ประเสริฐ จันทรรวงทอง
รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี)
เปิดเผยว่า กระทรวงดีอี ได้ดำเนินการเฝ้าระวังและติดตาม
ปราบปรามการกระทำความผิดที่เป็นอาชญากรรมออนไลน์อย่างต่อเนื่อง
โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับการพนันออนไลน์ ซึ่งเป็นช่องทางสำคัญของการก่ออาชญากรรมทางออนไลน์ของมิจฉาชีพ
โดยจัดตั้งทีมปฏิบัติการทำการตรวจสอบ เฝ้าระวัง และดำเนินการปิดกั้น
พร้อมยกระดับกระบวนการปิดกั้นให้มีความรวดเร็ว รัดกุม และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 24 กุมภาพันธ์ - 9 สิงหาคม 2567 กระทรวงดีอีได้ตรวจพบ บัญชี Line Official Account (Line OA) ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับโซเชียลมีเดีย เพจ/URLs พนันออนไลน์ จำนวน 4,136 บัญชี โดยเป็นบัญชีที่ได้จากคลิปสั้นหรือโฆษณาในโซเชียลมีเดีย จำนวน 2,532 บัญชี และจากเว็บไซต์ออนไลน์ จำนวน 1,604 บัญชี โดยพบว่าบัญชีดังกล่าวถูกใช้เป็นช่องทางในการเล่นพนันออนไลน์ ติดต่อสื่อสารระหว่างผู้จัดให้เล่นพนันออนไลน์ และผู้เล่นพนันออนไลน์
ดังนั้น เพื่อเป็นการสกัดกั้นช่องทางการสื่อสารดังกล่าว กระทรวงดีอี จึงได้ประสาน บริษัท LINE Thailand ดำเนินการแจ้งปิดบัญชี Line OA พร้อมตรวจสอบข้อมูลการลงทะเบียนบัญชี เพื่อประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามและจับกุมผู้กระทำผิด
สำหรับการดำเนินการตามมาตรการดังกล่าว เป็นการยกระดับความเข้มข้นในการปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ โดยเฉพาะการพนันออนไลน์ ร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สมาคมธนาคารไทย และหน่วยงานพันธมิตรที่เกี่ยวข้อง เพื่อตัดวงจรช่องทางการติดต่อสื่อสาร และการทำธุรกรรมการเงินที่เกี่ยวข้องกับการพนันออนไลน์ ทั้งกระบวนการปิดกั้น ตรวจสอบเส้นทางการเงิน อายัดบัญชีม้า พร้อมดำเนินการจับกุมและยึดทรัพย์สินของผู้ที่เกี่ยวข้อง
อย่างไรก็ตาม กระทรวงดีอีขอเตือนประชาชนอย่าเข้าไปยุ่งเกี่ยว เล่นพนันออนไลน์ เพราะนอกจากสูญเสียทรัพย์สินแล้ว ยังอาจตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ หรือ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ เนื่องจากอาจสูญเสียข้อมูลส่วนบุคคล หมายเลขบัตรประชาชน บัญชีธนาคาร หรือข้อมูลอื่นๆ จากการลงทะเบียนเว็บพนันออนไลน์ได้
“นอกจากนี้การยุ่งเกี่ยวกับโซเชียลมีเดีย เพจ และ URLs พนันออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นผู้จัดให้เล่น ผู้เล่นหรือผู้ที่เผยแพร่ข้อความ (ประกาศชักชวน) จะมีความผิดตาม พ.ร.บ.การพนัน โดย ผู้เล่น/ประกาศชักชวน มีความผิดตาม มาตรา 12 จำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 5,000 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ” ประเสริฐ กล่าว
แจ้งเบาะแส ข่าวปลอม และอาชญากรรมออนไลน์ทุกรูปแบบ โทรสายด่วน 1111 (24 ชม.)
| Line ID: @antifakenewscenter | เว็บไซต์ www.antifakenewscenter.com