25 ต.ค. 2567 72 0

แกร็บฟู้ด จุดเทรนด์ Collaborative Marketing ส่งไลน์อัพเมนูพิเศษจากร้านดังเอาใจสายกิน เพิ่มทราฟิก 2 เท่า

แกร็บฟู้ด จุดเทรนด์ Collaborative Marketing ส่งไลน์อัพเมนูพิเศษจากร้านดังเอาใจสายกิน เพิ่มทราฟิก 2 เท่า

แกร็บฟู้ด ผู้นำแพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรียอดนิยม เผยคนไทยขี้เบื่อ ชอบลองเมนูใหม่ ชงพาร์ทเนอร์ร้านอาหารเพิ่มเมนูใหม่เฉลี่ย 25% ต่อปี ผุดกลยุทธ์ Collaborative Marketing จับคู่ร้านฮิตติดกระแส ส่งเมนูพิเศษแบบโค-ครีเอชัน (Co-Creation Menu) เอาใจสายกินตลอดทั้งปี ซึ่งช่วยต่อยอดธุรกิจและเพิ่มทราฟิกเข้าร้านได้ถึง 2 เท่า พร้อมเปิดตัวแคมเปญล่าสุด #GrabThumbsUp อร่อยจริง จากคนกินจริง ตอกย้ำจุดแข็งในด้านคุณภาพและความหลากหลาย มาพร้อมส่วนลดสูงสุดถึง 500 บาท พร้อมโปรฯ เด็ดส่งฟรีทั้งเมือง*


จิรกิตต์ กว้างสุขสถิตย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานธุรกิจเดลิเวอรี แกร็บ ประเทศไทย เผยว่า “คนไทยถือเป็นชาติที่ยืนหนึ่งในเรื่องอาหารและให้ความสำคัญอย่างยิ่งในเรื่องการกิน โดยเฉพาะกลุ่มเจน Y และเจน Z ที่ชอบสรรหาร้านอาหาร รวมถึงเมนูใหม่ๆ มาลิ้มลองเพื่อสร้างประสบการณ์ที่แตกต่างให้กับตัวเองอยู่ตลอดเวลา ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลพฤติกรรมการใช้บริการฟู้ดเดลิเวอรี โดยเราพบว่าหนึ่งในปัจจัยหลักที่ผู้ใช้บริการ GrabFood ให้ความสำคัญคือ การมีตัวเลือกของร้านอาหารที่หลากหลาย รวมถึงการนำเสนอเมนูอาหารที่แปลกใหม่และน่าสนใจ ดังนั้น เราจึงได้พยายามส่งเสริมให้ผู้ประกอบการร้านอาหารที่อยู่บนแพลตฟอร์มพยายามพัฒนาสินค้าและเมนูใหม่ ๆ อยู่เสมอ โดยในแต่ละปีพาร์ทเนอร์ร้านอาหารของแกร็บได้เพิ่มเมนูใหม่ๆ เฉลี่ยมากกว่า 25% เพื่อตอบโจทย์และเอาใจผู้ใช้บริการสายกิน”


“นอกจากการคัดสรรร้านอร่อยชื่อดังจากทั่วประเทศมาแนะนำให้ผู้ใช้บริการผ่านแฟลกชิปแบรนด์อย่าง #GrabThumsUp แล้ว อีกหนึ่งกลยุทธ์ที่แกร็บบุกหนักในปีนี้ คือ การทำ Collaborative Marketing โดยจับคู่ร้านเด็ดที่มีเมนูฮิตติดเทรนด์มาร่วมมือกันสร้างสรรค์อาหารหรือเครื่องดื่มใหม่ๆ เพื่อสร้างความแตกต่างและประสบการณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟที่หาได้เฉพาะที่แกร็บ โดยเราเริ่มทดลองคอนเซ็ปต์นี้มาตั้งแต่ปี 2565 ผ่านการใช้ประโยชน์จากฐานข้อมูลบนแพลตฟอร์ม ไม่ว่าจะเป็น แนวโน้มพฤติกรรมการสั่งอาหาร ยอดขายของร้านหรือเมนูที่ได้รับความนิยม ควบคู่ไปกับการจับเทรนด์ที่กำลังมาแรง โดยแกร็บทำหน้าที่เป็นตัวกลางคอยเชื่อมให้ร้านเด็ดแบรนด์ดังได้ผนึกความร่วมมือกันพัฒนานวัตกรรมหรือสินค้าใหม่ๆ ให้ตอบโจทย์ผู้ใช้บริการและถือเป็นการต่อยอดธุรกิจ ทั้งนี้ เราพบว่า การสร้างสรรค์เมนูพิเศษแบบโค-ครีเอชัน (Co-Creation Menu) ช่วยเพิ่มทราฟิกหรือการเข้าถึงร้านค้าบนแพลตฟอร์มได้ถึง 2 เท่า เมื่อเทียบช่วงก่อนและหลังการทำ Collaborative Marketing โดยตลอดทั้งปีนี้ GrabFood ได้นำเสนอเมนูพิเศษรวมกว่า 20 เมนูจากมากกว่า 30 ร้านดัง โดยได้รับเสียงตอบรับที่ดีและกระแสความนิยมจากผู้ใช้บริการอย่างล้นหลาม”


ภายใต้กลยุทธ์ Collaborative Marketing แกร็บได้ผนึกความร่วมมือกับแบรนด์ร้านอาหารต่างๆ ใน 3 รูปแบบ คือ

Best Selling Alliances รวมเมนูดังขายดีแบบคูณสอง: การจับเมนูดังของสองร้านขายดีระดับแมสมาสร้างกิมมิคใหม่ โดยผสานจุดเด่นของเมนูดังจากทั้ง 2 แบรนด์เพื่อสร้างความแปลกใหม่อย่างลงตัว อาทิ การผนึกความร่วมมือกันของสองแบรนด์สุดปังอย่าง ซูรี (SOURI) แบรนด์ร้านขนมของ “วิน” เมธวินในสไตล์ Contemporary Patisserie ที่มีมาการองขึ้นชื่อ และ บัตเตอร์แบร์ (Butterbear) แบรนด์เบเกอร์รี่สุดไวรัลขวัญใจมัมหมี ที่ได้ร่วมงานกันอีกครั้งเพื่อสร้างสีสันให้วงการขนมกับการนำเสนอ ‘SOURI X Butterbear Boxset’ เพื่อเอาใจสายหวานด้วยเมนูยอดฮิตของทั้ง 2 ร้าน พร้อมเติมความน่ารักผ่านดีไซน์ Boxset แบบพิเศษที่ช่วยให้ขายดีแบบคูณสอง

Specialty Synergy รวมร้านเอกลักษณ์สร้างเมนูคุณภาพ: การจับแบรนด์ที่มีจุดเด่นและความเชี่ยวชาญในอาหารที่ต่างกันมาร่วมมือกัน ซึ่งช่วยสร้างความแปลกใหม่ให้กับลูกค้าประจำและยังสามารถดึงดูดความสนใจจากลูกค้าใหม่ๆ อย่างเมนู “ชีสเค้กกับดิปชาไทย” จาก เลเยอร์ (Layers) ร้านขนมหวานที่มีเอกลักษณ์ของเค้กหลายเลเยอร์ไม่เหมือนใคร มาร่วมมือกับ ฉันจะกินชาเย็นทุกวัน ตัวตึงในเรื่องชาเย็น เจ้าของเมนูชาเย็นสเลอปี้ที่มาแรงที่สุดในปีนี้ โดยผสานจุดแข็งและความเป็นเอกลักษณ์ของทั้งสองแบรนด์มาสร้างเมนูที่ใหม่ให้กับลูกค้าได้ลิ้มรสความอร่อยที่ผสานกันอย่างลงตัว

Hybrid Fusion รวมพลังข้ามกลุ่มเป้าหมายขยายฐานลูกค้า: การร่วมมือของร้านมีฐานลูกค้าที่แตกต่างกัน หรือมาจากคนละวงการ อย่างเมนู “เบบี้เอแคลร์เมลอน” เมนูสุดไวรัลจากร้านอาฟเตอร์ยู (After You) คาเฟ่ร้านขนมสุดฮอตที่ไม่มีใครไม่รู้จักที่ร่วมมือกับ เอแคลร์จือปาก (Juepak) อินฟลูเอนเซอร์ตัวแม่ชื่อดังที่่มีผู้ติดตามหลักล้านคน ซึ่งความร่วมมือในครั้งนี้ไม่เพียงจะสร้างความตื่นเต้นและแปลกใหม่ให้กับวงการอาหาร แต่ยังช่วยขยายฐานลูกค้าระหว่างกันด้วย


“สำหรับในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ แกร็บฟู้ดเตรียมเปิดตัวแคมเปญใหม่ล่าสุด #GrabThumbsUp อร่อยจริง จากคนกินจริง เพื่อตอกย้ำจุดแข็งของแฟลกชิปแบรนด์อย่าง #GrabThumbsUp ที่คอยคัดสรรร้านอร่อยจากทั่วประเทศที่มีคะแนนเรตติ้งสูงและได้รับการรีวิวจากคนกินจริงมาแนะนำให้ผู้ใช้บริการ ซึ่งรวมถึงเมนูโค-ครีเอชันจากหลายแบรนด์ชั้นนำที่เตรียมทยอยเปิดตัวเพื่อเอาใจสายกิน มาพร้อมความคุ้มค่าด้วยการมอบส่วนลดคืนสูงสุดถึง 500 บาทสำหรับการสั่งอาหารในครั้งต่อไป พร้อมโปรฯ เด็ดส่งฟรีทั้งเมือง* เพียงใส่โค้ด 0BAHT ตั้งแต่วันที่ 28 ตุลาคม - 24 พฤศจิกายนนี้” จิรกิตต์ ทิ้งท้าย


*หมายเหตุ เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด


มัดรวม 6 เมนูโค-ครีเอชันสุดปังจากร้านดังของ #GrabThumsUp ในช่วงปลายปี

ประเดิมเมนูแรกจาก SOURI ร้านมาการองสไตล์ Contemporary Patisserie ชื่อดัง x Butterbear ร้านขนมหมีเนยสุดฮิต กับ Boxset สุดคิ้วท์ ที่ในกล่องจะประกอบไปด้วย Financier ขนมเค้กสไตล์ฝรั่งเศส 2 รสชาติอย่าง Durian Salted Egg Yolks และ Osmanthus Lemon Crumble คู่ไปกับคุกกี้ รสชาติ Vanilla Custard Mooncake พร้อมเซ็ต Postcard สติกเกอร์และกระดาษโน้ตลายหมีเนยสุดคิ้วท์

ตามมาด้วยเมนูที่ 2 จากร้านคราฟต์ไอศครีมแนวบอสตันชื่อดังอย่าง Guss Damn Good ที่จับมือกับ Layers ร้านขนมหวานที่มีเอกลักษณ์ของเค้กหลายเลเยอร์ไม่เหมือนใคร กับเมนู ชีสเค้กไอติม 4 รสชาติเด็ด ที่ท้าให้คุณได้ลองอย่าง  Layers of Strawberry & Damn Good Choc Ice Cream, Layers of Strawberry & Matcha Ice Cream, Layers of Strawberry Biscoff & Yogurt Ice Cream, Layers of Banoffee & Ice Cream

เมนูที่ 3 กับท็อปปิ้งซอสชาไทยใหม่ของร้าน Yolé ร้านไอศกรีมโยเกิร์ตที่กำลังมาแรง ที่จับมือมากับร้าน Karun ร้านชาไทยสเปเชียลตี้ชื่อดัง ที่มีรสชาหอมเข้มข้นกินคู่กับไอศครีมโยเกิร์ตสุดครีมมี่จาก Yolé  ที่เข้ากันอย่างลงตัว

ต่อด้วยเมนูที่ 4 จากร้าน The Rolling Pinn แบรนด์ขนมรสเข้มข้น กับ Soft Spot ได้จับมือกันเพื่อรังสรรค์เมนูสุดพิเศษเปิดประสบการณ์การทานดูไบช็อคโกแลตในรูปแบบ Soft Serve รส Pistachio Yogurt ที่อร่อยลงตัว ท็อปด้วยมิลค์ช็อคโกแลต Valrhona เนื้อเนียน บวกกับเส้น Kataifi คั่วเนยหอมกรุบ มิกซ์ถั่วพิสตาชิโอหอมฟุ้งคั่วใหม่ ๆ รับรองว่าเมนูนี้เข้มข้น อร่อยนัวจับใจสุด ๆ ไปเลย

เมนูที่ 5 กับไอติมขนมไข่เนยเค็ม จาก Guss Damn Good ที่ได้มาจับมือ HAAB ร้านขนมไข่ฉ่ำเนยต้นตำรับสงขลาเทิร์นการกินแบบเดิมมาเป็นรูปแบบไอติมเนรมิตโดย Guss Damn Good ที่ตั้งใจปรุงเบสไอติมเป็นรสเนยเค็ม จากเนยฝรั่งเศสแท้ กับเนื้อไอศครีมที่ตักลงไปเจอชิ้น ๆ ขนมไข่นุ่ม ๆ กินรวมกับแล้วได้สัมผัสของรสชาติที่คุ้นเคย

ปิดท้ายด้วยเมนูที่ 6 จากร้าน Easy Burger ร้านแฮมเบอร์เกอร์สตรีทฟู๊ดที่มาคอลแลปกับ Phuketique ร้านโทสชื่อดังย่านเมืองเก่าภูเก็ต กับเมนูพิเศษขายที่ Only at Grab เท่านั้น อย่าง ‘Burnt Butter Toast Shake’ รสเข้มข้น หวานมันนัว หอมหวานคาราเมล ตัดเค็มนิด ๆ ด้วยรสสัมผัสจาก Sea Salt ท็อปด้วยโทสต์กรอบหวานมัน ดิปกับเครื่องดื่ม คือเข้ากันมาก เพอร์เฟคคอมบิเนชัน