โซลูชันของฟอร์ติเน็ต รวมถึง Unified End-User Agent ที่เป็นหนึ่งเดียวที่ให้นวัตกรรมการรักษาความปลอดภัย ณ จุด End-Point และ Zero Trust Edge อย่างสมบูรณ์
จอห์น แมดดิสัน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดและรองประธานฝ่ายกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์ ฟอร์ติเน็ต กล่าวว่า “ฟอร์ติเน็ตยินดีเป็นอย่างยิ่งที่แนวการทำงานแบบ “Zero-Trust” เพื่อการรักษาความปลอดภัยให้กับระบบเอดจ์มีการขยายตัวในวงกว้างเข้าไปในเครือข่ายต่างๆ ในปัจจุบันได้กลายเป็นที่รู้จักและได้รับการยอมรับจาก Forrester โดยเราเชื่อว่าการผสานกันอย่างมีนัยยะสำคัญของระบบเน็ตเวิร์กกิ้งและซีเคียวริตี้จะปรากฎอยู่ในทุกที่ และฟอร์ติเน็ตภูมิใจที่เราเป็นหนึ่งในเวนเดอร์เพียงไม่กี่รายที่กลายเป็นผู้นำในรายงานด้านไฟร์วอลล์ SD-WAN ไปจนถึง Zero Trust Edge สำหรับเรา การได้รับการยอมรับและยกย่องในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างเด่นชัดถึงความมุ่งมั่นของเราในการพัฒนาหนึ่งในโซลูชัน Single-Vendor SASE ระดับแนวหน้าในตลาดอย่างต่อเนื่อง”
ทั้งนี้ ฟอร์ติเน็ต ผู้นำด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ระดับโลกที่ขับเคลื่อนการผสานรวมของระบบเน็ตเวิร์กกิ้งและซีเคียวริตี้ เผยการได้รับการยกย่องในการเป็นผู้นำซึ่งปรากฏในรายงาน The Forrester Wave™: Zero Trust Edge Solutions ไตรมาส 3 ปี 2023 นี้ โดยการประเมินด้วยการใช้ 32 เกณฑ์หลักในการระบุเวนเดอร์ที่มีความสำคัญมากที่สุดและประเมินโซลูชัน Zero Trust Edge (ZTE) ของเวนเดอร์ไปพร้อมๆ กัน โดยฟอร์ติเน็ตได้รับคะแนนสูงสุดในการประเมินในหมวดหมู่ด้านยุทธศาสตร์ (Strategy)
รักษาความปลอดภัยให้กับระบบเครือข่ายด้วย Zero Trust Edge หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ SASE
เป็นที่รู้จักกันดีในอีกชื่อว่า Secure Access Service Edge หรือ SASE สถาปัตยกรรมแบบ Zero Trust Edge ที่ผสานและส่งมอบทั้งเน็ตเวิร์กกิ้งและซีเคียวริตี้ฟังก์ชันในรูปแบบบริการที่ใช้การรวมเข้าด้วยกันของ Zero-trust Network Access (ZTNA) Secure Web Gateways และ Cloud Security Gateways
แพลตฟอร์ม Fortinet FortiSASE ผสานความปลอดภัยที่ส่งผ่านคลาวด์ (Cloud-Delivered Security) รวมถึง Secure Web Gateway Universal ZTNA ตลอดจน Next-Generation Dual-Mode CASB ไปจนถึงไฟร์วอลล์ในรูปแบบบริการ (Firewall-as-a-Service) และเครือข่าย Secure SD-WAN ด้วยพลังของ FortiOS ระบบปฏิบัติการเพียงหนึ่งเดียว บริการ FortiGuard AI-Powered Intrusion Prevention Security และ FortiClient ตลอดจน FortiSASE เข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและให้การรักษาความปลอดภัยที่มั่นคงในทุกพื้นที่การใช้งาน ด้วยการรวมทุกชิ้นส่วนที่จำเป็นต่อการผสานเน็ตเวิร์กกิ้งและซีเคียวริตี้เข้าไว้ด้วยกันทั้งหมด ระบบจะช่วยปกป้องคนทำงานในรูปแบบไฮบริดด้วย Zero Trust และยังช่วยองค์กรลดความซับซ้อน และควบรวม Point Products เข้าไว้ด้วยกัน ขณะเดียวกัน Forrester ได้ชี้ชัดในรายงานว่า ฟอร์ติเน็ตได้สร้างความ “แตกต่างให้กับตัวเองในตลาดด้วยการพัฒนาและการบูรณาการฟังก์ชั่นเน็ตเวิร์กกิ้ง อาทิ การทำ Routing เข้าสู่ไฟร์วอลล์ของออฟฟิศระยะไกล ซึ่งช่วยให้ง่ายต่อการนำโซลูชัน Zero Trust Edge พร้อมด้วยระบบการจัดการอินเทอร์เฟสที่เป็นหนึ่งเดียวมาใช้งาน”
นอกจากนี้ รายงานจาก Forrester ยังระบุว่า "ฟอร์ติเน็ตได้สร้างสมดุลระหว่างซีเคียวริตี้และเน็ตเวิร์กกิ้งด้วยมูลค่าที่สูงจนน่าตื่นใจ ที่สำคัญ หนึ่งในมุมที่น่าสนใจที่สุดในแง่คุณค่าที่ฟอร์ติเน็ตส่งมอบให้แก่ลูกค้า (Value Proposition) นั่นก็คือต้นทุน ดูจากไฟร์วอลล์ ฟอร์ติเน็ตคือตัวเลือกที่มีราคาที่ต่ำกว่าคู่แข่งรายอื่นๆ ที่มีราคาแพงที่สุด” FortiSASE สามารถช่วยให้องค์กรลดความซับซ้อนได้อย่างราบรื่นและปลอดภัย ทั้งยังเพิ่มผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) ให้ได้สูงสุดอีกด้วย
วิธีคำนวณผลลัพธ์ของ Forrester Wave™
การประเมินของ Forrester Wave เป็นการประเมินผู้ขายที่เป็นเวนเดอร์ชั้นนำในตลาด สำหรับตัวรายงาน Forrester ได้ดำเนินการทำวิจัยในแบบปฐมภูมิ (Primary Research) เพื่อพัฒนารายชื่อของเวนเดอร์ก่อนที่จะลดจำนวนในลิสต์ให้แคบลงตามเกณฑ์การคัดเลือกผู้เข้าร่วมการวิจัย (Inclusion Criteria) รายละเอียดของผลิตภัณฑ์ และกลยุทธ์ถูกรวบรวมผ่านทางแบบสอบถาม การสาธิตผลิตภัณฑ์ และการสำรวจลูกค้าเพื่อการอ้างอิง รวมไปถึงการสัมภาษณ์พูดคุย
เกณฑ์ในการประเมินพิจารณาจาก
ผู้ค้าแต่ละรายที่รวมอยู่ในการประเมินจะต้องมีคุณสมบัติส่วนหนึ่งดังนี้
Fortinet FortiSASE
แพลตฟอร์ม Fortinet SASE ให้การเข้าถึงที่ปลอดภัยและการเชื่อมต่อประสิทธิภาพสูงแก่ผู้ใช้ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดก็ตาม ด้วยการผสานระบบเน็ตเวิร์กกิ้งเข้ากับซีเคียวริตี้ ทั้งนี้ FortiSASE ให้การรักษาความปลอดภัยในระดับองค์กรและให้การเข้าถึงจากพื้นที่ห่างไกลอย่างปลอดภัยไปยังเว็บ คลาวด์ และแอปพลิเคชันได้จากทุกพื้นที่ โดยโซลูชันที่จัดส่งบนคลาวด์ (Cloud-delivered) นี้ช่วยให้องค์กรต่างๆ ประสบความสำเร็จในการจัดการช่องว่างในด้านความปลอดภัย และผสานรวมเข้ากับ Fortinet FortiManager เพื่อการมองเห็นและการจัดการแบบรวมศูนย์ภายในองค์กรทั่วทั้งหมด รวมไปถึงผู้ใช้ที่อยู่ในพื้นที่ไกลออกไป (Remote Users)
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม