CyberArk Secure Browser ปรับแต่งการควบคุมความปลอดภัย ความเป็นส่วนตัว และประสิทธิภาพการทำงาน บนอุปกรณ์ของพนักงานทั้งที่มีและไม่มีการจัดการด้านความปลอดภัยได้อย่างง่ายดาย
วันนี้ CyberArk (NASDAQ: CYBR ) บริษัทด้านการรักษาความปลอดภัยข้อมูลส่วนบุคคลหรือ Identity Security ได้ประกาศเปิดตัว CyberArk Secure Browser ซึ่งเป็นเบราว์เซอร์ที่ช่วยรักษาความปลอดภัยของ Identity ตัวแรกในวงการ โดยจะดูแลรักษาความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวให้ดียิ่งขึ้นพร้อมนำเสนอรูปแบบการใช้งานที่ผู้ใช้คุ้นเคยและมีประสิทธิผล
CyberArk Secure Browser มีระบบควบคุมสิทธิ์ (privilege controls) อัจฉริยะและใช้งานบนอุปกรณ์ต่าง ๆ ได้อย่างง่ายดาย ออกแบบมาสำหรับการทำงานบนระบบคลาวด์เป็นหลัก โดยให้การเข้าถึงที่ปลอดภัยและมีความเสถียรทั้งในอุปกรณ์ต่าง ๆ ในองค์กรและแอปพลิเคชัน SaaS นอกจากนี้ทีมรักษาความปลอดภัยยังมองเห็น ควบคุม และกำกับดูแลได้อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ช่วยป้องกันการขโมยหรือใช้ข้อมูลส่วนตัว, Endpoint, และการรับรอง Credential ในทางที่เป็นความเสี่ยงในการเข้าสู่ระบบทั้งในและนอกองค์กร โดย Secure Browser เป็นส่วนนึงของ CyberArk Identity Security Platform ช่วยให้สามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวได้อย่างปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็นบุคคลหรือ Application ไปยังทรัพยากรหรือสภาพแวดล้อมจากทุกที่โดยใช้อุปกรณ์ใดก็ได้
คุณ Chris Dove สถาปนิกโซลูชันไอทีสำหรับองค์กรแห่งกระทรวงการคลังประจำรัฐแคลิฟอร์เนียกล่าวว่า “ปัจจุบันมีการใช้งานจากระยะไกลเพิ่มขึ้น และตอนนี้ก็ได้เกิดจุดบอดด้านความปลอดภัยในแอปพลิเคชัน SaaS และโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์ ทำให้เราต้องกลับมาคิดใหม่เรื่องมาตรการรักษาความปลอดภัยและการลงทุนในเครื่องมือใหม่เพื่อความปลอดภัยในการเข้าถึงสินทรัพย์ที่มีความสำคัญโดยไม่ได้รับอนุญาตผ่านการใช้งานจากพนักงานที่กระจายตัวคนละที่ ด้วยเหตุนี้ การเพิ่ม CyberArk Secure Browser ตัวใหม่ลงไปใน CyberArk ที่เราใช้งานอยู่จะช่วยให้สามารถบังคับใช้นโยบายความปลอดภัยที่เข้มงวดได้โดยไม่กระทบต่อประสิทธิภาพการทำงาน เราจะสามารถปกป้องข้อมูลของเราได้ดีขึ้น โดยมั่นใจได้ว่าพนักงานจะสามารถเข้าถึงระบบงานได้ผ่านเบราว์เซอร์ที่แยกออกมาและมีความปลอดภัย ซึ่งจะหมุนเวียนรหัสผ่านพร้อมทั้งป้องกันไม่ให้เครื่องบันทึกรหัสผ่านซึ่งอาจจะถูกขโมยได้ในภายหลัง”
จากรายงานการศึกษาพนักงานออฟฟิศในสหรัฐฯ ในเดือนมีนาคม 2567 ได้แสดงให้เห็นถึงความเสี่ยงด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์บนเบราว์เซอร์ที่องค์กรต่าง ๆ กำลังเผชิญดังต่อไปนี้
ลูกค้าที่ใช้งานแพลตฟอร์ม CyberArk Identity Security สามารถใช้ CyberArk Secure Browser ได้แล้ว โดยเบราว์เซอร์ตัวนี้จะช่วยปกป้องทรัพยากรที่มีค่าที่สุดขององค์กร อีกทั้งการใช้งานที่ปลอดภัยโดยไม่ต้องใช้รหัสผ่าน เข้าถึงข้อมูลและทรัพย์สินที่มีการควบคุมสิทธิ์ได้ง่าย ทั้งยังช่วยป้องกันการละเมิดที่เกิดจากการขโมยคุกกี้และการโจมตีการครอบครองเซสชัน จากรายงานการละเมิดความปลอดภัยครั้งใหญ่และการวิจัยใหม่จากCyberArk Labs แสดงให้เห็นว่า ผู้ไม่ประสงค์ดีสามารถใช้เทคนิคต่าง ๆ เช่น การขโมยคุกกี้ เพื่อให้เข้าถึงข้อมูลและทรัพย์สินที่มีความเสี่ยงถูกโจรกรรมโดยไม่ได้รับอนุญาตได้อย่างง่ายดาย โดยสามารถเล็ดลอดผ่านเครื่องมือตรวจสอบสิทธิ์ได้ทั้งหมด ดังนั้นด้วยการปกป้องจาก Secure Browser ผู้ใช้งานจึงมั่นใจได้ว่าไม่ถูกขโมยคุกกี้แน่นอน
CyberArk Secure Browser สามารถดูแลความปลอดภัยทางไซเบอร์ขององค์กรที่สำคัญได้ดังนี้
คุณ Matt Cohen ซีอีโอของ CyberArk กล่าวว่า “ขณะนี้แอปพลิเคชัน SaaS ทรัพยากรบนคลาวด์ และแอปพลิเคชันที่สำคัญต่อธุรกิจที่เข้าถึงได้จากเบราว์เซอร์กำลังเป็นที่แพร่หลาย ทำให้เกิดความเสี่ยงในรูปแบบใหม่ซึ่งผู้ไม่ประสงค์ดีสามารถฉวยโอกาสได้อย่างรวดเร็ว แนวทางการจัดการการเข้าถึงแบบดั้งเดิมขาดการควบคุมที่เหมาะสม โดยไม่สามารถมองเห็นและรักษาความปลอดภัยในเส้นทางการเดินทางของข้อมูลส่วนตัวตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทางได้อย่างครบถ้วน ดังนั้นเราจึงภูมิใจนำเสนอเบราว์เซอร์ระดับองค์กรที่ล้ำกว่าเดิม ซึ่งยกระดับประสิทธิภาพการทำงานรวมถึงยังเพิ่มเลเยอร์ความปลอดภัยและการควบคุมความเป็นส่วนตัวเพิ่มเติมให้แก่แอปพลิเคชันที่งานใช้บ่อยที่สุดในองค์กรส่วนใหญ่ นี่เป็นเพียงแค่ตัวอย่างที่ CyberArkพยายามขยายฐานการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนตัวไปยังผู้ใช้ทุกคน โดยไม่ต้องมาคำนึงว่าผู้ใช้งานจะเข้าถึงข้อมูลและทรัพย์สินที่ละเอียดอ่อนได้อย่างไร”
ทรัพยากร
การวิจัยของ CyberArk Labs: การรักษาความปลอดภัยที่พังทลาย: การเปิดโปงภัยคุกคามมัลแวร์ที่ขโมยคุกกี้
บทสรุปโซลูชันเบราว์เซอร์ที่ปลอดภัยของ CyberArk: ประตูสู่การรักษาข้อมูลส่วนบุคคลทั้งหมด
บล็อก: เบราว์เซอร์ระดับองค์กรจำเป็นต้องรักษาความปลอดภัยข้อมูลประจำตัวโดยไม่มีข้อยกเว้น
การสัมมนาผ่านเว็บ: การเรียนรู้ความปลอดภัยของเบราว์เซอร์เพื่อการป้องกันองค์กร
[1] สำรวจจากพนักงานออฟฟิศในสหรัฐฯ จำนวน 4,000 คน จัดทำโดย Censuswide