ปัจจุบัน Digital Advertising หรือ “โฆษณาออนไลน์” มีการเติบโตอย่างแข็งแกร่งต่อเนื่อง อ้างอิงสถิติจาก Statista พบว่าเม็ดเงินโฆษณาออนไลน์ทั่วโลกยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้คาดว่าจะมีเม็ดเงินสูงถึง 219,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 7.8 ล้านล้านบาท) เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ราว 6.18% ในขณะที่เม็ดเงินโฆษณาดิจิทัลในประเทศไทยคาดการณ์ว่าจะเติบโตมากถึง 1,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 6 หมื่นล้านบาท) เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ถึง 8.5%[1]
ภูมิทัศน์ดิจิทัลของประเทศไทย
เหตุผลหลักของการเติบโตของตลาดโฆษณาออนไลน์ มาจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เข้าสู่โลกดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ ในปี 2567 ประเทศไทยมีสัดส่วนคนที่เข้าถึงอินเทอร์เน็ตถึง 88% นอกจากนี้คนไทยยังใช้เวลาเล่นอินเทอร์เน็ตมากเป็นอันดับที่ 10 ของโลก เฉลี่ย 8 ชั่วโมงต่อวัน และใช้เวลาในโลกออนไลน์ผ่านสมาร์ทโฟน เป็นอันดับที่ 5 ของโลก[2] ดังนั้นปฏิเสธไม่ได้เลยว่า Digital Advertising จึงเป็นอาวุธสำคัญของแบรนด์ ในการสื่อสารถึงกลุ่มผู้บริโภคชาวไทย
เมื่อเทียบกับ Traditional Advertising อย่าง Printed Media, Broadcasting Media, Out-of-Home media, In-store Media โฆษณาออนไลน์มีข้อได้เปรียบอยู่มาก ที่ทำให้ธุรกิจทั้งเล็กและใหญ่หันมาลงทุนกับโฆษณาออนไลน์อย่างต่อเนื่อง อาทิ
Home Screen ads อาวุธใหม่จาก panda ads
ในปี 2564 foodpanda แพลตฟอร์มส่งอาหาร ของกินและของใช้ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย จึงพัฒนาโซลูชั่นโฆษณาขึ้น (Adtech) ในแอปพลิเคชัน foodpanda ที่มีชื่อว่า panda ads เพื่อเพิ่มโอกาสในการสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายให้ธุรกิจของพาร์ตเนอร์
โดยจุดเด่นของ panda ads คือการเป็น 1st party data ของ foodpanda ที่มีฐานลูกค้าหลายล้านคนทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ทั้งยังสามารถตอบสนองเป้าหมายทางการตลาดได้แบบ Full-Funnel ครอบคลุมทุก Customer Journey ไม่ว่าจะเป็นการสร้างการรับรู้ (Awareness) การพิจารณาสินค้าหรือบริการ (Consideration) ไปจนถึงการตัดสินใจซื้อ (Conversion)
และปีนี้ panda ads ได้เปิดโซลูชั่นโฆษณาออนไลน์รูปแบบใหม่ก็คือ “Home Screen ads” โฆษณาบน “หน้าหลัก” ของแอปพลิเคชัน foodpanda เพื่อให้แคมเปญทางการตลาดมีประสิทธิภาพและครบรอบด้านโดยบริการ Home Screen ads ที่จะประกฎตั้งแต่หน้า Home ก่อนที่จะเลื่อนลงด้านล่าง นับว่าเป็นจุดที่ดึงดูดสายตาผู้ใช้งานได้มากที่สุดเพิ่มอัตราการเข้าถึงโฆษณานำไปสู่การสร้าง Conversion ให้สินค้าและบริการได้มากยิ่งขึ้น โดย Home Screen ads มาพร้อมกับความสามารถหลากหลายไม่ว่าจะเป็น
1. สามารถเลือกกลุ่มเป้าหมายได้เฉพาะเจาะจง – สถานที่ ความสนใจ พฤติกรรม หรือประเภทร้านอาหาร กลุ่มเป้าหมายสามรถมองเห็นโฆษณาบนหน้า Home Screen ซึ่งเป็น Touch Point แรก ทั้งยังสามารถช่วยสร้าง Impression ให้กับแบรนด์ได้มากกว่าหนึ่งล้านวิว
2. เพิ่มโอกาสการมองเห็นสู่การตัดสินใจซื้อ – นอกจาก Impression แล้ว Home Screen ads ยังเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่นำไปสู่ Call-to-Action แม้จะไม่ได้ตัดสินใจซื้อโดยทันที แต่แบรนด์หรือแคมเปญของคุณได้เข้าไปอยู่ในใจของกลุ่มเป้าหมายเพื่อรอการพิจารณาแล้ว
3. ยืดหยุ่นปรับเปลี่ยนได้เพื่อประสิทธิภาพสูงสุด – การดู Performance เพื่อติดตามผลและปรับเปลี่ยนรูปแบบของโฆษณาให้เหมาะสมกับแคมเปญ สินค้า เทรนด์ หรือความต้องการของกลุ่มเป้าหมายเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งเป็นข้อดีอีกอย่างของฟังก์ชัน Home Screen ads ที่สามารถปรับโฆษณาได้เพื่อประสิทธิภาพสูงสุด
4. วัดผลได้ – ทุกเม็ดเงินลงทุนมีความหมาย พาร์ตเนอร์ของ panda ads สามารถดู ROI ในการลงทุนกับ Home Screen ads เพื่อให้ธุรกิจและแบรนด์มั่นใจได้ว่าโฆษณาเหล่านั้นคุ้มค่ากับการลงทุน สร้างผลลัพธ์ให้ธุรกิจโดยรวมได้
แคมเปญที่น่าสนใจ จากพาร์ตเนอร์ Home Screen ads
เคสตัวอย่างจากพาร์ตเนอร์ชั้นนำอย่าง “Coca-Cola” กับแคมเปญ Enjoy your meal with “COKE” เพื่อเพิ่ม Brand Awareness และโปรโมทร้านพาร์ตเนอร์ของ “Coca-Cola” ใน foodpanda เมื่อช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา ฟังก์ชัน Home Screen ads สามารถสร้าง Impressions ให้กับแคมเปญได้มากถึง 1.8 ล้านวิว และอีกหนึ่งแคมเปญจากพาร์ตเนอร์กลุ่มธนาคารอย่าง SCB ในช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา ก็ได้ยอด Impressions จากการโปรโมทแคมเปญบัตรเดบิต SCB Mastercard ผ่าน Home screen ads ที่ 1 ล้านวิว และสร้าง Conversion ในการพาลูกค้าที่สนใจแคมเปญไปยัง Official Website ของ SCB ได้
นี่จึงเป็นข้อพิสูจน์ถึงความทรงพลังของ Home Screen ads จาก panda ads ที่สามารถยกระดับแคมเปญและติดอาวุธใหม่ให้กับธุรกิจและแบรนด์ได้อย่างแท้จริง สำหรับธุรกิจหรือแบรนด์ที่สนใจที่ทดลองใช้โซลูชั่น panda ads โดยเฉพาะโซลูชั่นใหม่อย่าง Home Screen ads สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.foodpanda.co.th/th/contents/pandaads หรือ ติดต่อที่ ads_partnerships@foodpanda.co.th