13 ส.ค. 2566 614 0

ซัมซุงเผยโฉม ViewFinity S9 หน้าจอ 5K ยกระดับการทำงานของมืออาชีพ จบทุกโปรเจ็กต์ในหน้าจอเดียว

ซัมซุงเผยโฉม ViewFinity S9 หน้าจอ 5K ยกระดับการทำงานของมืออาชีพ จบทุกโปรเจ็กต์ในหน้าจอเดียว

ซัมซุงเผยโฉม ViewFinity S9 หน้าจอ 5K ยกระดับการทำงานของมืออาชีพ ใส่ใจทุกรายละเอียดการทำงาน ทำงานและความบันเทิงจบทุกโปรเจ็กต์ในหน้าจอเดียว

ซัมซุงประกาศขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ ViewFinity นำ ViewFinity S9 ขนาด 27 นิ้วออกวางจำหน่าย เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับกลุ่มมอนิเตอร์ความละเอียดสูงต่อจาก ViewFinity S8 ด้วยความละเอียดระดับ Ultra High Definition (UHD) ViewFinity S9 ถูกออกแบบให้มีความลงตัวที่สุดสำหรับการใช้งานที่หลากหลาย ทั้งงานด้านกราฟิกดีไซน์และการถ่ายภาพ เป็นต้น นอกจากนี้ยังได้รับรางวัลนวัตกรรม CES Innovation Award ในปี 2566 อีกด้วย

“ViewFinity S9 ได้รับการออกแบบเพื่อมอบประสิทธิภาพสูงสุดและประสบการณ์ที่ดีที่สุดแก่มืออาชีพในอุตสาหกรรมสร้างสรรค์และทัศนศิลป์” ฮูน ชุง รองประธานบริหารกลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์จอภาพซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ กล่าว “กลุ่ม ViewFinity จะมอบประสบการณ์การแสดงภาพชั้นเยี่ยมพร้อมด้วยสีสันกระจ่างสดใสและความสามารถการเชื่อมต่อที่จำเป็นกับเหล่าครีเอทีฟ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดไม่ว่าจะโปรเจ็กต์ไหน”

ViewFinity S9 มากับขนาด 27 นิ้ว ความละเอียด 5K (5,120 x 2,880) มีพื้นที่การทำงานที่ใหญ่กว่าหน้าจอ UHD อื่นๆ กว่า 50% พร้อมด้วยที่สุดของความกระจ่างชัดทั้งในส่วนของภาพและข้อความช่วยให้มืออาชีพสามารถทำงานกับคอนเทนต์ที่มีความละเอียดสูงเป็นพิเศษได้โดยไม่ต้องซูมขยายภาพ สามารถเห็นชิ้นงานในแบบ 5K ในขณะที่เครื่องมือแก้ไขต่างๆ วางไว้ได้บนหน้าจอ

สามารถแสดงขอบเขตสีได้ถึง 99% ของมาตรฐาน DCI-P3[1] และให้ความละเอียดภาพได้ถึง 218PPI (พิกเซลต่อนิ้ว) ให้ทั้งสีสันที่สดใสและรายละเอียดที่แจ่มชัดกว่า เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความเที่ยงตรงในการแสดงภาพ[2] ค่าความสว่างโดยปกติที่ 600 cd/m2 ช่วยให้ทำงานได้ง่ายในสภาพแสงแทบทุกรูปแบบ เทคโนโลยีของซัมซุงในการปรับเทียบค่ามาตรฐานช่วยให้ผู้ใช้ตั้งค่าสีสันให้มีความแม่นยำได้ตามต้องการ


นอกจากนี้ยังใช้ฟีเจอร์ Smart Calibration ที่ควบคุมด้วยสมาร์ทโฟน[3] ถือว่าเป็นครั้งแรกของวงการ และทำให้ผู้ใช้สามารถปรับตั้งค่าหน้าจอได้ทุกเมื่อโดยไม่จำเป็นต้องมีอุปกรณ์ปรับเทียบค่ามาตรฐานที่ราคาสูงและซับซ้อน เมื่อใช้แอป SmartThings ผู้ใช้จะสามารถเลือกปรับเทียบค่ามาตรฐานได้ทั้งในโหมดพื้นฐานหากต้องการเพียงตั้งค่าสมดุลแสงสีขาว (White Balance) และค่าแกมมา (Gamma) อย่างง่ายและรวดเร็ว หรืออาจเลือกใช้โหมดมืออาชีพสำหรับการควบคุมที่ครบถ้วน ทั้งการตั้งค่าอุณหภูมิสี (Color Temperature), ความส่องสว่าง (Luminance), ปริภูมิสี (Color Space) และแกมมา ผู้ใช้สามารถเริ่มต้นขั้นตอนการตั้งค่านี้ได้ง่ายๆ เพียงแค่เล็งกล้องของสมาร์ทโฟนไปที่หน้าจอของ ViewFinity S9 และเมื่อปรับเทียบค่ามาตรฐานเรียบร้อยแล้ว พวกเขายังสามารถดูรายงานการตั้งค่าตลอดจนระดับความแม่นยำของสีที่แสดงเป็นค่า Delta E


ซัมซุงยังใส่ใจดูแลผู้ใช้ด้วยฟีเจอร์ Intelligent Eye Care ที่ผ่านการรับรองมาตรฐานการถนอมสายตาของ TUV แล้วว่าสามารถช่วยลดความเมื่อยล้าของดวงตาได้แม้ใช้งานต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน นอกจากนี้ผิวหน้าจอแบบ Matte Display ของซัมซุงยังช่วยลดการสะท้อนและแสงจ้าบนหน้าจอลง จึงช่วยลดสิ่งรบกวนสมาธิในขณะที่ทำงาน

ViewFinity S9 มาพร้อมความสามารถในการเชื่อมต่อที่หลากหลายสำหรับผู้ใช้คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลทั้ง Mac และ Windows โดยนอกจากพอร์ต USB-C แล้ว ยังมีช่องต่อสัญญาณขาเข้าทั้ง Thunderbolt 4 และ Mini DisplayPort ให้ด้วย ผู้ใช้สามารถชาร์จอุปกรณ์ต่างๆ ได้ด้วยกำลังไฟสูงสุดถึง 90 วัตต์ และสามารถโอนถ่ายข้อมูลได้อย่างปลอดภัยด้วยความเร็วสูงสุดถึง 40 กิกะบิตต่อวินาที[4]

ซัมซุงใส่กล้อง SlimFit ความละเอียด 4K แบบติดตั้งในตัวเครื่อง เชื่อมต่อผ่านขั้วแบบ Pogo Pin โดยไม่ต้องใช้สายหรืออุปกรณ์อื่นเพิ่มเติม มีความละเอียดสูง ให้คุณภาพของภาพที่ชัดเจนสดใสในการสื่อสารแบบวีดีโอคอลผ่านแอปต่างๆ เช่น Google Meet นอกจากนี้ยังปรับมุมก้มเงยของกล้องให้เหมาะสมกับมุมของตัวหน้าจอได้ และฟีเจอร์ Auto Framing[5] สามารถจัดทิศทางของกล้องเพื่อให้คุณปรากฏตัวอยู่ในเฟรมเสมอแม้ว่าคุณจะขยับตำแหน่งไปจากเดิม

ดีไซน์โลหะในรูปลักษณ์เพรียวบางของ ViewFinity S9 เข้าได้กับทุกพื้นที่ การออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์สามารถปรับให้เข้ากับตำแหน่งและท่าทางได้แทบทุกรูปแบบให้ความสบายและช่วยให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ขาตั้งหน้าจอปรับความสูงและองศาให้เหมาะสมกับระดับสายตาของผู้ใช้ได้ เมื่อใช้โหมด Pivot หน้าจอจะหมุน 90 องศาเพื่อให้ผู้ใช้อ่านข้อความในเอกสารยาวๆ ได้โดยไม่ต้องเลื่อนหน้าจอบ่อยๆ นอกจากนี้ระบบยึดหน้าจอที่รองรับมาตรฐานของ VESA ทำให้ผู้ใช้สามารถประหยัดพื้นที่และทำให้โต๊ะทำงานเป็นระเบียบเรียบร้อยยิ่งขึ้น

แอปพลิเคชัน Smart TV ที่ติดตั้งในตัวมอบประสบการณ์ในการรับชมทีวีอย่างเต็มรูปแบบเมื่อผู้ใช้ต้องการสลับไปรับชมความบันเทิงหลังเลิกงาน ยิ่งไปกว่านั้นยังเข้าถึงแอปสตรีมมิ่งและรายการยอดนิยมต่างๆ ได้ทันทีโดยไม่ต้องมีคอมพิวเตอร์แยกต่างหาก รวมถึงมีโพงติดตั้งในตัวพร้อมระบบ Adaptive Sound+ ที่ปรับระดับเสียงรบกวนให้โดยอัตโนมัติ พร้อมรีโมทคอนโทรลให้ใช้งาน ทำให้หน้าจอรุ่นนี้รอบรับการใช้งานได้อย่างครบถ้วนทั้งในการทำงานและเพื่อความสนุกเพลิดเพลิน

นอกจากนี้ซัมซุงยังมีบริการ Door-to Door Service ซ่อมฟรีถึงที่สำหรับลูกค้ามอนิเตอร์ทุกรุ่นของซัมซุง ซัมซุงให้ความสำคัญในการให้บริการและมอบความสะดวกสบายแก่ลูกค้า โดยบริการซ่อมฟรีถึงสำนักงานหรือที่พัก เป็นเวลา 3 ปี ตามระยะเวลารับประกัน สำหรับลูกค้าที่ซื้อมอนิเตอร์ทุกรุ่นของซัมซุง ติดต่อผ่านศูนย์บริการลูกค้าสัมพันธ์ โทร 1282 ตลอด 24 ชั่วโมง

ViewFinity S9 จะเริ่มวางจำหน่ายในประเทศไทยตั้งแต่เดือนสิงหาคมเป็นต้นไป สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับหน้าจอความละเอียดสูงของซัมซุงและผลิตภัณฑ์ทั้งหมดในซีรีส์ ViewFinity ได้ที่เว็บไซต์ https://www.samsung.com/

Specifications


[1] การถ่ายทอดสีที่คำนวนโดยอิงมาตรฐาน CIE 1976

[2] ค่าความแม่นยำของสีอาจผันแปรตามอุปกรณ์ที่ใช้วัดค่าและจุดที่วัดค่า คุณสมบัติของหน้าจออาจแตกต่างกันตามสภาพแวดล้อมของระบบ เช่น ส่วนประกอบของคอมพิวเตอร์ ระยะเวลาการใช้งาน หรือปัจจัยอื่นๆ

[3] ฟีเจอร์ Smart Calibration สามารถใช้ได้กับ Galaxy S10 หรือรุ่นที่ใหม่กว่า, Galaxy Note10 หรือรุ่นที่ใหม่กว่า, Galaxy Fold, Galaxy Flip, iPhone 11 หรือรุ่นที่ใหม่กว่า และ iPhone SE 2 หรือรุ่นที่ใหม่กว่า การใช้งานฟีเจอร์นี้จะต้องมีแอป SmartThings เวอร์ชั่นล่าสุด

[4] อุปกรณ์บางรุ่นที่ใช้ระบบปฏิบัติการ MacOS 13 อาจรองรับการใช้งานเฉพาะบางอย่าง

[5] ฟีเจอร์ Auto Framing จะใช้งานได้เมื่อใช้แอปพลิเคชั่นที่ติดตั้งมาให้ในเครื่อง