“เครือสหพัฒน์” เดินหน้านำแนวคิด ESG มาใช้ในการดำเนินธุรกิจ จับมือกับ “บี.กริม” ร่วมกันผลักดันโครงการ “คิงสแควร์” เพื่อเป็นผู้นำในการสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดี ยกระดับคุณภาพชีวิตและชุมชน ให้แก่ย่านพระราม 3 เติบโตอย่างยั่งยืน นำร่องด้วยการพัฒนาและติดตั้งที่จอดรถสำหรับยานยนต์ไฟฟ้าที่โครงการ “คิงสแควร์ เรสซิเดนซ์” พร้อมทั้งติดตั้งหลังคาโซลาร์เซลล์ที่โครงการ “คิงสแควร์ คอมมูนิตี้ มอลล์”
จักรกฤษณ์ สันติรัตนกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท คิง สแควร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด กล่าวว่า เราตั้งใจสร้าง คิงสแควร์ ให้เป็น Community of Kindness ที่จะสร้างความเป็นอยู่ที่ดีและสังคมที่ดีได้ จึงออกแบบให้ที่นี่เป็น ‘Curated Living Community’ ที่ประกอบด้วยคอนโดมิเนียม, คอมมูนิตี้ มอลล์ ที่เชื่อมต่อระหว่างคอนโดมิเนียมไปจนถึงหน้าโรงเรียนนานาชาติคิงส์คอลเลจกรุงเทพฯ และเซอร์วิส อะพาร์ตเมนต์ ซึ่งจากเป้าหมายของเครือสหพัฒน์ที่ต้องการพัฒนา 2 โครงการนำร่อง ได้แก่ “คิงสแควร์ เรสซิเดนซ์” และ “คิงสแควร์ คอมมูนิตี้ มอลล์” ให้มีความยั่งยืนภายใต้กรอบแนวคิด ESG (Environment, Social, Governance) จึงได้ร่วมมือกับ บี.กริม เพื่อพัฒนาและติดตั้งที่จอดรถสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า (EV Parking) ที่โครงการคิงสแควร์ เรสซิเดนซ์ และระบบการติดตั้งที่รองรับการขยายตัวในอนาคต พร้อมทั้งติดตั้งหลังคาโซลาร์เซลล์ที่โครงการคิงสแควร์ คอมมูนิตี้ มอลล์ เพื่อส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน “เครือสหพัฒน์ กับ บี.กริม ได้มีการลงนามบันทึกข้อตกลงเพื่อแสดงถึงความร่วมมือของทั้ง 2 บริษัท ที่มีเป้าหมายเดียวกันคือ ร่วมกันพัฒนาโครงการคิงสแควร์ ให้เป็นผู้นำในการสร้างความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม ยกระดับคุณภาพชีวิตและชุมชนในย่านพระราม 3” จักรกฤษณ์ กล่าว
กิตติ พัฒนลีนะกุล ประธานกลุ่มธุรกิจ บี.กริม อุตสาหกรรม กล่าวว่า จากการลงนามความร่วมมือในครั้งนี้ นับเป็นอีกก้าวสำคัญในการยกระดับความร่วมมือระหว่างเครือสหพัฒน์ และ บี.กริม โดยเราจะนำความเชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมและโซลูชันด้านการประหยัดพลังงานและความเป็นอยู่ที่ดียิ่งขึ้น ไปช่วยตอบโจทย์วิสัยทัศน์ของเครือสหพัฒน์ ที่มุ่งพัฒนาองค์กรไปสู่ความยั่งยืนทั้งในด้านการดำเนินธุรกิจและสิ่งแวดล้อม โดยร่วมกันส่งเสริมและพัฒนาให้โครงการคิงสแควร์ ก้าวสู่ความเป็นผู้นำในการสร้างความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมให้แก่ย่านพระราม 3 ตามเป้าหมายที่เครือสหพัฒน์วางไว้
สำหรับโซลูชันสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าจาก บี.กริม จะครอบคลุมตั้งแต่การออกแบบ จัดหาอุปกรณ์ ติดตั้งสถานี การให้บริการหลังติดตั้ง และยังมีระบบปฏิบัติการที่ช่วยประมวลผลการชาร์จและทำธุรกรรมแบบอัตโนมัติ พร้อมรองรับเทคโนโลยีในอนาคต อาทิ Vehicle-to-everything รวมถึงการคำนวณลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก จากการใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้า ซึ่งสามารถนำคาร์บอนเครดิตที่เก็บได้จากการลดก๊าซเรือนกระจกนี้ไปซื้อขายในตลาดคาร์บอนได้ นอกจากนี้ บี.กริม ยังให้บริการโซลูชันอื่น ๆ ให้แก่โครงการคิงสแควร์ เช่น ระบบโซลาร์ ระบบไฟฟ้า และระบบแจ้งเหตุเพลิงไหม้ เป็นต้น
“บี.กริม และเครือสหพัฒน์ เป็นพันธมิตรกันมาอย่างยาวนานหลายทศวรรษ และมีความร่วมมือในด้านต่างๆ อย่างต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายที่สอดคล้องกันคือ การพัฒนาโซลูชันที่ใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มุ่งเน้นการเติบโตของธุรกิจอย่างยั่งยืนจากพลังงานสะอาด พร้อมส่งมอบคุณค่าแก่สังคมอย่างยั่งยืนร่วมกัน” กิตติ กล่าว