ยงถนนสายหลักหรือเปลี่ยนวิธีการเดินทาง แสดงให้เห็นว่าข้อมูลยังคงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการวิจัยคุณภาพอากาศ ตั้งแต่นั้นมา Dyson จึงได้สนับสนุนโครงการวิจัยเชิงวิชาการหลายโครงการทั่วโลกทั้งเทคโนโลยีการตรวจจับแบบพกพา รวมถึงโครงการ CAPPA แอฟริกาใต้สะฮารา ซึ่งนำโดย มหาวิทยาลัยควีนแมรี (Queen Mary University London) และ มหาวิทยาลัยอิมพิเรียล (Imperial College London) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่ออธิบายถึงส่วนสำคัญเกี่ยวกับการสัมผัสมลพิษทางอากาศของเด็กในเมืองที่มีอาการหอบหืด
Dyson มีเครื่องฟอกอากาศที่ใช้งานอยู่ 4 ล้านเครื่องทั่วโลก ข้อมูลนี้แสดงลให้เห็นถึงปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อทุกคนบนโลก ซึ่งก็คือคุณภาพอากาศภายในอาคาร Dyson ใช้ข้อมูลนี้ควบคู่ไปกับข้อมูลจาก Dyson Air Quality Backpack ทำให้สามารถสำรวจผลกระทบของคุณภาพอากาศทั้งภายในและภายนอกบ้านช่วงล็อกดาวน์ ใน 14 เมืองใหญ่ทั่วโลก รวมถึงลอนดอน ปารีส โซล นิวยอร์ก มะนิลา และกรุงเทพฯ จากการศึกษาพบว่าในขณะที่ไนโตรเจนไดออกไซด์ (NO2) นอกบ้านลดลง PM2.5 ภายในบ้านกลับสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทั้งหมด 10 เมืองจาก 14เมือง
[1] ความสามารถในการฟอกอากาศในห้องขนาดใหญ่สูงสุด 100 ตร.ม. (10 ม. x 10 ม.) พิสูจน์โดยการสร้างโมเดล Computational Fluid Dynamics (CFD) โดยวางเครื่องฟอกอากาศไว้ที่มุมห้องพร้อมทำงานในระดับกำลังลมสูงสุดและการกระจายลมในแนวนอนไปไกลถึง 10 เมตร เพื่อหมุนเวียนอากาศทั่วทั้งห้อง ระยะทางในการกระจายลมวัดจากการทดสอบระยะไหลเวียนเป็นการภายในบริษัทด้วยกระแสลมที่บังคับทิศทางที่มีความแรงในระดับสูงสุด ประสิทธิภาพในสภาพแวดล้อมในชีวิตจริงอาจแตกต่างออกไป
[2] เซ็นเซอร์ CO2 มีอยู่ในรุ่น BP04 เท่านั้น
[3] ผ่านการทดสอบประสิทธิภาพการกรองที่ 0.1 ไมครอน (EN1822, ISO29364)
[4] ทดสอบเครื่องฟอกอากาศ Dyson กับเชื้อ Influenza A (ไวรัส H1N1) และแบคเทอริโอเฟจ MS2 ที่ลอยอยู่ในอากาศที่ห้องปฏิบัติการอิสระ Airmid Healthgroup Ltd (รายงาน: 2 กุมภาพันธ์ 2023) โดยใช้ห้องขนาด 30 ลบ.ม. เป็นเวลา 60 นาที ด้วยความแรงของพัดลมในระดับสูงสุดและโหมดด้านหน้า ประสิทธิภาพการใช้งานจริงอาจแตกต่างกันออกไป
[5] ผ่านการทดสอบตามมาตรฐาน JEM 1467 (กรดอะซิติก อะซิตาลดีไฮด์ แอมโมเนีย) GB/T18801 (ฟอร์มาลดีไฮด์ เบนซิน) และ DTM-003282 (ไนโตรเจนไดออกไซด์) อัตราการดักจับก๊าซอาจแตกต่างกันออกไป ตัวกรอง K-Carbon มีให้ในรุ่น BP04 เท่านั้น
[6] การทดสอบแบบทั้งเครื่องโดยบุคคลภายนอกซึ่งอ้างอิงตามมาตรฐาน GB/T 18801-2022 การทดสอบทำความสะอาดปริมาณสารฟอร์มาลดีไฮด์สะสม พร้อมฉีดสารเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งอัตราการส่งผ่านอากาศบริสุทธิ์ (CADR) ที่ปราศจากฟอร์มาลดีไฮด์นั้นอยู่ในระดับคงที่สม่ำเสมอ ผลลัพธ์อาจแตกต่างกันในการใช้งาน ตัวกรอง SCO จะมีอยู่ในรุ่น BP03 และ BP04 เท่านั้น
[7] การทดสอบการรับมือกับอนุภาคโดยใช้น้ำมัน DEHS ที่ระบุใน EN1822 ภายในห้องตามที่กำหนดไว้ใน ASTM F3150 ผ่านการทดสอบในโหมด Max ที่ IBR US สำหรับประสิทธิภาพของทั้งเครื่องที่สูงกว่า 99.95%
[8] ผ่านการทดสอบประสิทธิภาพการกรองที่ 0.1 ไมครอน (EN1822, ISO29364)
[9] ผ่านการทดสอบตามมาตรฐาน JEM 1467 (กรดอะซิติก อะซิตาลดีไฮด์ แอมโมเนีย) GB/T18801 (ฟอร์มาลดีไฮด์ เบนซิน) และ DTM-003282 (ไนโตรเจนไดออกไซด์) อัตราการดักจับก๊าซอาจแตกต่างกันออกไป
[10] การทดสอบแบบทั้งเครื่องโดยบุคคลภายนอกซึ่งอ้างอิงตามมาตรฐาน GB/T 18801-2022 การทดสอบทำความสะอาดปริมาณสารฟอร์มาลดีไฮด์สะสม พร้อมฉีดสารเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งอัตราการส่งผ่านอากาศบริสุทธิ์ (CADR) ที่ปราศจากฟอร์มาลดีไฮด์นั้นอยู่ในระดับคงที่สม่ำเสมอ ผลลัพธ์อาจแตกต่างกันในการใช้งาน ตัวกรอง SCO จะมีอยู่ในรุ่น BP03 และ BP04 เท่านั้น
[11] ฟังก์ชันการทำงานของแอปอาจแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ที่รองรับ Wi-Fi และแอป อาจมีค่าบริการตามปกติในการรับส่งข้อมูลและข้อความ จำเป็นต้องใช้ iOS เวอร์ชัน 10 ขึ้นไป หรือ Android เวอร์ชัน 5 ขึ้นไป อุปกรณ์มือถือของคุณจะต้องรองรับ Bluetooth 4.0
[12] เซ็นเซอร์ CO2 มีอยู่ในรุ่น BP04 เท่านั้น
[13] Du, B., Tandoc, M.C., Mack, M.L., Siegel, J.A., (2020) ความเข้มข้นของ CO2 ในอาคารและการทำงานของสมอง: การวิพากษ์. อากาศภายในอาคาร 30(6), 1067-1082. DOI: 10.1111/ina.12706
[14] ความสามารถในการฟอกอากาศในห้องขนาดใหญ่สูงสุด 100 ตร.ม. (10 ม. x 10 ม.) พิสูจน์โดยการสร้างโมเดล Computational Fluid Dynamics (CFD) โดยวางเครื่องฟอกอากาศไว้ที่มุมห้องพร้อมทำงานในระดับกำลังลมสูงสุดและการกระจายลมในแนวนอนไปไกลถึง 10 เมตร เพื่อหมุนเวียนอากาศทั่วทั้งห้อง ระยะทางในการกระจายลมวัดจากการทดสอบระยะไหลเวียนเป็นการภายในบริษัทด้วยกระแสลมที่บังคับทิศทางที่มีความแรงในระดับสูงสุด ประสิทธิภาพในสภาพแวดล้อมในชีวิตจริงอาจแตกต่างออกไป
[15] ผ่านการทดสอบการกรองตามมาตรฐาน ASTM F3150 ทดสอบในโหมด Boost โดยห้องปฏิบัติการของหน่วยงานอิสระจากภายนอก SGS-IBR Laboratories US ในปี 2022 ประสิทธิภาพในการกรองคำนวณจากการเปรียบเทียบจำนวนอนุภาคฝุ่นขนาดมาตรฐานที่เข้าไปในเครื่องดูดฝุ่นเทียบกับอนุภาคที่ถูกปล่อยออกมา อัตราการดักจับอาจแตกต่างออกไปตามสภาพแวดล้อมจริงและโหมดที่ใช้งาน
[16] ประสิทธิภาพการดักจับ H1N1 และ MS2 ผ่านการทดสอบในโหมด Boost โดยห้องปฏิบัติการอิสระจากภายนอก Airmid (ไอร์แลนด์) ในปี 2022 ไม่ได้มีการทดสอบกับไวรัส SARS-CoV-2