อนุกูล ปีดแก้ว ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นประธานในพิธีมอบรางวัลทีมชนะเลิศการแข่งขัน ภารกิจคิดเผื่อ “JUMP THAILAND HACKATHON 2024” กับโจทย์ “เราจะนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาเพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุและคนพิการได้อย่างไร?” ตอกย้ำ ภารกิจคิดเผื่อ ที่เน้นย้ำว่า นวัตกรรมคือโอกาสแห่งการสร้างความเท่าเทียมของคนไทย พร้อมประกาศผลการตัดสิน โดยทีมชนะเลิศที่จะได้รับถ้วยรางวัลพระราชทานจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พร้อมเงินรางวัล 100,000 บาท คือ ทีม PATHSENSE และรางวัลที่ 2 คือทีม Autism ส่วนที่ 3 คือ ทีมหลานม่า ที่นอกจากจะได้รับรางวัลมูลค่ารวม 200,000 บาท ยังจะได้รับโอกาสในการร่วมงานกับ AIS หลังจบการศึกษา และการพัฒนาโครงการให้เกิดขึ้นจริงร่วมกับกระทรวง พม. ต่อไป
อนุกูล กล่าวว่า “ปัจจุบัน เรากำลังเผชิญกับ “วิกฤตประชากร” โครงสร้างประชากรของไทยมีการเปลี่ยนแปลง เด็กเกิดน้อยลง วัยแรงงานแบกรับภาระการดูแลเพิ่มมากขึ้น การเป็นสังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์ โดยมีจำนวนผู้สูงอายุมากถึง 13.06 ล้านคน หรือคิดเป็นร้อยละ 20 ของประชากรทั้งหมด ซึ่งกระทรวง พม. ได้มีนโยบาย 5x5 ฝ่าวิกฤตประชากร เพื่อรับมือกับวิกฤตที่เกิดขึ้น ประกอบด้วย 5 ข้อเสนอ ได้แก่ 1) เสริมพลังวัยทำงาน 2) เพิ่มคุณภาพและผลิตภาพของเด็กและเยาวชน 3) สร้างพลังผู้สูงอายุ 4) เพิ่มโอกาสและสร้างเสริมคุณค่าคนพิการ และ 5) สร้างระบบนิเวศที่เหมาะสม เพื่อความมั่นคงของครอบครัว ทั้งนี้ ความร่วมมือระหว่างกระทรวง พม. และ AIS ในครั้งนี้ นับเป็นส่วนสำคัญที่สนับสนุนการขับเคลื่อนนโยบาย 5x5 ฝ่าวิกฤตประชากร โดยการพัฒนาความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตให้แก่ผู้สูงอายุ และคนพิการ ที่เอื้ออำนวยความสะดวกให้สามารถดำเนินชีวิตได้อย่างสะดวก และเท่าเทียมกับคนทั่วไป
กระทรวง พม. เชื่ออย่างยิ่งว่า ไอเดียและนวัตกรรมจากคนรุ่นใหม่ที่ได้จากโครงการครั้งนี้ จะเป็นประโยชน์อย่างมาก หากถูกต่อยอดพัฒนามาเป็นเครื่องมือในการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุและคนพิการได้อย่างยั่งยืน ทั้งในมิติของการนำเทคโนโลยีมาอำนวยความสะดวก และยกระดับศักยภาพการใช้ชีวิตของผู้สูงวัยและคนพิการ รวมถึงในมิติของการออกแบบนวัตกรรมเพื่อสนับสนุนการทำงานของบุคลากรของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้มีเครื่องมือในการทำงานที่มีประสิทธิภาพสามารถเชื่อมต่อความต้องการของประชาชนได้อย่างรวดเร็ว ตรงเป้าหมาย และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น”
อนุกูล ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า “ขอชื่นชมและแสดงความยินดีกับทั้ง 15 ทีมที่ผ่านเข้ารอบในครั้งนี้ นับว่าเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีศักยภาพ และยิ่งรู้สึกดีใจ ที่เห็นคนรุ่นใหม่ มีเวทีแสดงออกถึงความคิดสร้างสรรค์ และยังเป็นความคิดสร้างสรรค์ที่เป็นประโยชน์อย่างมากต่อคนพิการและผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่อยู่ใกล้ๆ ตัวพวกเราทั้งสิ้น”
กานติมา กล่าวเสริมว่า “หลังจากเปิดตัวโครงการ JUMP THAILAND HACKATHON 2024 กับโจทย์ “เราจะนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาเพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุและคนพิการได้อย่างไร?” ร่วมกับ กระทรวง พม. ในช่วงที่ผ่านมา ได้มีนิสิต นักศึกษา ให้ความสนใจนำเสนอไอเดียอย่างมากมาย ซึ่งเมื่อทีมพนักงาน AIS ได้ลงไปร่วมพัฒนาไอเดียด้วยการนำองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีดิจิทัลและแพล็ตฟอร์มเข้าไปผสมผสานแล้ว ทำให้วันนี้เราได้มาถึง 15 ไอเดีย ที่มีความน่าสนใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแง่ของการนำไปต่อยอดเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตกลุ่มคนพิการ และผู้สูงอายุได้อย่างตอบโจทย์”
“AIS เชื่อมั่นในศักยภาพคนรุ่นใหม่ที่มีทักษะทางดิจิทัลและจิตสาธารณะ "Jump Thailand" เป็นโครงการที่ AIS Academy เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2018 เพื่อทำงานด้านส่งเสริมศักยภาพตลอดจนต่อองค์ความรู้ให้คนไทย ในครั้งนี้เราเปิดเวทีให้คนรุ่นใหม่ นิสิต นักศึกษา ร่วมกับพนักงาน AIS ได้นำเสนอโครงการที่หลากหลาย โดยการนำเทคโนโลยีดิจิทัลและนวัตกรรม มาสร้างประโยชน์ในการลดความเหลื่อมล้ำ ยกระดับคุณภาพชีวิต แก้วิกฤติประชากร ที่น่าปลาบปลื้มใจคือเราได้เห็นความสามารถของน้องๆ นิสิต นักศึกษาในการสร้างสรรค์ นวัตกรรม เพื่อยกระดับและพัฒนาคุณภาพชีวิตให้พี่น้องกลุ่มเปราะบาง เปรียบเสมือนทุกท่านเป็น ไม้ขีดไฟก้านเล็กๆ ที่เราเชื่อว่าไม้ขีดไฟก้านเล็กๆทุกก้านนี้จะร่วมกันสร้างความสว่างไสว และจะเป็นแรงบันดาลใจ จุดประกายความคิดให้เกิดการส่งต่อให้ประเทศด้วยการคิดเผื่อแผ่กัน การทำงานจากทุกภาคเพื่อประชาชน จากนวัตกรรม ทักษะความรู้ และโอกาสใหม่ๆ อันจะนำไปสู่การพัฒนาคุณภาพชีวิต และแก้ไขปัญหาสังคมได้อย่างยั่งยืน เช่นเดียวกับครั้งนี้ที่เราเชื่อว่าทั้ง 15 ไอเดีย จะเป็นแรงบันดาลใจ สร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับกลไกการดูแลประชาชน จากนวัตกรรม ทักษะความรู้ และโอกาสใหม่ๆ อันจะนำไปสู่การพัฒนาคุณภาพชีวิต และแก้ไขปัญหาสังคมได้อย่างยั่งยืน
สำหรับ 3 ทีมที่ได้รับรางวัลในครั้งนี้ ประกอบด้วย
รางวัลที่ 1 : ทีม PathSense จากนิสิตนักศึกษามหาวิทยาลัยซีเอ็มเคแอล พัฒนานวัตกรรมเพื่อคนพิการให้สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ด้วยตัวเอง ผ่านกระเป๋าสะพายข้างซึ่งมีการติดตั้งกล้อง AI เอาไว้ที่สายกระเป๋า ตัวกล้องมีความสามารถในการตรวจจับวัตถุและสิ่งกีดขวางต่างๆ เช่น บันได ประตู กำแพง และอื่นๆ ซึ่งอยู่ด้านหน้าของผู้สวมใส่ แล้วทำการแจ้งแก่ ผู้สวมใส่ผ่านทางหูฟังหรือลำโพงโทรศัพท์
รางวัลที่ 2 : ทีม AUTISM จากนิสิตนักศึกษาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหิดล มหาวิทยาลัยศิลปากร พัฒนานวัตกรรมแพลตฟอร์มสื่อสารการทำงานสำหรับผู้มีภาวะออทิสติก (Autism spectrum disorder: ASD) เพื่อสร้างอาชีพไปพร้อมกับการบำบัด โดยนำอาการของผู้มีภาวะออทิสติก มาปรับใช้ร่วมกับ AI ทำให้การสื่อสารในการทำงานระหว่างผู้มีภาวะออทิสติกด้วยกันเอง และผู้มีภาวะออทิสติกกับบุคคลทั่วไปเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ
รางวัลที่ 3 : ทีม หลานม่า จากนิสิตนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ พัฒนานวัตกรรมเข็มขัดตรวจจับการล้มกระตุ้น AirBag พร้อมติดต่อญาติ หรือรถโรงพยาบาล ผ่านสัญญาณ Cellular , DevioBeacon ของ LINE OA
“ทุกธุรกิจจะเติบโตอย่างแข็งแรงมั่นคงได้ยาก หากสังคมภายนอกยังมีความท้าทาย AIS เราจึงเชื่อในเรื่องของการเติบโตแบบร่วมสร้างและสำนึกสาธารณะ การสร้างโครงการ ภารกิจคิดเผื่อ ที่เปิดพื้นที่ให้กับพนักงานในการส่งต่อความรู้ สร้างอาชีพกับประชาชน และการทำงานร่วมกับภาครัฐในการพัฒนาสังคม ต้องขอขอบพระคุณ กระทรวง พม. ที่ให้โอกาส AIS ได้เข้าไปทำงานเพื่อช่วยเหลือประชาชนด้วยกัน โดยยืนยันที่จะเดินหน้าตามเจตนารมณ์นี้อย่างต่อเนื่อง เพราะงานลักษณะนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่โครงการแข่งขันเพื่อวัดขีดความสามารถของนิสิต นักศึกษา ที่สนใจเรื่องนวัตกรรมเพียงเท่านั้น แต่เป็นโครงการต้นแบบที่จะร่วมสร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับสังคม ยกระดับความเป็นอยู่ที่ดีของกลุ่มผู้สูงอายุและกลุ่มคนพิการให้มีศักยภาพในการดูแลตนเองได้อย่างยั่งยืนต่อไป ซึ่งสามารถดูข้อมูลรายละเอียดของ 15 ไอเดีย ได้ที่ www.jumpthailand.com หรือ https://www.facebook.com/AISJumpThailand เกี่ยวกับความร่วมมือระหว่าง AIS Academy และ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์” กานติมา กล่าวย้ำในตอนท้าย