20 มี.ค. 2567 13,899 28

ระวัง! มุขตีสนิทฉันมิจฯ หลอกลงทุนเทรดคริปโต 2 เคส สูญเงินกว่า 45 ลบ.

ระวัง! มุขตีสนิทฉันมิจฯ หลอกลงทุนเทรดคริปโต 2 เคส สูญเงินกว่า 45 ลบ.

วงศ์อะเคื้อ บุญศล โฆษกกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมฝ่ายการเมือง (ดีอี) กล่าวว่า ระหว่าง วันที่ 11 - 15 มีนาคม 2567 ที่ผ่านมา Thai Police Online รับแจ้งคดีออนไลน์ทั้งหมด 4,565 เรื่อง มูลค่าความเสียหาย 568,744,075 บาท และจากการรายงานของศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ หรือ ศูนย์ AOC 1441 (Anti Online Scam Operation Center) มีประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการถูกหลอกลวงผ่านเครือข่ายออนไลน์ในหลายรูปแบบจำนวน 5 คดี ประกอบด้วย


คดีที่ 1 หลอกลวงซื้อขายสินค้าหรือบริการ ที่ไม่มีลักษณะเป็นขบวนการ มูลค่าความเสียหาย 14,000 บาท รายละเอียดคดี พบว่า ผู้เสียหายซื้อสินค้ารถจักรยานยนต์ ผ่านช่องทาง Facebook และได้โอนเงินดังกล่าวไป หลังจากนั้นผู้เสียหายไม่สามารถติดต่อร้านค้าได้อีก จึงเชื่อว่าตนเองถูกมิจฉาชีพหลอก

คดีที่ 2 หลอกลวงเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัล มูลค่าความเสียหาย 17,476,000 บาท รายละเอียดคดี พบว่า ผู้เสียหายได้ถูกชักชวนให้โอนเงินลงทุนเทรดคริปโต อ้างผลตอบแทนกำไรสูง โดยให้โอนเงินลงทุนเรื่อย ๆ ตามคำแนะนำ แต่เมื่อต้องการถอนเงินไม่สามารถถอนเงินออกมาได้ ผู้เสียหายจึงเชื่อว่าตนเองถูกมิจฉาชีพหลอก

คดีที่ 3 หลอกลวงให้รักแล้วโอนเงิน (Romance Scam) มูลค่าความเสียหาย 1,583,400 บาท รายละเอียดคดี พบว่า ผู้เสียหายรู้จักพูดคุยกับมิจฉาชีพผ่านช่องทาง X ใช้ชื่อว่า "Honey" @Honey982XXX เปิดเผยสาธารณะ รูปภาพโพรไฟล์เพศหญิง รูปร่างดี สีผิวขาว ผมยาว (แต่ปิดบังใบหน้า) มีการโพสต์ข้อความเดือดร้อนเงินทางการศึกษาการและเงินรายได้ครอบครัวไม่เพียงพอ ผู้เสียหายเกิดความสงสาร จึงได้โอนเงินไปให้ ภายหลังเชื่อว่าตนเองน่าจะถูกมิจฉาชีพหลอก

คดีที่ 4 หลอกลวงให้ติดตั้งโปรแกรมควบคุมระบบในเครื่องโทรศัพท์ มูลค่าความเสียหาย 1,025,203 บาท รายละเอียดคดี พบว่า มิจฉาชีพแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ จากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โทรศัพท์ติดต่อเข้ามาหาผู้เสียหาย แจ้งว่าเงินในบัญชีของผู้เสียหายได้มาโดยผิดกฎหมาย และมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีฟอกเงิน เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องตรวจสอบเส้นทางการเงิน โดยให้ผู้เสียหายโอนเงิน ให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ และกรอกข้อมูลยืนยันจากลิงก์ที่ส่งมาให้ ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงได้ โอนเงินและกรอกยืนยันข้อมูลดังกล่าวไป ภายหลังผู้เสียหายเช็คยอดเงินในบัญชีของตนพบว่า ได้ถูกโอนออกไปจากบัญชี จึงเชื่อว่าตนเองถูกมิจฉาชีพหลอก

และ คดีที่ 5 หลอกลวงเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัล มูลค่าความเสียหาย 28,300,000 บาท รายละเอียดคดี พบว่า ผู้เสียหายได้รู้จักมิจฉาชีพผ่านแอปพลิเคชันทาง Line ชักชวนให้ร่วมลงทุนเทรดคริปโต อ้างผลตอบแทนกำไรสูง ผู้เสียหายหลงเชื่อได้โอนเงินไปตามที่มิจฉาชีพแนะนำ พอจะถอนเงินออกมาใช้ไม่สามารถอนได้ และมิจฉาชีพแจ้งผู้เสียหายว่า หากจะถอนเงินออกมาใช้ ให้โอนเงินไปเพื่อเป็นค่าปรับ แต่ผู้เสียหายไม่ได้โอนไป จึงเชื่อว่าตนเองถูกมิจฉาชีพหลอก รวมมูลค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นทั้ง 5 คดี 48,398,603 บาท

กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม มีความเป็นกังวล และขอให้ประชาชนระวังการหลอกลวงจากมิจฉาชีพที่ติดต่อเข้ามาผ่านโทรศัพท์ และสื่อสังคมออนไลน์ หากมั่นใจว่าปลายสายเป็นมิจฉาชีพ ให้วางสายทันที และแจ้งเบาะแสกับหน่วยงานที่ดูแล

ดีอี ขอเตือนภัยให้ประชาชนระวังการหลอกลวงจากมิจฉาชีพที่ติดต่อเข้ามาในหลากหลายรูปแบบ ให้สังเกต และงดรับสายจากหมายเลขโทรศัพท์ที่ไม่คุ้นเคย รวมทั้งไม่พูดคุยกับคนแปลกหน้าหรือคนที่ไม่รู้จักที่เข้ามาทักทายและขอเป็นเพื่อนผ่านสื่อโซเชียลมีเดีย ขอให้ท่านอย่าไว้ใจหรือตระหนักเสมอถึงความปลอดภัยของตัวท่านเอง อย่าไว้ใจคนแปลกหน้า เพื่อป้องกันการถูกกลอกลวงจากมิจฉาชีพ ซึ่งอาจจะทำให้ท่านโอนเงินให้กับมิจฉาชีพจนหมดตัวได้ รวมทั้งช่วยกันแจ้งเตือน และกดรายงานเพจปลอม หรือแจ้งเบาะแสกับหน่วยงานที่ดูแลรับผิดชอบด้วย นางสาววงศ์อะเคื้อ กล่าว

ทั้งนี้ หากประชาชนถูกมิจฉาชีพหลอกโอนเงิน สามารถระงับบัญชีคนร้ายและขอคำปรึกษาคดีภัยออนไลน์ได้ที่ สายด่วน AOC 1441