ทีมนักรบไซเบอร์รุ่นใหม่ทำผลงานเยี่ยมคว้าชัยชนะสำเร็จ ปิดฉากการแข่งขัน “Thailand Cyber Top Talent 2023” ยิ่งใหญ่ที่สุดในไทยและอาเซียน สำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ ร่วมกับ บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด เดินหน้าจัดการแข่งขันด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ของประเทศไทย “Thailand Cyber Top Talent 2023” ชิงเงินรางวัลรวมกว่า 521,000 บาท มีวัตถุประสงค์เพื่อให้นักเรียน นิสิต นักศึกษา และประชาชนทั่วไป ที่เข้าร่วมการแข่งขันได้ เรียนรู้ พัฒนาทักษะ และประสบการณ์ ให้กลายเป็นบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์และเป็นการสร้างแรงงานออกสู่ตลาดแรงงานในอนาคต อีกทั้งเป็นการช่วยเพิ่มความตระหนักรับรู้เกี่ยวกับภัยคุกคามทางด้านไซเบอร์ให้กับบุคคลทั่วไปมากขึ้น และผู้ที่ได้รางวัลชนะเลิศยังมีสิทธิเป็นตัวแทนประเทศไทยไปแข่งขันในรายการ Cyber SEA Game ในปีนี้เริ่มต้นรอบคัดเลือก เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2566 มีผู้เข้าร่วมการแข่งขันทั้งหมด 831 ทีม รวมทั้ง 3 ระดับ จำนวน 2,323 คน ทั่วทุกภูมิภาคประเทศไทย และคัดเลือกทีมที่ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศจำนวน 30 ทีม ซึ่งการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ จัดขึ้นวันเสาร์ที่ 30 กันยายน 2566 โดยได้รับเกียรติจาก ประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นประธานเปิดการแข่งขันฯ ณ เซ็นทารา แกรนด์ เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว กรุงเทพฯ
ประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวว่า “ในโลกดิจิทัลและโลกที่เชื่อมโยงถึงกันมากขึ้นเรื่อย ๆ ความสำคัญของการรัษาความปลอดภัยทางไซเบอร์มีความจำเป็นอย่างมาก เนื่องจากภัยคุกคามทางด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น และที่ผ่านมาจะเห็นได้จากข่าวการโจมตีทางไซเบอร์ที่เกิดขึ้นกับหน่วยงานทั้งภาครัฐ และเอกชนทั่วโลก อาจส่งผลกระทบที่รุนแรงมาก หากมีการโจมตีโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ ทั้งระบบน้ำ ระบบไฟ ธนาคาร สถาบันการเงินต่าง ๆ อันจะส่งผลทำให้ประชาชนเดือดร้อน อีกทั้งยังเจอปัญหาข้อมูลรั่วไหลการหลอกลวงทางออนไลน์ จากปัญหา ภัยคุกคามลักษณะต่าง ๆ ที่คนไทยต้องเจอ และการพัฒนาเทคโนโลยีที่เป็นไปอย่างก้าวกระโดด นำมาซึ่งความเสี่ยงต่อภัยคุกคามทางไซเบอร์เพิ่มมากขึ้นในทุกวัน และจากจำนวนผู้เข้าร่วมการแข่งขันในปีนี้ที่มีเพิ่มขึ้น ก็นับเป็นนิมิตรหมายที่ดีและเป็นอีกก้าวสำคัญในด้านการพัฒนาความปลอดภัยทางไซเบอร์ของไทยให้ทัดเทียมกับนานาประเทศได้”
การแข่งขันรอบชิงชนะเลิศนี้ แบ่งออกเป็น 3 ระดับ ได้แก่ ระดับมัธยมศึกษา ระดับอุดมศึกษา และระดับประชาชนทั่วไป โดยมีทีมเข้าร่วมการแข่งขันทั้งหมด 30 ทีม เป็นการแข่งขัน CTF Jeopardy รูปแบบ Attack the virtual World โดยผู้เข้าแข่งขันต้องหาคำตอบจากเครื่องแม่ข่าย เครื่องผู้ใช้งาน และอุปกรณ์เครือข่ายต่าง ๆ ที่อยู่ในระบบจำลองด้วยการโจมตีจากภายนอก และต้องหาคำตอบจากร่องลอยในเครื่องแม่ข่ายที่ถูกโจมตี
ผลการแข่งขันปรากฏว่า
ระดับประชาชนทั่วไป (OPEN)
ระดับอุดมศึกษา (SENIOR)
ระดับมัธยมศึกษา (JUNIOR)
พลอากาศตรี อมร ชมเชย เลขาธิการคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ กล่าวทิ้งทายว่า “ปัญหาการขาดแคลนบุคลากรด้านไซเบอร์ทั้งในระดับโลกและประเทศไทย ยังคงเป็นโจทย์สำคัญต่อการพัฒนาบุคลากรด้านความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ โดยเฉพาะส่วนราชการไทยที่มีบุคลากรในกลุ่มดังกล่าวเพียง 0.5% เท่านั้น ซึ่งเป็นภารกิจสำคัญและเร่งด่วนของ สกมช. ในการเดินหน้ายกระดับมาตรฐานความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ของประเทศด้วยการพัฒนาบุคลากร และเสริมสร้างการตระหนักรู้ถึงภัยคุกคามทางไซเบอร์ เพื่อให้ประเทศไทยมีบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ทัดเทียมในระดับสากล สกมช. จึงร่วมกับ บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด ดำเนินการจัดการแข่งขันด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ของประเทศไทย “Thailand Cyber Top Talent” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3
นอกจากนี้ ยังมีหน่วยงานชั้นนำด้านไซเบอร์ของประเทศไทย อาทิ TB-CERT, SOSECURE, Secure-D Center, McAiden, IT Select Lab, KTB Redteam, Group-IB, X-10, AML, Secureinfo, Nexwave, logrythm, metro, akamai, GovernTrust, MFEC, Bangkok energy, Mayaseven, TECHPIXEL, goipnow และอีกมากมายที่มาร่วมผนึกกำลังกัน ภายในงานยังมีการบรรยายจากวิทยากรผู้เชี่ยวชาญ อาทิ เทคนิคของ Hacker กลวิธีต่างๆในการจู่โจม สาธิตวิธีการของ App ดูดเงิน และวิธีการป้องกันตัวเองจากภัยอันตรายในโลกไซเบอร์ พร้อมนิทรรศการจากผู้ประกอบการด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ชั้นนำ กว่า 20 หน่วยงานที่จะช่วยส่งเสริมให้ทุกคนมีภูมิคุ้มกันภัยไซเบอร์มากยิ่งขึ้น ซึ่งต้องขอแสดงความยินดีกับผู้เข้าแข่งขันที่ได้รับรางวัล และขอขอบคุณผู้เข้าแข่งขันทุกทีมที่ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการแข่งขันทักษะทางไซเบอร์ครั้งยิ่งใหญ่นี้ โดย สกมช. มุ่งหวังที่จะพัฒนาบุคลากรด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ พร้อมทั้งถ่ายทอดองค์ความรู้ และช่วยส่งเสริมให้ไทยเป็นประเทศที่ปลอดภัยจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ต่อไป”