16 พ.ย. 2566 459 0

ดุสิต ฟู้ดส์ เร่งขยายฐานลูกค้า ส่งบริษัทลูก ดุสิต กาสโทร จับมือ บัซซี่บีส์ ยกระดับอุตสาหกรรมอาหาร คาเฟ่ โรงแรม เปิดตัวโซลูชันเพิ่มยอดขายแบบครบวงจร

ดุสิต ฟู้ดส์ เร่งขยายฐานลูกค้า ส่งบริษัทลูก ดุสิต กาสโทร จับมือ บัซซี่บีส์ ยกระดับอุตสาหกรรมอาหาร คาเฟ่ โรงแรม เปิดตัวโซลูชันเพิ่มยอดขายแบบครบวงจร

ปัจจุบันสถิติผู้บริโภคที่มีความจงรักภักดีต่อแบรนด์ลดลง โดยผู้บริโภค 1 ใน 3 หรือ 33% เริ่มมองหาแบรนด์ใหม่ ๆ และ 61% พร้อมที่จะเปลี่ยนแบรนด์ภายใน 2 เดือน ทำให้ทุกธุรกิจในยุคดิจิทัลรวมถึงธุรกิจ HoReCa ซึ่งประกอบไปด้วยโรงแรม (Hotel) ร้านอาหาร (Restaurant) ร้านกาแฟและธุรกิจจัดเลี้ยง (Café and Catering) ต้องปรับกลยุทธ์ใหม่ให้สามารถแข่งขันได้ โดยใช้เทคโนโลยี AI รวมถึงการสร้าง Ecosystem เพื่อเป็นตัวช่วยในการบริหารจัดการธุรกิจและเพิ่มรายได้แบบก้าวกระโดด ซึ่งเป็นเทรนด์การทำธุรกิจในยุคปัจจุบัน เพื่อให้พร้อมรับมือกับพฤติกรรมและไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว


ในการตอบโจทย์เทรนด์ดังกล่าว บัซซี่บีส์ (BUZZEBEES) ผู้นำด้าน CRM & Digital Engagement ของไทย ได้จับมือกับ ดุสิต ฟู้ดส์ ธุรกิจด้านอาหารภายใต้กลุ่มดุสิตธานี จัดงาน ‘Revolutionising HoReCa: Driving growth through food solutions and MarTech’ เพื่อแนะนำโซลูชั่นและเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่จะช่วยส่งเสริมการดำเนินธุรกิจสำหรับอุตสาหกรรม HoReCa ให้มีประสิทธิภาพและสามารถสร้างรายได้เพิ่มขึ้น ณ โรงแรมปทุมวัน ปริ๊นเซส กรุงเทพฯ


มณิศา มิตรไพบูลย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดุสิต ฟู้ดส์ จำกัด กล่าวว่า “การรุกทำตลาด HoReCa ผ่าน ‘ดุสิต กาสโทร’ ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ดุสิต ฟู้ดส์ ถือหุ้น 100% ว่าดุสิต กาสโทร มีความเข้าใจถึงความต้องการของผู้ประกอบการในอุตสาหกรรม HoReCa อย่างถ่องแท้ เนื่องจากกลุ่มดุสิตธานีเองอยู่ในธุรกิจการบริหารโรงแรมและการบริการมายาวนาน มีโรงแรมและรีสอร์ตรวมถึงวิลลาหรูให้เช่ากว่า 290 แห่งทั่วโลก รวมถึงร้านอาหารบ้านดุสิตธานี นอกจากนี้ยังให้บริการจัดเลี้ยงมากกว่า 40,000 มื้อต่อวัน จึงมีประสบการณ์รับมือกับเพนพอยต์และปัญหาต่าง ๆ โดยเฉพาะในด้านการผลิตและจัดหาสินค้าที่มีคุณภาพได้มาตรฐานและมีความหลากหลายในราคาที่สมเหตุผล และได้เล็งเห็นโอกาสในตลาดนี้ ด้วยความพร้อมด้านโซลูชันอาหารแบบครบวงจรตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ประกอบด้วยโรงงานผลิตเบเกอรีขนาดใหญ่ที่สามารถผลิตสินค้าด้วยวัตถุดิบและขนาดตามงบประมาณที่ลูกค้าต้องการได้ทุกประเภท บริการจัดเลี้ยงสำหรับธุรกิจประเภทต่าง ๆ ไปจนถึงการจับมือกับพาร์ตเนอร์ที่มีจุดแข็งด้านเทคโนโลยีในการออกแบบและผลิตสินค้าที่ตรงตามความต้องการของลูกค้า ซึ่งสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารต้นทุนและแรงงาน และในขณะเดียวกันยังสามารถช่วยเพิ่มความหลากหลายของสินค้า นำไปสู่รายได้ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งกลุ่มลูกค้าของ ดุสิต กาสโทร ในปัจจุบันมีทั้งธุรกิจในเครือดุสิตธานีและแบรนด์ร้านอาหาร คาเฟ่ และร้านสะดวกซื้อชั้นนำในประเทศไทย

“ด้วยประสบการณ์และความชำนาญของเรา รวมถึงการลงทุนสร้างความพร้อมครอบคลุมทั่วทั้งซัปพลายเชน ดุสิต กาสโทร มีความพร้อมที่จะร่วมเป็นพาร์ตเนอร์ด้านฟู้ดโซลูชันแบบครบวงจรให้กับผู้ประกอบการ HoReCa เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการธุรกิจ โดยเฉพาะเรื่องต้นทุนแรงงาน วัตถุดิบ อุปกรณ์เครื่องมือ ตลอดจนการพัฒนาผลิตภัณฑ์แบบ Customized เพื่อให้แบรนด์สามารถสร้างจุดขายขยายกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ซึ่งสามารถพัฒนาต่อไปเป็นลูกค้าระยะยาวได้” มณิศาทิ้งท้าย  


ด้าน ณัฐธิดา สงวนสิน กรรมการผู้จัดการและผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท บัซซี่บีส์ จำกัด กล่าวว่า “แนวโน้มของธุรกิจ HoReCa ในปัจจุบันหากเทียบกับ 10 ปีก่อน เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ทุกวันนี้มีร้านค้าเกิดใหม่เพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ มีการแข่งขันสูงมาก ขณะที่พฤติกรรมผู้บริโภคก็เปลี่ยนไปมากเช่นกัน ทุกวันนี้ผู้บริโภคต้องการได้รับประสบการณ์ใหม่ ๆ และพร้อมที่จะเปลี่ยนร้านอยู่ตลอดเวลา ซึ่งหากร้านใดสามารถทำธุรกิจให้ตอบโจทย์ลูกค้าได้แบบ Personalized โดยการใช้ Data-Driven วิเคราะห์ความต้องการของลูกค้า รวมถึงใช้ Data เพื่อพัฒนาการบริหารจัดการในส่วนหน้าร้านและหลังร้าน (Operation) ก็จะทำให้ธุรกิจสามารถสร้างกำไรได้มากกว่า 19 เท่า สามารถรักษาฐานลูกค้าได้กว่า 6 เท่า และแข่งขันได้ ทำให้ปัจจุบันหลายแบรนด์เริ่มลงทุนให้พนักงานเข้า Training เพื่อให้สามารถใช้งานเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่หน้าร้านและหลังร้านได้ รวมถึงใช้ AI เข้ามาช่วยในการบริหารจัดการธุรกิจแบรนด์ รวมถึงการนำพาธุรกิจเข้าไปอยู่ในระบบ Ecosystem ซึ่งถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่เพิ่มโอกาสทางธุรกิจให้สามารถเติบโตไปด้วยกันได้อย่างก้าวกระโดดและยั่งยืน นับเป็นเทรนด์ใหม่ที่กำลังมาแรง


ปัจจุบัน บัซซี่บีส์มีผู้ใช้งานบน Ecosystem กว่า 150 ล้านบัญชี โดยพัฒนาแพลตฟอร์มให้ลูกค้าไปกว่า 1,200 แพลตฟอร์ม และมีร้านค้าที่รับแลกของรางวัลกว่า 30,000 แห่งทั่วประเทศ และจากสถิติของบัซซี่บีส์ปี 2023 พบว่า รายได้กว่า 25% ของแบรนด์พาร์ตเนอร์มาจากการเข้าร่วมเป็นพาร์ตเนอร์ด้านบริการจัดหาของรางวัล (Rewards & Privileges) กับบัซซี่บีส์, ผู้บริโภคมีการแลกของรางวัลประเภทอาหารและเครื่องดื่มสูงสุดในทุกหมวดหมู่, ของรางวัลประเภทอาหารและเครื่องดื่ม มีจำนวนการแลกของรางวัลเติบโตขึ้นกว่า 50% เทียบกับปีที่ผ่านมา และมีการแลกรับของรางวัลที่เป็นประเภทอาหารและเครื่องดื่มทั้งหมด 10 ล้านครั้งต่อปี จากสถิตินี้จะเห็นได้ว่าการที่ธุรกิจ HoReCa เข้ามาเป็นพาร์ตเนอร์ใน Ecosystem ของบัซซี่บีส์ สามารถเพิ่มโอกาสการเติบโตให้กับธุรกิจได้อย่างก้าวกระโดด เนื่องจากบัซซี่บีส์มีพาร์ตเนอร์ทางธุรกิจขนาดใหญ่และผู้ใช้งานที่มีจำนวนมากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้


ขณะที่ ณัฐนันท์ ฉันทปริยวาท ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายกลยุทธ์ บริษัท บัซซี่บีส์ จำกัด กล่าวว่า “ความร่วมมือระหว่างดุสิต ฟู้ดส์ และบัซซี่บีส์ ในครั้งนี้นับเป็นอีกมิติในการยกระดับอุตสาหกรรม HoReCa ด้วยการนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ ทั้งในด้านการบริหารจัดการธุรกิจ ด้านการพัฒนาแพลตฟอร์ม และด้าน Social Media Marketing มาปรับใช้ในการทำการตลาดในยุค MarTech (Marketing Technology) ซึ่งจะช่วยเพิ่มรายได้ให้กับธุรกิจ HoReCa ซึ่ง BUZZEBEES ได้เข้ามาสนับสนุน Dusit Foods ใน 3 ส่วนหลัก ๆ ได้แก่

1. การนำวัตถุดิบสำหรับผลิตภัณฑ์อาหารของ Dusit Foods เข้ามาอยู่บนระบบแพลตฟอร์ม ShopDD ซึ่งเป็นแพลตฟอร์ม B2B Marketplace ของ BUZZEBEES ที่เชื่อมกับระบบบริหารจัดการร้านค้า (B-POS) โดยร้านอาหาร ร้านกาแฟสามารถกดสั่งวัตถุดิบต่าง ๆ ที่มาจากดุสิต ฟู้ดส์ รวมถึงพาร์ตเนอร์อื่น ๆ ผ่านเครื่อง POS ได้ทันที เพิ่มความสะดวกให้กับเจ้าของธุรกิจ

2. กลุ่มธุรกิจ HoReCa สามารถรับชำระบบเงินด้วยคะแนนสะสม (Pay-with-Point) ผ่านแพลตฟอร์ม mePoint ของบัซซี่บีส์ โดยบัซซี่บีส์สามารถนำแคมเปญของร้านค้าไปโปรโมทบนแอปพลิเคชันของธนาคารและสถาบันการเงินชั้นนำที่เป็นพันธมิตรได้ ซึ่งจะช่วยให้ธุรกิจโรงแรม ร้านอาหาร ร้านกาแฟ เพิ่มช่องทางการขายและเพิ่มโอกาสขยายฐานลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น   

3. การใช้ Social Media Marketing โดยการดึงอินฟลูเอนเซอร์, KOLs และร้านค้าที่ต้องการเพิ่มยอดขายมาอยู่บนแพลตฟอร์มของมีเดียบัซ (MEDIABUZZ) ซึ่งเป็นหน่วยธุรกิจใหม่ของบัซซี่บีส์ ให้บริการด้านการตลาดดิจิทัลและอินฟลูเอนเซอร์ โดยร้านค้าสามารถจ่ายค่าคอมมิชชันให้กับอินฟลูเอนเซอร์ได้ตามยอดขายที่ลูกค้าเข้ามาใช้บริการได้ตามจริง (Affiliate Marketing Model) เพิ่มโอกาสการสร้างรายได้ให้ทั้งร้านค้าและอินฟลูเอนเซอร์”