การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่ชั้นบรรยากาศอย่างมหาศาล เป็น “ตัวการหลัก” ของภาวะโลกร้อนอย่างรุนแรง จากข้อมูลของ World Bank Data พบว่า ภาคการขนส่ง ติดท็อปชาร์ต 3 อันดับที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มากที่สุด ซึ่งเป็นชนิดของก๊าซเรือนกระจกที่ถูกปล่อยสู่ชั้นบรรยากาศโลกถึง 76% ทำให้เกิดการสะสมพลังงานความร้อนมากที่สุดและมีอายุในชั้นบรรยากาศนานถึง 300 – 1,000 ปี โดยในปี 2566 การขนส่งในประเทศไทยมีสัดส่วนการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูงถึงประมาณ 30% ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งหมด โดยเฉพาะ “การใช้รถยนต์ส่วนบุคคล” ที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจก 325 – 245 กรัมคาร์บอนไดออกไซด์ต่อคนต่อกิโลเมตร มากกว่าการเดินทางโดยรถสาธารณะ เช่น รถไฟฟ้า ถึง 10 เท่า
คนทรู “ยื่นใบลาพักรถ” ช่วยลดคาร์บอน
ในปี 2566 การเดินทางมาทำงานของพนักงานทรู ติด 1 ใน 5 อันดับสูงสุดของแหล่งปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางอ้อมของบริษัทฯ (GHG Scope 3) คิดเป็น 5,300 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า หรือมีปริมาตรเท่ากับการปล่อยบอลลูนลูกใหญ่ถึง 5,300 ลูกสู่ชั้นบรรยากาศ หรือหากจะคำนวณอีกหนึ่งวิธีง่ายๆ ให้เห็นภาพ ก็คือ 1 ตันของคาร์บอนไดออกไซด์ต้องใช้ต้นไม้โตเต็มวัยดูดซับคืนถึง 85 ต้น นั่นหมายความว่า เราต้องปลูกต้นไม้ขนาดโตเต็มวัยถึง 405,500 ต้น เพื่อที่จะดูดซับคาร์บอนทั้งหมดจากการเดินทางของพนักงานในปีผ่านมาได้
และเพื่อสร้างโลกใบนี้ให้น่าอยู่ยิ่งขึ้นไปด้วยกัน ทรู คอร์ปอเรชั่น เปิดปฏิบัติการ “True Car Free Day” เปลี่ยนการเดินทาง เปลี่ยนโลก รับ World Car Free Day หรือ วันปลอดรถโลก 22 กันยายน 2567 เชิญชวนคนทรูทั่วประเทศ ร่วมกันเปลี่ยนวิถีการเดินทางมาทำงานที่คุ้นชินในแต่ละวัน เป็นการเดินทางที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่ชั้นบรรยากาศ ด้วยการหันมาใช้รถสาธารณะ เช่น รถไฟฟ้า รถเมล์ หรือ Carpool ติดรถกันมา รวมถึงการปั่นจักรยาน และเดินมาทำงานที่ได้ออกกำลังกายไปในตัวด้วย ซึ่งการที่พนักงานทรูไม่ใช้รถยนต์ส่วนตัวเพียงแค่ 1 วัน เปรียบเสมือนเราได้ปลูกต้นไม้วันละ 170 ต้น ถ้าทำทั้งปีจะเท่ากับ 40,800 ต้นเลยทีเดียว
และในวัน True Car Free Day นี้ มีพนักงานทรูที่เดินทางมาทำงานในกรุงเทพฯ และเขตปริมณฑลเข้าร่วมโครงการกว่า 1,065 คน สามารถช่วยลดคาร์บอนไดออกไซด์ 627 กรัมคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า และลองคิดดูหากเราไม่หยุดเพียงแค่วันนี้ แต่ทำมากขึ้นๆ และต่อเนื่องไปเรื่อยๆ เราจะช่วยกันสร้างปรากฎการณ์ลดภาวะโลกเดือดได้ทวีคูณขนาดไหน
ทำได้ แม้ว่ายาก! เปิดสถิติที่สุดแห่งวัน True Car Free Day
เมื่อจอดรถไว้บ้าน ชีวิตเปลี่ยน…เคยขับรถ เปิดแอร์ ฟังเพลงมาชิลๆ ก็ต้องหันมาใช้วิธีการเดินทางอื่นที่แน่นอนใช่ว่าต่อเดียวแล้วจะถึง จากการสำรวจเพื่อนพนักงานที่เข้าร่วมโครงการ “True Car Free Day” พบว่า มีเพียง 28% ที่ถึงออฟฟิศด้วยการเดินทางต่อเดียว ขณะที่ตัวเลขจำนวนพนักงานที่มีการเดินทางมากกว่า 1 วิธี คิดเป็น 72% ซึ่งจำนวนประเภทการเดินทางสูงสุดต่อพนักงานหนึ่งคน มีระยะเดินทางจากที่พักอาศัยถึงที่ทำงานเที่ยวเดียว 60 กิโลเมตร ไปกลับ 120 กิโลเมตร และใช้วิธีการเดินทางมากถึง 7 วิธี โดยเดินทางด้วย รถสองแถว ต่อด้วย เรือ วินมอเตอร์ไซด์ รถประจำทาง รถไฟฟ้า BTS MRT และเดิน ตามลำดับ ซึ่งการเดินทางของพนักงานส่วนใหญ่ต้องฟันฝ่าหลายต่อ กว่าจะถึงจุดหมายปลายทาง สะท้อนให้เห็นว่า การพัฒนาเมืองที่สนับสนุนให้ผู้อยู่อาศัยในเมืองใช้ระบบขนส่งสาธารณะหรือใช้วิธีการเดินให้ถึงจุดหมาย เป็นนโยบายรัฐที่สำคัญที่จะช่วยทำให้เมืองกลายเป็น car-free city ได้จริง ซึ่งแม้ว่าการเดินทางที่ต้องฟันฝ่าหลายต่อ กว่าจะถึงจุดหมายปลายทางก็หลายทอดนั้นไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด
ก้าวแห่งการเปลี่ยนแปลง เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายเดียวกัน
ทรู คอร์ปอเรชั่น ตั้งเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการเดินทางของพนักงานจาก 5,300 ให้เหลือ 4,800 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าในปี 2567 นี้ ชูธง True Car Free Day อีกหนึ่งก้าวแห่งการเปลี่ยนแปลงที่เพื่อนพนักงานพร้อมร่วมแรงร่วมใจที่จะช่วยกันทำให้ทรู บรรลุเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ทางอ้อมอื่นๆ ใน Scope 3 ให้ได้ 25% ภายในปี 2573 นับเป็นอีกหนึ่งจิ๊กซอว์ตัวสำคัญที่จะช่วยผลักดันให้ทรู พิชิตเป้าหมายการเป็นองค์กรที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutral) ในปี 2573 และองค์กรที่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ในปี 2593 ในที่สุด
เกาะติดวิถีการเดินทางคนทรู ในวัน True Car Free Day
อ่านต่อ