2 ก.ย. 2567 352 5

ทรูเอาจริง! ส่งทนายแจ้งจับโจรลักอุปกรณ์เสาสัญญาณ ลั่นดำเนินคดีถึงที่สุด เหตุกระทบลูกค้าหลายพื้นที่

ทรูเอาจริง! ส่งทนายแจ้งจับโจรลักอุปกรณ์เสาสัญญาณ ลั่นดำเนินคดีถึงที่สุด เหตุกระทบลูกค้าหลายพื้นที่


บรรยายภาพ: ฤทธิรอน เพริดพร้อม ทนายความจากสำนักงานกฎหมายบี แอนด์ แอล ตัวแทนทรูคอร์ปอเรชั่น และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยนิคมอุตสาหกรรมฯ ผู้เห็นเหตุการณ์ในพื้นที่เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท. ชาติคณิณพ์ อินทร์สอน สารวัตร(สอบสวน) สภ. พานทอง จ. ชลบุรี เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับโจรลักทรัพย์อุปกรณ์เสาสัญญาณมือถือทรูในพื้นที่ นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ชลบุรี เมื่อเร็วๆ นี้


ทรู คอร์ปอเรชั่น ลุยแจ้งจับโจรลักทรัพย์เสามือถือเหตุกระทบบริการลูกค้า ตั้งสำนักงานกฎหมายตัวแทนเพื่อร่วมกับตำรวจเอาจริงทุกคดี ทั้งลักทรัพย์แบตเตอรี่ลิเธียม สายไฟ หรืออุปกรณ์ประจำสถานีฐานทั่วไทย ซึ่งสร้างความเสียหายให้กับการให้บริการในพื้นที่ต่างๆ โดยเฉพาะภาคตะวันออก และภาคอีสาน พร้อมขยายผลร่วมมือกับตำรวจสืบหาแหล่งแก๊งโจรและเส้นทางการเงินเพื่อจับกุมมาดำเนินคดีทุกรายให้ถึงที่สุด และสืบค้นตลาดมืดรับซื้อของโจรต่อไป พร้อมเตือนด้วยความห่วงใยคนซื้อแบตเตอรี่ลิเธียมมือสองระวังถูกหลอกรับซื้อของโจร

ความเสียหายจากขบวนการลักทรัพย์เสามือถือในพื้นที่ต่างๆ ประกอบด้วยแบตเตอรี่ลิเธียม สายไฟ เครื่องปรับอากาศ โซลาร์เซลล์ ซึ่งหลายแห่งมีการลักทรัพย์อุปกรณ์ที่เป็นเหล็ก บันได รั้ว รวมถึงถอดน็อตทำให้เกิดเหตุเสาล้มนำความเสียหายมาให้แก่ประชาชนในพื้นที่


ล่าสุด บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ได้มอบหมายให้สำนักงานกฎหมายบี แอนด์ แอล เป็นผู้แทนรับมอบอำนาจจากทรู คอร์ปอเรชั่น เข้าพบ เข้าพบ พ.ต.ท. ชาติคณิณพ์ อินทร์สอน สารวัตร(สอบสวน) สถานีตำรวจภูธรพานทอง จ. ชลบุรี  เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับโจรลักทรัพย์อุปกรณ์เสาสัญญาณมือถือทรูในพื้นที่ นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จ. ชลบุรี จากเหตุโดนโจรตัดสายไฟเพื่อลักทรัพย์นำไปขายต่อ อันจะทำให้เกิดเหตุเสาสัญญาณหยุดบริการสะดุดชั่วคราว พร้อมมอบหลักฐานสำคัญเพื่อให้เจ้าหน้าที่ขยายผลการสืบสวนต่อไป

ฤทธิรอน เพริดพร้อม ทนายความจากสำนักงานกฎหมายบี แอนด์ แอล ตัวแทนทรูคอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า “เหตุการณ์ลักทรัพย์นี้ส่งผลกระทบร้ายแรงต่อการให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ ซึ่งนับเป็นสาธารณูปโภคดิจิทัลพื้นฐาน เนื่องจากสถานีฐานต้องหยุดทำงานชั่วคราวเพราะขาดระบบจ่ายไฟ ส่งผลให้ประชาชนจำนวนมากไม่สามารถใช้บริการโทรศัพท์มือถือได้ตามปกติ ทั้งการติดต่อสื่อสารพื้นฐาน การใช้แอปพลิเคชันในชีวิตประจำวัน การทำธุรกิจ ธุรกรรมออนไลน์ และการศึกษา ซึ่งสร้างความเดือดร้อนแก่สาธารณชนอย่างกว้างขวาง

ทางสำนักงานกฎหมายจะดำเนินการฟ้องร้องทางอาญาในข้อหาลักทรัพย์โดยเน้นความผิดสถานหนัก ในทุกกรณีไม่ว่าจะกระทำความผิดคนเดียวหรือตั้งแต่สองคนขึ้นไป ใช้ยานพาหนะ หรือลักทรัพย์ในเวลากลางคืน ซึ่งถือเป็นความผิดฐานลักทรัพย์ในเหตุฉกรรจ์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 โดยระวางโทษจำคุกได้ถึง 7 ปี และปรับสูงสุดถึงหนึ่งแสนบาท แล้วแต่กรณี โดยมีโทษทั้งจำทั้งปรับ ทั้งนี้ การฟ้องร้องดำเนินคดีในความผิดฐานนี้ไม่สามารถยอมความได้ พร้อมทั้งจะฟ้องแพ่งเรียกค่าเสียหายจากทรัพย์สินด้วยมูลค่าสูงสุด"


ทั้งนี้ สำนักงานกฎหมายบี แอนด์ แอล ตัวแทนบริษั ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) จะร่วมมือกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างเต็มที่ในทุกพื้นที่ในการสืบสวนและขยายผลเพื่อจับกุมผู้ร่วมขบวนการลักทรัพย์ทั้งหมด รวมถึงการทลายแหล่งที่ใช้ในการแปรรูปและจำหน่ายอุปกรณ์ที่ถูกขโมยมา ไม่ว่าจะเป็นการขายในตลาดมืดหรือผ่านช่องทางออนไลน์

“ขอให้ประชาชนระมัดระวังในการซื้ออุปกรณ์มือสอง โดยเฉพาะแบตเตอรี่ลิเธียมที่มักนำไปใช้ร่วมกับระบบโซลาร์เซลล์ในบ้านเรือน ควรเลือกซื้อจากผู้ขายและร้านค้าที่น่าเชื่อถือ และสามารถตรวจสอบแหล่งที่มาการนำเข้าของสินค้าได้ เพื่อหลีกเลี่ยงการตกเป็นผู้เสียหายจากการรับซื้อของโจรโดยไม่รู้ตัว” ฤทธิรอน กล่าวในที่สุด