สยามพารากอน สร้างปรากฏารณ์งานทอล์กแห่งปี จับมือ SCBX รวบรวมบุคคลสำคัญของวงการ AI ระดับโลก บนเวที The Global Tech Talk “AI: Empowering the Future Workforce” ณ SCBX Next Tech ชั้น 4 สยามพารากอน เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา เจาะลึก AI เสริมสร้างความเข้าใจการใช้งานอย่างเต็มศักยภาพ จุดประกายขับเคลื่อนผู้คนเพื่อให้ Smarter, Better และ Richer ส่งต่อความรู้ด้านเทคโนโลยีล้ำสมัย
ปฏิเสธไม่ได้ว่าทุกวันนี้โลกกำลังก้าว “เร็วขึ้น” เข้าสู่ยุคของปัญญาประดิษฐ์ หรือ Artificial Intelligence (AI) ภาคธุรกิจทุกระดับทั่วโลกต่างเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงจากแรงขับเคลื่อนของเทคโนโลยีนี้ รวมถึงผลกระทบเชิงบวกที่จะเกิดขึ้น ทั้งในแง่การลดค่าใช้จ่าย การยกระดับประสิทธิภาพ การเพิ่มผลกำไร ความเร็วในการสร้างนวัตกรรมและความโดดเด่นล้ำหน้าคู่แข่ง บริษัทส่วนใหญ่ทั่วโลกหันมาเพิ่มการลงทุนเกี่ยวกับ AI เกิดความคาดหวังใหม่ๆ ต่อโอกาสทางธุรกิจที่จะขยายกว้างยิ่งขึ้น และความคาดหวังต่อทักษะใหม่ๆของบุคลากร ที่ต้องพร้อมสำหรับการทำงานในยุคแห่งความเปลี่ยนแปลงนี้
จากผลการศึกษาของ Pivot Digital สำรวจความคิดเห็นของบริษัทระดับโลกมากกว่า 1,000 ราย ในปี 2567 ระบุว่า มีการใช้งบประมาณ 20% ลงทุนด้าน AI และมากกว่าครึ่งของบริษัทกลุ่มนี้ ได้รับผลตอบแทนการลงทุน (ROI) สูงถึง 54% อีกทั้งพบว่า มีแนวโน้มสูงของการใช้ AI ขับเคลื่อนการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินธุรกิจ และเพิ่มโอกาสสร้างรายได้ใหม่
อักเซล วินเทอร์ (Axel Winter) ซีอีโอ บริษัท เอ็กซ์โพเนนเชียล จำกัด (Xponential) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างสยามพิวรรธน์ และพิวอท ดิจิทัล (Pivot Digital) กล่าวว่า ปัจจุบัน AI มีบทบาทขับเคลื่อนการลงทุนที่สำคัญ หลังจากบริษัทส่วนใหญ่มองเห็นประโยชน์ที่ช่วยลดค่าใช้จ่าย เพิ่มผลกำไร และสนับสนุนให้การนำข้อมูลมาใช้งานดียิ่งขึ้น บริษัทระดับโลกหลายรายเริ่มปรับแผนการใช้จ่ายด้านไอที มามุ่งเน้นโครงการที่เกี่ยวข้อง AI มากขึ้น
จึงเกิดแนวโน้มที่บริษัทระดับโลกหันมาเร่งเครื่องแผนปฏิบัติการ และการลงทุนด้าน AIสำหรับองค์กร ได้สร้างแรงสั่นสะเทือนอย่างมากกับการจ้างงาน ตลอดจนแพลตฟอร์มที่มีอยู่ในปัจจุบัน หลายบริษัทชั้นนำ ได้กำหนดไว้เป็นส่วนหนึ่งของ KPI และเพิ่มเข้าไปไว้ในรายละเอียดของ Career Path สำหรับพนักงาน
ขณะที่ การสรรหาบุคลากร ให้ความสำคัญกับการมองหา “คนที่ใช่” ที่สามารถเปลี่ยนแปลง เรียนรู้ ปรับตัวเข้ากับกลยุทธ์องค์กรได้ในการใช้ประโยชน์จาก AI และก้าวทันทุกความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดจากเทคโนโลยีด้านนี้ได้
ด้านภาพรวมระดับภูมิภาค ในอาเซียนเกิดนวัตกรรรมจำนวนมากจากบริษัทสตาร์ทอัพด้าน AI หลากหลายอุตสาหกรรม สร้างระบบนิเวศทางธุรกิจ (AI Ecosystem) ที่ครอบคลุมทั้ง โซลูชั่นด้านปัญญาประดิษฐ์ การตลาดและคอนเทนต์ บริการด้านสุขภาพ (Healthcare &Wellness) ฟินเทค มีเดีย ด้านทรัพยากรบุคคล ประสิทธิผลทางการผลิต เทคโนโลยีด้านการศึกษา ค้าปลีก การรักษาความปลอดภัย และการพัฒนาต่างๆ
จากรายงานของบริษัทที่ปรึกษาระดับโลก McKinsey&Company พบว่า ปัจจุบันการใช้ประโยชน์จาก AI สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ งานด้านการขายและการตลาด 34%, การพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการ 23% และการทำงานด้านไอที (IT Functions) 17% โดยในส่วนของการขายและการตลาด มุ่งเน้นไปที่คอนเทนต์สนับสนุนการวางกลยุทธ์ 16% และการตลาดแบบเพอร์ซันนัลไลซ์ 15%
ในยุคของ AI ข้อมูล ทั้งหมดที่ได้มาจากช่องทางต่างๆ เช่น ความคิดเห็นของลูกค้าในทุกรูปแบบ เอกสารของบริษัท ภาพและวิดีโอ ฐานข้อมูลทั่วไป การเก็บรวบรวมข้อมูลเชิงพฤติกรรม และเซ็นเซอร์จากอุปกรณ์ IOT ล้วนมีประโยชน์ นำไปสู่การเป็น Enterprise Intelligence ดังนั้นถึงเวลาแล้วที่องค์จะต้องคิดใหม่ (Rethink) ในมุมวิธีการที่จะปรับใช้งานโครงสร้างพื้นฐานข้อมูลที่มีอยู่
เบรตต์ คิง (Brett King) ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ The Futurists, Provoke และ Longevity Alpha และที่ปรึกษาของ Moven and Barra กล่าวว่า แนวโน้มอีก 10-20 ปีข้างหน้า AI จะเข้ามาสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับทุกอุตสาหกรรม และพลิกโฉมตลาดแรงงาน ประกอบกับ 10 ปีที่ผ่านมา ได้เห็นการเติบโตอย่างมากของ ChatGPT และ Generative AI
จากผลการศึกษา “PwC Workforce Future Study” ระบุว่า ในอนาคต AI และระบบอัตโนมัติ (Automation) เป็นเทคโนโลยีที่จะสร้างแรงกระทบต่อธุรกิจและแรงงานมนุษย์ ส่งผลให้รูปแบบการทำงานเปลี่ยนแปลงไปและซับซ้อนยิ่งขึ้น ดังนั้น บุคลากรยุคใหม่ ต้องเพิ่มทักษะ ให้พร้อมสำหรับความเปลี่ยนแปลงดังกล่าว โดยผลการศึกษาฉบับนี้ พบว่า 74% พร้อมที่จะเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ ให้เข้ากับเศรษฐกิจรูปแบบใหม่ และสามารถเป็นแรงงานที่บริษัทยังต้องการอยู่ต่อไป
“แม้หลายคนมีมุมมองต่อเทคโนโลยี AI และหุ่นยนต์ว่า จะแย่งงาน “คน” แต่หากพลิกมองอีกมุมหนึ่งก็จะเห็นว่า เทคโนโลยี ช่วยสร้างงานใหม่ๆ ได้ เช่นการทำงานร่วมกันระหว่างคนกับเทคโนโลยีทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงรูปแบบ (Transform) กิดการทำงานที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ฉะนั้นการเพิ่มทักษะการใช้เทคโนโลยีจึงถือเป็นสิ่งสำคัญ”
จอร์จ ฮาร์เทล (George Hartel) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการตลาดและฝ่ายพัฒนาสินค้า GQ Apparel กล่าวว่า จากความสำเร็จของการฝ่าความท้าทายด้านนวัตกรรม และการทรานส์ฟอร์ม ธุรกิจเครื่องแต่งกายแบรนด์เก่าแก่ของประเทศไทยที่เป็นธุรกิจครอบครัวในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ล่าสุดได้นำเทคโนโลยี AI เข้ามาปรับใช้ในทุกส่วนงาน ครอบคลุมการทำงานของพนักงานทุกคน ซึ่งมีบทบาทเร่งการเติบโตให้กับบริษัท ทั้งนี้ มีข้อมูลจาก McKinsey ระบุว่า บริษัทที่นำ AI เข้ามาช่วยพัฒนาทักษะพนักงาน สามารถสร้างผลการดำเนินงานเติบโตถึง 30%
นอกจากนี้ การนำเทคโนโลยี AI เข้ามาปรับใช้ในทุกภาคส่วนของการทำธุรกิจ ยังสร้างผลลัพธ์ทั้งการประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย ครอบคลุมตั้งแต่ การโฆษณา การพัฒนาด้านการออกแบบ การรีวิวบรรจุภัณฑ์ (Packaging Review) และการสื่อสารภายในองค์กร เกิดการบูรณาการข้อมูลจากทุกส่วน และปรับเปลี่ยนให้ทุก Touchpoint กลายเป็นสถานีพลังงาน (Powerhouse) สำหรับประสิทธิภาพและการสร้างนวัตกรรม
#TheGlobalTechTalkAIEmpoweringtheFutureofWorkforce
#SCBXNextTech #SiamParagonSCBXNextTech