25 ธ.ค. 2566 631 15

ทรู คอร์ปอเรชั่น เตรียมออกหุ้นกู้อายุ 1 ปี 3 เดือน ถึง 10 ปี ดอกเบี้ย [3.10 – 4.70]% ต่อปี คาดเปิดให้จอง 26 และ 29 - 30 มกราคม 2567

ทรู คอร์ปอเรชั่น เตรียมออกหุ้นกู้อายุ 1 ปี 3 เดือน ถึง 10 ปี ดอกเบี้ย [3.10 – 4.70]% ต่อปี คาดเปิดให้จอง 26 และ 29 - 30 มกราคม 2567

ทรู คอร์ปอเรชั่น” เตรียมออกหุ้นกู้อายุ 1 ปี 3 เดือน ถึง 10 ปี ดอกเบี้ย [3.10 – 4.70]% ต่อปี อันดับความน่าเชื่อถือระดับ A+ คาดเปิดให้จอง 26 และ 29 - 30 มกราคม 2567

บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) บริษัทโทรคมนาคม-เทคโนโลยีชั้นนำอันดับ 1 ของไทย และอันดับ 1 ดัชนีความยั่งยืน DJSI 2023 ในกลุ่มอุตสาหกรรมโทรคมนาคมเป็นปีที่ 6 ติดต่อกัน เตรียมเสนอขายหุ้นกู้ครั้งใหม่ให้แก่ผู้ลงทุนทั่วไปจำนวน 5 ชุด อายุหุ้นกู้ตั้งแต่ 1 ปี 3 เดือน ถึง 10 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ระหว่าง [3.10-4.70]% ต่อปี ด้วยอันดับความน่าเชื่อถือระดับ A+ แนวโน้ม “คงที่” (Stable) จากทริสเรทติ้ง สะท้อนความแข็งแกร่งของสถานะบริษัทใหม่ที่เกิดจากการควบรวมระหว่างทรูและดีแทค ที่มีความมั่นคงยิ่งขึ้นทั้งในธุรกิจโทรคมนาคม และธุรกิจเทคโนโลยีดิจิทัล คาดเปิดให้จองซื้อระหว่างวันที่ 26 และวันที่ 29 – 30 มกราคม 2567 โดยมีธนาคารกรุงเทพ กสิกรไทย ไทยพาณิชย์ ซีไอเอ็มบี ไทย ยูโอบี และบริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส เป็นผู้จัดการการจำหน่ายหุ้นกู้ในครั้งนี้


ยุภา ลีวงศ์เจริญ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการเงิน (ร่วม) บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “การออกหุ้นกู้ครั้งนี้เป็นการออกหุ้นกู้ภายใต้บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น ที่เกิดจาการควบรวมและผสานจุดแข็งระหว่างทรูและดีแทค ทำให้บริษัทมีรากฐานแข็งแกร่งยิ่งขึ้น สะท้อนได้จากผลการดำเนินงานที่ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องทั้งรายได้ค่าบริการและยอดผู้ใช้งานในไตรมาสที่ผ่านมา   ขณะที่การบูรณาการเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพและลดต้นทุนเชิงโครงสร้างนำไปสู่การเพิ่มขึ้นของ EBITDA สามไตรมาสติดต่อกัน  บริษัทมั่นใจว่าหุ้นกู้ที่จะออกในครั้งนี้จะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้ลงทุนทั่วไปที่ต้องการลงทุนในบริษัทที่มีชื่อเสียง มีความมั่นคง และอยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้รับผลบวกจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวและให้ผลตอบแทนที่ดีสำหรับการลงทุนเพื่ออนาคต ทั้งนี้บริษัทจะยังคงมุ่งมั่นยกระดับการดำเนินงานเพื่อส่งมอบคุณค่าที่ดียิ่งกว่าสู่ผู้บริโภคและภาคธุรกิจ พร้อมสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมไทย”

ทั้งนี้ ในไตรมาส 3 ปี 2566 ที่ผ่านมา ผลการดำเนินงานของบริษัทมีแนวโน้มดีขึ้นโดยได้แรงหนุนจากรายได้ค่าบริการและจำนวนผู้ใช้งานที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับการปรับปรุงประสิทธิภาพและลดต้นทุนภายหลังการควบรวมเป็นไปตามแผนที่วางไว้ ส่งผลให้บริษัทมีกำไรจากการดำเนินงานก่อนหักดอกเบี้ย ภาษีและค่าเสื่อมราคา หรือ EBITDA ดีขึ้นติดต่อกันเป็นไตรมาสที่สามนับตั้งแต่การควบรวม ส่งผลให้สถานะทางการเงินของบริษัทแข็งแกร่งยิ่งขึ้น

ในด้านการรวมโครงข่ายสัญญาณเป็นโครงข่ายเดียว (“โครงการ Single Grid”) ซึ่งเริ่มดำเนินการเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา มีความคืบหน้าไปมากตามแผน ตอกย้ำความตั้งใจของบริษัทที่มุ่งส่งมอบบริการที่ดียิ่งกว่าให้แก่ลูกค้าที่เติบโตต่อเนื่อง ด้วยคุณภาพสัญญาณที่ดียิ่งขึ้นผ่านการขยายโครงข่ายและการบริหารจัดการสถานีฐานอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้โครงการ Single Grid จะเดินหน้าอย่างเต็มที่ในไตรมาส 4 ตามแผนที่วางไว้

ล่าสุดเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2566 S&P Global ประกาศให้ ทรู คอร์ปอเรชั่น ได้รับการจัดอันดับดัชนีความยั่งยืนระดับโลก Dow Jones Sustainability Indices (DJSI) ปี 2023 โดยได้คะแนนสูงสุดในกลุ่มโทรคมนาคมของโลกต่อเนื่องเป็นปีที่ 6 ด้วยยุทธศาสตร์สร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงระบบทุกมิติ ชูนวัตกรรมปัญญาประดิษฐ์ เพิ่มประสิทธิภาพธุรกิจ ลดการใช้พลังงาน เสริมทักษะดิจิทัล นำศักยภาพเทคโนโลยีดิจิทัลลดความเหลื่อมล้ำด้านการศึกษา พร้อมขยายผลกระบวนการธุรกิจที่เคารพสิทธิมนุษยชนตลอดห่วงโซ่อุปทาน หนุนธรรมาภิบาล โปร่งใส ตรวจสอบได้ และต่อต้านการทุจริตทุกรูปแบบ

บริษัทและหุ้นกู้ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ A+ แนวโน้ม “คงที่” (Stable) จากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2566 ซึ่งสะท้อนถึงสถานะความเสี่ยงด้านการเงินและด้านธุรกิจที่ดียิ่งขึ้น ทั้งตำแหน่งทางการตลาด (market position) ที่แข็งแกร่งในตลาดโทรศัพท์เคลื่อนที่และอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ เสริมทัพด้วยโครงข่ายทั่วประเทศ ชุดคลื่นความถี่ที่ครอบคลุม และชื่อแบรนด์ที่ผู้บริโภคเชื่อถือ อีกทั้งปัจจัยบวกด้านเศรษฐกิจมหภาค อาทิ ตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของ GDP ประเทศไทย อันเนื่องมาจากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวหลังสถานการณ์โควิด-19 เริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ

หุ้นกู้ครั้งนี้จะเสนอขายแก่ผู้ลงทุนเป็นการทั่วไป (Public Offering) โดยมีอายุหุ้นกู้ระหว่าง 1 ปี 3 เดือน ถึง 10 ปี เพื่อรองรับความต้องการของนักลงทุนทุกกลุ่ม นักลงทุนที่ชอบลงทุนระยะสั้นก็สามารถเลือกลงทุนในรุ่น 1 ปี 3 เดือน ถึง 3 ปี 3 เดือน   นักลงทุนที่ชอบลงทุนระยะกลางก็อาจเลือกลงทุนในรุ่น 5 ปี 3 เดือน หรือนักลงทุนท่านใดที่ชอบลงทุนระยะยาวและต้องการดอกเบี้ยเพื่อนำไปใช้จ่ายในชีวิตประจำวันก็อาจเลือกจะลงทุนในรุ่น 10 ปี เพราะให้ผลตอบแทนที่สูงกว่า โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลหรือ Yield Curve ที่ปรับตัวลดลงหลังจากที่ธนาคารกลางประเทศหลักๆ เช่น ธนาคารกลางสหรัฐฯ ธนาคารกลางยุโรป และธนาคารกลางอังกฤษ เริ่มส่งสัญญาณหยุดการขึ้นอัตราดอกเบี้ย และบางประเทศเริ่มมีการพูดถึงการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปี 2567 หลังจากเงินเฟ้อเริ่มส่งสัญญาณชะลอตัวลง   ทำให้การลงทุนในหุ้นกู้ในช่วงที่ธนาคารกลางประเทศต่างๆ ยังไม่มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ โดยเฉพาะหุ้นกู้ของบริษัทที่มีอันดับความน่าเชื่อถือสูงๆ และ TRUE ก็เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจ โดยมีอันดับความน่าเชื่อถือระดับ A+ และไม่เคยมีประวัติผิดนัดชำระหนี้หรือเลื่อนการชำระหนี้อีกด้วย

วัตถุประสงค์ในการออกหุ้นกู้ครั้งนี้เพื่อนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ไปใช้ในการชําระคืนหนี้หุ้นกู้ และ/หรือ  เพื่อชำระค่าคลื่นความถี่ และ/หรือ เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนรองรับการเติบโตของบริษัท  โดยเป็นหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ จ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือนตลอดอายุหุ้นกู้ คาดว่าจะเปิดให้จองซื้อระหว่างวันที่ 26 และวันที่ 29 – 30 มกราคม 2567 มูลค่าจองซื้อขั้นต่ำ 100,000 บาท และทวีคูณครั้งละ 100,000 บาท เสนอขายจำนวน 5 ชุด ดังนี้

1. หุ้นกู้ชุดที่ 1 อายุ 1 ปี 3 เดือน อัตราดอกเบี้ยคงที่ [3.10-3.20]% ต่อปี

2. หุ้นกู้ชุดที่ 2 อายุ 2 ปี 6 เดือน อัตราดอกเบี้ยคงที่ [3.50-3.70]% ต่อปี

3. หุ้นกู้ชุดที่ 3 อายุ 3 ปี 3 เดือน อัตราดอกเบี้ยคงที่ [3.75-3.90]% ต่อปี

4. หุ้นกู้ชุดที่ 4 อายุ 5 ปี 3 เดือน อัตราดอกเบี้ยคงที่ [4.10-4.25]% ต่อปี

5. หุ้นกู้ชุดที่ 5 อายุ 10 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ [4.50-4.70]% ต่อปี   ซึ่งผู้ออกหุ้นกู้มีสิทธิไถ่ถอนหุ้นกู้ได้เมื่อหุ้นกู้ครบปีที่ 5   

ทั้งนี้ บริษัทอยู่ระหว่างการยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายตราสารหนี้ และร่างหนังสือชี้ชวนซึ่งยังไม่มีผลบังคับใช้ เนื่องจากอยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงาน ก.ล.ต. ผู้ลงทุนสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้จากแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายตราสารหนี้ และร่างหนังสือชี้ชวนที่ www.sec.or.th หรือ สอบถามรายละเอียดที่ผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ทั้ง 6 แห่ง ได้แก่

  • ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ทุกสาขา (ยกเว้นสาขาไมโคร) หรือ โทร. 1333 หรือจองซื้อทางออนไลน์ผ่าน Bualuang mBanking
  • ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ทุกสาขา โทร. 02 888 8888 กด 819 หรือจองซื้อทางออนไลน์ผ่าน https://www.kasikornbank.com/kmyinvest (ยกเว้นบุคคลสัญชาติต่างด้าว และนิติบุคคล สามารถจองซื้อผ่านสำนักงานใหญ่และสาขา) และรวมถึงบริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะหน่วยงานขายของธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)
  • ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ทุกสาขา หรือ โทร. 02 777 6784 หรือจองซื้อทางออนไลน์ผ่านแอป SCB EASY และรวมถึงบริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด ในฐานะหน่วยงานขายของธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)
  • ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) ทุกสาขา หรือ โทร. 02 626 7777 หรือจองซื้อทางออนไลน์ผ่าน แอป CIMB Thai Digital Banking
  • ธนาคารยูโอบี จำกัด (มหาชน) ทุกสาขา หรือ โทร. 02 285 1555
  • บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด โทร. 02-680-4004

สำหรับผู้สนใจจองซื้อหุ้นกู้ผ่านแอปพลิเคชัน TrueMoney Wallet สามารถศึกษาเพิ่มเติมถึงรายละเอียด ขั้นตอน และวิธีการสมัคร TrueMoney Wallet Application และวิธีการจองซื้อ ได้ที่เว็บไซต์ www.truemoney.com หรือติดต่อขอคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่ของ บริษัท ทรู มันนี่ จำกัด โทร. 1240 กด 6