27 ต.ค. 2566 265 0

เสียวหมี่ เปิดตัว Xiaomi HyperOS ระบบปฏิบัติการที่เน้นผู้ใช้เป็นศูนย์กลาง เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ส่วนบุคคล รถยนต์ และผลิตภัณฑ์สมาร์ทโฮมในสมาร์ทอีโคซิสเต็ม

เสียวหมี่ เปิดตัว Xiaomi HyperOS ระบบปฏิบัติการที่เน้นผู้ใช้เป็นศูนย์กลาง เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ส่วนบุคคล รถยนต์ และผลิตภัณฑ์สมาร์ทโฮมในสมาร์ทอีโคซิสเต็ม

เสียวหมี่ เปิดตัว Xiaomi HyperOS ระบบปฏิบัติการที่เน้นผู้ใช้เป็นศูนย์กลาง ออกแบบและปรับแต่งเพื่อเชื่อมต่ออุปกรณ์ส่วนบุคคล รถยนต์ และผลิตภัณฑ์สมาร์ทโฮมในสมาร์ทอีโคซิสเต็ม

เสียวหมี่จัดงานเปิดตัวภายใต้ธีม "Leap Beyond the Moment" เพื่อประกาศเปิดตัว Xiaomi HyperOS ซึ่งจะเข้ามาขับเคลื่อนสมาร์ทอีโคซิสเต็มของอุปกรณ์ส่วนบุคคล รถยนต์ และผลิตภัณฑ์ในบ้าน โดยมุ่งเน้นไปที่เป้าหมายหลักสี่ประการ ได้แก่ การปรับโครงสร้างในระดับต่ำ (Low-level Refactoring), การเชื่อมต่ออัจฉริยะแบบ Cross-End (Cross-End Intelligent Connectivity), ระบบอัจฉริยะเชิงรุก (Proactive Intelligence), และการรักษาความปลอดภัยแบบครบวงจร (End-to-End Security) ซึ่ง Xiaomi HyperOS มุ่งมั่นที่จะมอบประสบการณ์แบบใหม่ให้กับผู้ใช้แบบงาน ทั้งนี้ Xiaomi HyperOS จะทำการติดตั้งล่วงหน้าในอุปกรณ์ที่เปิดตัวใหม่ ไม่ว่าจะเป็น Xiaomi 14 Series, Xiaomi Watch S3, Xiaomi TV S Pro 85" MiniLED และอุปกรณ์อื่นๆ ในตลาดภายในประเทศจีน

การปรับโครงสร้างในระดับต่ำ (Low-level Refactoring) - เพื่อปลดปล่อยศักยภาพสูงสุดของอุปกรณ์

เสียวหมี่ประสบความสำเร็จในการเติบโตอย่างน่าทึ่งในช่วง 13 ปีที่ผ่านมา โดยสามารถขยายฐานผู้ใช้งานจาก 100 รายเป็นจำนวนผู้ใช้งานที่มากถึง 1.175 พันล้านรายทั่วโลก ทั้งยังมาพร้อมกับผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายที่ครอบคลุมมากกว่า 200 หมวดหมู่ ในยุคของ Internet of Things เสียวหมี่ได้เผชิญกับความท้าทายในการดำเนินการผ่านความซับซ้อนที่เกิดขึ้นจากระบบปฏิบัติการของอุปกรณ์ที่หลากหลาย และความท้าทายในการทำงานร่วมกันระหว่างอีโคซิสเต็มต่างๆ และด้วยประสบการณ์นี้จึงเป็นแรงผลักดันให้เสียวหมี่สร้างสรรค์นวัตกรรมอันล้ำหน้าที่ไม่เคยมีมาก่อนจนเกิดเป็น Xiaomi HyperOS ซึ่ง Xiaomi HyperOS นั้นได้รับการพัฒนาขึ้นตั้งแต่ปี 2560 โดยถูกออกแบบมาเพื่อเชื่อมโยงผลิตภัณฑ์ IoT ต่างๆ ทั้งนี้ภารกิจของบริษัทคือการรวมอุปกรณ์ในอีโคซิสเต็มทั้งหมดให้เป็นระบบที่รวมกันเป็นหนึ่งเดียว โดยเป้าหมายสูงสุดคือการทำให้อุปกรณ์ทั้งหลายทำงานด้วยประสิทธิภาพสูงสุด พร้อมประสบการณ์ผู้ใช้งานที่มีเสถียรภาพและสอดคล้องกัน และอำนวยความสะดวกในการเชื่อมต่อที่ราบรื่นในทุกอุปกรณ์ของเสียวหมี่

ทั้งนี้แกนหลักของ Xiaomi HyperOS นั้นถูกสร้างขึ้นจาก Linux และ Xiaomi Vela ซึ่งเป็นระบบที่เสียวหมี่พัฒนาขึ้นเอง ส่งผลให้ระบบทำงานด้วยกันอย่างสอดคล้องรวมไปถึงความสามารถในการจัดการทรัพยากรของระบบที่แม่นยำทำให้ทุกอุปกรณ์สามารถมอบประสิทธิภาพอย่างเหนือระดับ เลเยอร์พื้นฐานของ Xiaomi HyperOS นั้นรองรับแพลตฟอร์มโปรเซสเซอร์มากกว่า 200 แพลตฟอร์ม และระบบไฟล์มาตรฐานมากกว่า 20 ระบบ ครอบคลุมอุปกรณ์หลายร้อยประเภทและ SKU หลายพันรายการ โดยที่ระบบจะเข้ามาช่วยในการกำหนดค่า การทำงาน และการใช้งานได้อย่างยืดหยุ่นตามข้อกำหนดของฮาร์ดแวร์ นอกจากนี้ช่วงขนาดของ RAM ของอุปกรณ์นั้นยังรองรับครอบคลุมตั้งแต่ขนาดเล็ก 64KB ไปจนถึงขนาดใหญ่ถึง 24GB ทั้งนี้การทำงานตามหลักการของการกำหนดค่าทรัพยากรที่จำเป็นตามฮาร์ดแวร์ที่แตกต่างกันออกไป ควบคู่ไปกับการขจัดข้อมูลซ้ำซ้อนของไฟล์และการบีบอัดสแต็ก IO พื้นฐาน จึงทำให้ Xiaomi HyperOS มีน้ำหนักเบา โดยระบบเฟิร์มแวร์บนสมาร์ทโฟนจะใช้พื้นที่เพียง 8.75GB เท่านั้น ซึ่งถือเป็นการปรับปรุงที่สำคัญเหนือคู่แข่ง

Xiaomi HyperOS นั้นมีความสามารถในการกำหนดเวลาที่ได้รับการปรับปรุงซึ่งสามารถสั่งฮาร์ดแวร์และการดำเนินการได้อย่างแม่นยำในสถานการณ์ที่หลากหลายและซับซ้อน ซึ่งสามารถทำได้ด้วยวิธีทางเทคนิคต่างๆ เช่น การปรับลำดับความสำคัญของเธรดแบบไดนามิก และการประเมินระบบงานแบบไดนามิก ส่งผลให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดและประสิทธิภาพในการใช้พลังงานอย่างดีเยี่ยม นอกจากนี้การเล่นเกมที่ใช้ทรัพยากรมากมายบนสมาร์ทโฟนที่ได้รับติดตั้ง Xiaomi HyperOS แล้วจะช่วยให้อัตราเฟรมมีเสถียรภาพมากขึ้นและสิ้นเปลืองพลังงานน้อยลงเมื่อเทียบกับ stock Android และระบบปฏิบัติการอื่นๆ ที่ได้รับการปรับแต่งอย่างมาก1 ทั้งนี้ในอุปกรณ์รุ่นพื้นฐานที่มีพลังการประมวลผลจำกัด ข้อดีในการตั้งเวลาของ Xiaomi HyperOS จะยิ่งเห็นได้ชัดเจนยิ่งขึ้น โดยจะรองรับการแบ่งงานระหว่างหน่วยประมวลผลหลายหน่วยเพื่อการประมวลผลร่วมกัน ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของฮาร์ดแวร์ให้สูงสุด นอกจากนี้ Xiaomi HyperOS ยังได้รับการปรับโครงสร้างโมดูลทางเทคนิคใหม่อย่างครอบคลุม ซึ่งรวมไปถึงระบบไฟล์ การจัดการหน่วยความจำ ระบบย่อยของการถ่ายภาพ และระบบเครือข่าย ทั้งหมดนี้เพื่อมุ่งเป้าไปที่การควบคุมและเพิ่มประสิทธิภาพความสามารถด้านฮาร์ดแวร์ที่แตกต่างกันของอุปกรณ์ต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด

การเชื่อมต่ออัจฉริยะแบบ Cross-End (Cross-End Intelligent Connectivity) - HyperConnect นำการเชื่อมต่อขึ้นไปสู่อีกขั้น

นอกเหนือจากการแสวงหาความเป็นเลิศในด้านประสิทธิภาพแบบ single-end แล้ว Xiaomi HyperOS ยังทำลายข้อจำกัดของสถาปัตยกรรมระบบแบบเดิมๆ โดยหัวใจหลักคือ HyperConnect ซึ่งเป็นโครงสร้างการเชื่อมต่ออัจฉริยะแบบ Cross-End ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ มาช่วยอำนวยความสะดวกในการเชื่อมต่อเครือข่ายแบบเรียลไทม์ระหว่างอุปกรณ์จำนวนมาก ด้วยการเปิดตัวศูนย์กลางของอุปกรณ์แบบครบวงจร ผู้ใช้สามารถควบคุมอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกันได้เกือบทั้งหมด ทำให้พวกเขาสามารถตรวจสอบและจัดการระบบอีโคซิสเต็มที่เชื่อมต่อระหว่างกันได้อย่างง่ายดายจากทุกที่ ไม่ว่าจะเป็นที่บ้าน บนท้องถนน หรือที่ออฟฟิศ นี่ถือเป็นการก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ของความสะดวกสบายและประสิทธิภาพขั้นสูงสำหรับผู้ใช้งาน เนื่องจากพวกเขาสามารถระบุและใช้งานอุปกรณ์ทั้งหมดภายในอีโคซิสเต็มของเสียวหมี่ได้อย่างราบรื่น

Xiaomi HyperOS ผสานอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อทั้งหมดเข้าด้วยกันและช่วยให้ซอฟต์แวร์สามารถปรับให้เข้ากับความต้องการของผู้ใช้งาน โดยที่สามารถสลับแหล่งที่มาของกล้องได้อย่างราบรื่นในระหว่างการประชุมทางวิดีโอ การเข้าถึงกล้องในรถยนต์จากโทรศัพท์ของคุณ หรือเข้าถึงกล้องด้านหลังของสมาร์ทโฟนในขณะที่คุณใช้แท็บเล็ตหรือแล็ปท็อปได้ หรือแม้แต่เชื่อมต่อแท็บเล็ตของคุณกับอินเทอร์เน็ตผ่านสมาร์ทโฟนของคุณก็ได้เช่นกัน นอกจากนี้คุณยังสามารถย้าย แอป เนื้อหาบนคลิปบอร์ด และการแจ้งเตือนระหว่างอุปกรณ์ต่างๆ ได้อย่างง่ายดายตามที่คุณต้องการ

ระบบอัจฉริยะเชิงรุก (Proactive Intelligence) - ช่วยให้อุปกรณ์เข้าใจถึงวัตถุประสงค์ในการใช้งานของผู้ใช้

ในยุคของ Internet of Things การเชื่อมต่อข้ามอุปกรณ์และการบูรณาการความสามารถถือเป็นสิ่งสำคัญ Xiaomi HyperOS นั้นก้าวขึ้นไปอีกขั้นด้วยการผสมผสานระบบย่อยของ AI ที่รองรับเทคโนโลยี AI ขั้นสูง จึงทำให้อุปกรณ์สามารถช่วยเหลือผู้ใช้งานในเชิงรุกได้

HyperMind เป็นศูนย์กลางการรับรู้ของอีโคซิสเต็มของอุปกรณ์ของเสียวหมี่ โดยนำการเชื่อมต่อข้ามอุปกรณ์ที่คิดค้นมาสู่ยุคของ 'ระบบอัจฉริยะเชิงรุก (Proactive Intelligence)' ที่ช่วยให้อุปกรณ์มีความเข้าใจในความต้องการของผู้ใช้ในเชิงรุกและดำเนินการตามนั้น โดย HyperMind จะใช้ความสามารถในการรับรู้สี่ประการของอุปกรณ์ ได้แก่ สภาพแวดล้อม การมองเห็น เสียง และพฤติกรรม เพื่อเรียนรู้ความต้องการของผู้ใช้และปรับอุปกรณ์ให้ตรงกับความต้องการของพวกเขาโดยอัตโนมัติ ตัวอย่างเช่น หากผู้ใช้เปิดไฟห้องนั่งเล่นเสมอเมื่อทำการปลดล็อคของล็อคประตูอัจฉริยะ HyperMind จะทำให้เปิดไฟห้องโดยอัตโนมัติหลังจากเรียนรู้การใช้งานรูปแบบนี้หลังจากที่ขอความยินยอมจากผู้ใช้แล้ว นวัตกรรมนี้จะช่วยลดความยุ่งยากในการเชื่อมต่อข้ามอุปกรณ์ที่ซับซ้อนและลดต้นทุนการเรียนรู้ของเครื่องแบบดั้งเดิม ทำให้ผู้ใช้สามารถเพลิดเพลินกับความสะดวกสบายในการเชื่อมต่ออุปกรณ์โดยไม่จำเป็นต้องเข้าใจตรรกะที่ซับซ้อนหรือกลไกในการทำงาน

Xiaomi HyperOS ใช้โมเดลพื้นฐานขนาดใหญ่ จึงช่วยให้สามารถเสริมศักยภาพให้กับระบบแอปพลิเคชันได้ ปัจจุบัน Xiaomi AI Assistant ช่วยให้คุณสามารถเข้าถึงความสามารถในการสร้างข้อความของโมเดลพื้นฐานขนาดใหญ่ได้โดยตรงผ่านทางอินเทอร์เฟซของผู้ใช้งาน ทำให้สามารถทำงานต่างๆ ได้ เช่น การสร้างคำพูดและการสรุปบทความได้ ฟีเจอร์คำบรรยายแบบเรียลไทม์ยังได้รับการปรับปรุงเพื่อถอดเสียงการสนทนาการประชุมทางวิดีโอเป็นบันทึกย่อและข้อมูลสรุปการประชุมอัจฉริยะได้อีกด้วย ผู้ใช้ยังสามารถใช้วลีที่พูดเพื่อค้นหาภาพในอัลบั้มภาพและสร้างภาพ AI ตามภาพบุคคลที่มีอยู่ นอกจากนี้แอป "Mi Canvas" เวอร์ชันแท็บเล็ตยังทำการเพิ่มแปรง AI ที่สามารถเปลี่ยนภาพขีดเขียนอันแสนธรรมดาๆ ให้กลายเป็นงานศิลปะอันงดงามได้ ทั้งนี้แอปพลิเคชันอื่นๆ ยังสามารถใช้ประโยชน์จากศักยภาพของระบบย่อย AI เช่น การทำความเข้าใจเอกสารผ่านภาพหน้าจอภายใน WPS หรือการสร้างการนำเสนอด้วยคำสั่งเดียวได้อีกด้วย

และเพื่อการปรับใช้โมเดลพื้นฐานขนาดใหญ่อย่างมีประสิทธิภาพ Xiaomi HyperOS ยังใช้ประโยชน์จากระบบย่อย AI เพื่อรวมเข้ากับ NPU ของอุปกรณ์ การรองรับนี้ยังขยายไปถึงรุ่นพื้นฐานขนาดใหญ่ที่เสียวหมี่พัฒนาขึ้นเองบนสมาร์ทโฟนอีกด้วย ยกตัวอย่างโดยรุ่นพื้นฐานการถ่ายภาพ ซึ่งลดขนาดรุ่นและการใช้หน่วยความจำลง 75% และลดเวลาในการวาดจาก 100 วินาทีเหลือเพียง 5 วินาที1 เท่านั้น ความสามารถในการสร้างภาพที่ปรับปรุงแล้วเหล่านี้ นำไปสู่การปรับปรุงฟีเจอร์ต่างๆ เช่น 'Text to Image' และ 'Image Extender' ของ Xiaomi AI Assistant ในอัลบั้มรูปภาพของอุปกรณ์

การรักษาความปลอดภัยแบบครบวงจร (End-to-End Security) - ปกป้องผู้ใช้งานในทุกสถานการณ์

ที่เสียวหมี่ความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของผู้ใช้งานถือเป็นรากฐานสำคัญของประสบการณ์การใช้งานของผู้ใช้ทั้งหมด เสียวหมี่จึงมีความมุ่งมั่นที่จะทำการปรับปรุงอย่างต่อเนื่องในด้านนี้ โดยมีการใช้ TEE ที่พัฒนาขึ้นเองของเสียวหมี่ทำหน้าที่เป็นรากฐานของระบบย่อยในการรักษาความปลอดภัย ระบบปฏิบัติการรักษาความปลอดภัยแบบแยกส่วนนี้ทำงานบนฮาร์ดแวร์เฉพาะ สร้างขึ้นโดยมีจุดประสงค์เพื่อปกป้องข้อมูลที่ละเอียดอ่อน ครอบคลุมฟีเจอร์ความปลอดภัยที่หลากหลายในสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์ AIoT เช่น ไบโอเมตริก รหัสผ่าน และการล็อคหน้าจอ

Xiaomi HyperOS ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยเป็นอย่างยิ่ง โดยขยายขอบเขตการป้องกันออกไปไม่เพียงแต่ไปยังอุปกรณ์ของแต่ละเครื่องเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงโมดูลความปลอดภัยที่เชื่อมต่อถึงกันด้วย TEE ที่ใช้โมดูลความปลอดภัยที่เชื่อมต่อถึงกันนี้ช่วยให้มั่นใจได้ถึงความไว้วางใจซึ่งกันและกันระหว่างอุปกรณ์ภายในเครือข่าย และเพื่อปกป้องเครือข่ายทั้งหมดยิ่งขึ้นไปอีกขั้น Xiaomi HyperOS ใช้การเข้ารหัสจากต้นทางถึงปลายทางผ่าน TEE สำหรับการส่งข้อมูลระหว่างอุปกรณ์

โอเพ่นแชร์ริ่ง (Open Sharing) - ร่วมสร้างและแบ่งปันอีโคซิสเต็มอัจฉริยะ

Xiaomi HyperOS ปฏิบัติตามหลักการของโอเพ่นซอร์ส โดยส่งเสริมอีโคซิสเต็มของซอฟต์แวร์แบบเปิดอย่างกระตือรือร้น และยินดีต้อนรับพันธมิตรที่จะเข้าร่วมกับเราในการสร้างอีโคซิสเต็มอัจฉริยะ และมอบประสบการณ์ผู้ใช้ที่ดียิ่งขึ้นร่วมกัน

เสียวหมี่มีความภูมิใจที่จะประกาศเปิดตัว Xiaomi Vela ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มซอฟต์แวร์ IoT ที่ออกแบบมาสำหรับผลิตภัณฑ์ IoT สำหรับผู้บริโภคโดยเฉพาะ แพลตฟอร์มนี้พัฒนาขึ้นอย่างอิสระโดยเสียวหมี่ โดยใช้ระบบปฏิบัติการแบบเรียลไทม์ NuttX แบบโอเพ่นซอร์ส Xiaomi Vela มอบแพลตฟอร์มซอฟต์แวร์ที่เหมือนกันบนฮาร์ดแวร์ของ IoT ต่างๆ เพื่อให้เกิดการพัฒนาที่ง่ายขึ้นโดยการสรุปความแตกต่างของฮาร์ดแวร์ที่ซ่อนอยู่ และมอบอินเทอร์เฟซซอฟต์แวร์แบบครบวงจรสำหรับนักพัฒนาระดับสูง แนวทางนี้รวมเอาสถานการณ์การใช้งานที่แตกต่างกัน การปรับปรุงการพัฒนา และเพิ่มประสิทธิภาพเข้าด้วยกัน ด้วยการทำให้ Xiaomi Vela เป็นโอเพ่นซอร์สแก่ผู้ผลิตและนักพัฒนาอุปกรณ์ IoT นั้น เสียวหมี่กำลังส่งเสริมนวัตกรรมอุปกรณ์ IoT ปรับปรุงประสิทธิภาพ และเปิดใช้งานความสามารถในการเชื่อมต่อแบบเรียลไทม์ผ่านอุปกรณ์หลากหลายประเภท

Xiaomi HyperOS เป็นระบบปฏิบัติการที่เน้นมนุษย์เป็นศูนย์กลาง โดยถูกออกแบบมาและปรับแต่งเพื่อเชื่อมต่อเข้ากับอุปกรณ์ส่วนบุคคล รถยนต์ และผลิตภัณฑ์บ้านอัจฉริยะในอีโคซิสเต็มอัจฉริยะ ระบบดังกล่าวถือเป็นการก้าวสำคัญในการก้าวไปข้างหน้าของวิสัยทัศน์เชิงกลยุทธ์ของเสียวหมี่ในการส่งมอบอีโคซิสเต็มอัจฉริยะ "มนุษย์ x รถยนต์ x บ้าน"

Xiaomi 14 Series ที่เปิดตัวในประเทศจีนจะมาพร้อมกับ Xiaomi HyperOS ที่ติดตั้งไว้ล่วงหน้า พร้อมด้วยอุปกรณ์เสียวหมี่ที่เปิดตัวในตลาดภายในประเทศจีน เช่น Xiaomi Watch S3, Xiaomi TV S Pro 85" miniLED และอื่นๆ อีกมากมาย

หมายเหตุ

¹ ข้อมูลทดสอบในห้องปฏิบัติการภายในของเสียวหมี่ ผลลัพธ์จริงอาจแตกต่างกันไป