ไปรษณีย์ไทยพาอินไซด์คนนิวเจนสุดเจ๋ง “ทีม Knock Everything ตลอดไปรฯ” กับกลยุทธ์ “เปลี่ยนให้ปัง ด้วยพลังการส่ง” นักสร้างแบรนด์รุ่นใหม่ ที่จะเข้ามาเปลี่ยนไปรษณีย์ไทยให้ 14 อีกครั้ง
สุดเจ๋ง!! เด็กไทยนำแผนปั้นไปรษณีย์ไทย คว้ารางวัลด้านการสร้างแบรนด์ระดับโลก จากเวที Global Brand Planning Competition 2023
ตลอดระยะเวลากว่า 140 ปี ของไปรษณีย์ไทยในฐานะหน่วยงานด้านการสื่อสารและขนส่งของชาติในสายตาของคนรุ่นใหม่ไม่ได้เป็นแค่แบรนด์ที่อยู่มานาน แต่เป็นแบรนด์ที่พร้อมจะมุ่งสู่การเป็น top of mind ของคนรุ่นใหม่ ซึ่งถ้าทุกคนสังเกตจะเห็นได้ว่าความก้าวทันโลกและความเป็นวัยรุ่นของไปรษณีย์ไทยถูกถ่ายทอดทอดผ่านทั้งการดำเนินงานที่มีความกระฉับกระเฉง ความเข้าอกเข้าใจคนทุกเจเนอเรชัน กิจกรรมและแคมเปญต่าง ๆ ที่สร้างความน่าสนใจได้ในทุกช่วงสถานการณ์ ตลอดจนคาแรคเตอร์คนไปรษณีย์ที่ทุกคนคุ้นกับคำเรียกติดปากว่า “พี่ไปรฯ” ที่ยังคงเป็นฮีโร่ในด้านการขนส่งและสื่อสารที่คนทุกวัยก็ยังนึกถึงอยู่เสมอ
จากการให้ความสำคัญของการปรับตัวเองให้เป็นวัยรุ่นยิ่งขึ้น จึงได้ร่วมกับสมาคมการตลาดแห่งประเทศไทยจัดเวทีการประกวด “J-MAT Brand Planning Competition #2” ภายใต้โจทย์ เปิดมุมมองคนรุ่นใหม่ ปั้นไปรษณีย์ไทยให้มากกว่าการส่ง โดยมีน้องๆ ในระดับอุดมศึกษาส่งแผนการตลาดเข้าร่วมประกวดกว่า 1,000 คน รวม 175 ทีม จาก 40 มหาวิทยาลัย และแต่ละทีมที่ผ่านเข้ารอบก็ได้รับการเทรนจากผู้เชี่ยวชาญการสร้างแบรนด์ที่เรียกได้ว่าเคี่ยวและเข้มข้นทุกขั้นตอน จนในที่สุดก็ได้ทีมผู้ชนะคือ ทีม Knock Everything ตลอดไปรฯ ที่ได้ส่งพลังแห่งการเปลี่ยน Power of Change จนเข้าตากรรมการและได้รับรางวัลชนะเลิศ และจะเป็นส่วนหนึ่งที่นำกลยุทธ์มาร่วมปั้นแบรนด์ไปรษณีย์ไทยให้วัยรุ่นยิ่งขึ้น
แบรนด์ไปรษณีย์ไทยผ่านสายตา GenZ
มุมมองที่มีต่อไปรษณีย์ไทยผ่านสายตาของน้องๆ ทีม Knock Everything ตลอดไปรฯ เป็นมุมมองของตัวแทน GenZ ที่เป็นกลุ่มนิสิต 6 คน สมาชิกในทีมประกอบด้วย วรัณย์พรจันทนยิ่งยง ศุภกิตติ์ ชาง ภาสวุฒิ ประสิทธิ์วรนันท์ ศตพร เวชทัพ นนท์ปวิธ สุวัตถิกุล สีตลา สุวิวัฒน์ธนชัย และรมิตา จุฑาสันติกุล จากคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่มีมุมมองต่อไปรษณีย์ไทยกับการทรานส์ฟอร์มแบรนด์ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
“จากโปรเจกต์ “เปลี่ยนให้ปัง ด้วยพลังการส่ง หรือ Power of Change” เป็นแผนการตลาดที่มีกลุ่มเป้าหมายเป็นคนรุ่นใหม่ หรือ GenZ เราต้องทำความเข้าใจอินไซด์ของเขาก่อน ซึ่งจากการเก็บข้อมูลก็พบว่า GenZ ไม่มีจุดที่เชื่อมโยงกับไปรษณีย์ไทยเลย คนกลุ่มนี้ไม่ได้เป็นกลุ่มที่ส่งของกับไปรษณีย์ไทยและไม่มีปฏิสัมพันธ์กับไปรษณีย์ไทย และยิ่งไปกว่านั้น GenZ ยังมองว่าเป็นเรื่องที่ไกลตัว ไม่ได้มองว่าอยู่ในชีวิตประจำวัน ทางทีมจึงพัฒนาไอเดียที่ตอบโจทย์จริงๆ และต้องทำให้กลุ่มเป้าหมายเห็นการมีอยู่ของไปรษณีย์ไทยก่อน ให้รู้จักมากขึ้น รู้จักแล้วรู้สึกรัก เมื่อรักแล้วพร้อมที่จะใช้บริการต่อเนื่องไปยาวๆ ซึ่งอันนี้เป็นประเด็นที่เราจับต้อง Touch Point ของ GenZ ให้ได้”
ทรานส์ฟอร์มแบรนด์ให้ปัง ผ่านพลังอินไซด์ของ Gen Z
การปรับลุคของแบรนด์ไปรษณีย์ไทยผ่านแผนการตลาดที่ต้องการเจาะไปที่ GenZมีความท้าทายมากขึ้น เมื่อ GenZ รู้จักแบรนด์ แต่ยังไม่รู้ว่าไปรษณีย์ไทยมีบริการอะไรบ้าง แต่จากข้อมูลที่เราได้สัมภาษณ์มา ทุกคนรับรู้และให้คะแนนความเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องเส้นทาง และเป็นTop of mind อยู่แล้ว แต่เราพบว่าไปรษณีย์ไทยในสายตาของ GenZ เขาไม่เชื่อว่าไปรษณีย์ไทยเจ๋ง โจทย์ของเราคือจะทำอย่างไรให้คนรุ่นใหม่รู้ว่าไปรษณีย์ไทยที่ดูเก่าแก่มีดี และพร้อมที่จะให้ธุรกิจของคนกลุ่มนี้มันไปได้ไกลที่สุด ความท้าทายจึงเริ่มขึ้นเลยต้องมาคิดต่อว่าต้องทำอย่างไรให้ GenZมีจุดเชื่อมโยงกับไปรษณีย์มากขึ้น
ทีม Knock Everything ตลอดไปรฯ ได้เลือกกลุ่มเป้าหมายคือกลุ่ม E-commerce ที่มีความเชี่ยวชาญด้านธุรกิจ และกลุ่ม GenZ ที่ต้องการเป็นพ่อค้าแม่ค้าหน้าใหม่ โดยมองว่าการเจาะกลุ่มการตลาด GenZ ให้ได้อยู่หมัดนั้นต้องสร้าง Touch Point จะต้องไม่ทำอะไรเดิมๆ พยายามปรับไอเดียด้วยการคุยกับ GenZ จริงๆ และนำเสนอวิธีการเล่าให้ออกมาเป็น storytelling ที่จะทำให้เห็นภาพได้อย่างชัดเจนและตรงประเด็นที่สุด โดยบอกเล่าบริการต่างๆ ของไปรษณีย์ไทย ให้ GenZ เห็นว่าเป็นบริการที่เหมาะกับเขา เล่าเรื่องออกมาเป็นภาพ ใช้ภาษาสื่อสารผ่านความต้องการที่เป็นอินไซด์ของ GenZ จริงๆ อย่างเช่น บริการขนส่งของที่แตกหักง่าย ก็จะเข้ากันกับกลุ่ม E-commerce ที่ทำแจกันเซรามิก หรือสินค้า DIY ซึ่งกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่ส่งสินค้าอยู่แล้วแต่ยังไม่เคยส่งกับไปรษณีย์ไทย เราก็ทำให้เขารู้และเปิดใจส่งกับไปรษณีย์ไทย
จากคนรุ่นใหม่ ถึงคนวัยเดียวกัน ที่พร้อมนำไปรษณีย์ไทยมาผลักดันให้ประสบความสำเร็จ
Deliver Power of Change คือคีย์เวิร์ดสำคัญที่ทีมต้องการนำมาสื่อสาร และทำให้เกิดขึ้นจริง ซึ่งจากการที่ทีมได้รับเงินสนับสนุนในครั้งแรกมานั้น ทีมได้มีการอินไซด์ข้อมูลที่น่าสนใจว่า มีวัยรุ่นจำนวนอย่างน้อย 7 ล้านคนที่มีความฝันอยากเป็นเจ้าของธุรกิจ แต่ด้วยความไม่รู้ว่าขนส่งแบรนด์ไหนที่ดีและเหมาะสม จึงต้องทำให้คำว่า Change เกิดขึ้นด้วยมุมมุมอง “เปลี่ยนมาชอบ เปลี่ยนมาใช้ และเปลี่ยนมารัก” โดยเปลี่ยนมาชอบจะเกิดจากมุมมองว่าแบรนด์ไปรษณีย์ไทยนั้นมีดีอย่างไร เปลี่ยนมาใช้คือการทำให้เห็นโซลูชันที่โดดเด่น บริการที่พร้อมซัพพอร์ตทุกความฝัน ทุกเป้าหมาย แค่เปลี่ยนมาใช้พี่ไปรฯ ความฝันไหนก็สำเร็จได้ทันที และเปลี่ยนมารักคือหลังจากที่ใช้แล้ว ยังมุ่งมั่นที่จะใช้ต่อด้วยความประทับใจและคุณภาพของแบรนด์ที่ส่งมอบให้ในทุก ๆ วัน เข้าใจว่าไปรษณีย์ไทยจะช่วยเติมเต็มฝันของทุกคนได้อย่างไร พร้อมที่จะเป็นพลังขับเคลื่อนซึ่งกันและกัน และเกิดสัมพันธภาพที่ดีระหว่างกันในทุก ๆ ยุคลับคมแผนการตลาด จากพลังผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จ
นอกจากแนวคิดด้านการสร้างแบรนด์สุดสร้างสรรค์ที่มาจากความเก่งของน้องๆ แล้ว อาจารย์ที่ปรึกษาก็มีส่วนสำคัญในการสนับสนุน และเป็นแรงผลักดันให้กับน้องๆ โดย อาจารย์วรรษยุตคงจันทร์ อาจารย์ประจำภาควิชาการประชาสัมพันธ์ และผู้ช่วยคณบดีด้านสื่อสารองค์กรและกิจกรรมพิเศษ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า นิสิตทีมนี้แสดงออกให้เห็นตั้งแต่ครั้งแรกว่ากล้าคิด กล้าทำ เป็นคนรุ่นใหม่ในอยู่ในยุคดิจิทัล พร้อมจะเรียนรู้เรื่องใหม่ๆ เวลาเราสอนเขาจะตั้งใจฟังและเมื่อมีคำถามเขาจะถามทันที จะไม่เชื่ออะไรง่ายๆ สิ่งที่จะเสริมให้เขาได้คือ การสร้าง mindset การเป็นผู้ประกอบการ เขาจะคิดทุกอย่างในเชิงของนวัตกรรม ไม่ว่าเขาจะไปอยู่ในองค์กรไหนหรือไปทำธุรกิจของตัวเอง เขาจะมองภาพออกว่าว่าทุกอย่างเป็นไปได้เสมอ และมองถึงการคิดสิ่งใหม่ๆ ที่เป็นนวัตกรรมทางด้านความคิด การแก้ปัญหา และเสริมโอกาส ซึ่งทั้งหมดเป็น soft skill ที่ผมคิดว่าจำเป็นสำหรับเด็กในยุคนี้ และในฐานะอาจารย์ต้องทำให้เด็กมั่นใจว่าเขาเองมีศักยภาพในการเปลี่ยนแปลงได้ และเมื่อเขาเรียนจบและได้เข้าไปทำงานในองค์กรที่เปิดกว้างทางความคิดเห็น เด็กก็จะเป็นได้ทั้ง Push and pull ซึ่งบุคลากรแบบนี้แหละที่องค์กรยุคใหม่ต้องการ ซึ่งผมมองว่าการเรียนการสอนต่อจากนี้ไปจะต้องผลักดันให้นักศึกษาได้มีพื้นที่แสดงออก และมี mindset เชิงนวัตกรรม ซึ่งก็หวังว่าทักษะต่างๆ เหล่านี้จะเป็นพื้นฐานสำคัญที่ติดตัวเขาไปใช้ในอนาคตได้
วัยรุ่นไทย x ไปรษณีย์ไทย เฉิดฉายบนเวทีโลก
หลังจากที่ทีม Knock Everything ตลอดไปรฯ ได้รับรางวัลจากเวที J-MAT ที่ประเทศไทยแล้ว ยังได้รับโอกาสเป็นตัวแทนของประเทศไทย ในชื่อทีม "Knock Everything Forever" ไปโชว์ความสามารถบนเวทีประกวดแผนการตลาดและการสร้างแบรนด์ระดับนานาชาติ "Global Brand Planning Competition 2023" ที่จัดโดยสมาพันธ์การตลาดโลกจีน (Global Chinese Marketing Federation - GCMF) ที่ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งได้นำเสนอแผนการสร้างแบรนด์ "ไปรษณีย์ไทย" ได้รับรางวัลโกลด์อวอร์ด (Gold Award) และ ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 (Second Runner Up) ประเภทแผนการตลาดภาษาอังกฤษ
นอกจากนี้ อีกหนึ่งทีมที่ได้ไปโชว์ความสามารถถึงสิงคโปร์ คือ ทีมไปรดีมาดี จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งได้รับรางวัลชมเชยจากเวที J-MAT Brand Planning Competition #2 โดยนำเสนอแผนการสร้างแบรนด์ "ThailandPostMart" ในชื่อทีม "POST sMART" และได้รับรางวัลโกลด์อวอร์ด (Gold Award) และรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 (First Runner Up) ประเภทแผนการตลาดภาษาอังกฤษ อีกด้วย
โดย "Global Brand Planning Competition" หรือ GBPC เป็นการแข่งขันประกวดแผนการตลาด และ การสร้างแบรนด์ระดับนานาชาติ จัดโดย สมาพันธ์การตลาดโลกจีน (Global Chinese Marketing Federation หรือ GCMF) เวทีนี้ถูกก่อตั้งโดยผู้เชี่ยวชาญและนักวิชาการจาก จีน สิงคโปร์ ไต้หวัน และฮ่องกง โดยมีจุดประสงค์เพื่อรวบรวมนิสิต นักศึกษาผู้มีความสามารถด้านการตลาดที่ยอดเยี่ยมจากมหาวิทยาลัยทั่วโลก มาร่วมแข่งขันและแลกเปลี่ยนกรณีศึกษาเรื่องการตลาดและการสร้าง แบรนด์ โดยส่งเสริมใช้นวัตกรรมและความคิดสร้างสรรค์ มีเกณฑ์การตัดสินทั้งด้านการวิเคราะห์สถานการณ์ กลุ่มตลาดเป้าหมาย คู่แข่งจนไปถึงการวางกลยุทธ์ และการวางแผนงานที่ถูกคิดมาอย่างถี่ถ้วนทั้งในระยะสั้นและในระยะสะท้อนถึงศักยภาพ เอกลักษณ์ของแบรนด์ และคุณค่าหลักของแบรนด์
ติดตามข่าวสารไปรษณีย์ไทยเพิ่มเติมได้ที่
เว็บไซต์ : www.thailandpost.co.th
เฟซบุ๊ก : บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด
ทวิตเตอร์ : @Thailand_Post
ไลน์ออฟฟิเชียล : @Thailand Post
ติ๊กต็อก : @thailandpost