12 พ.ย. 2567 80 0

Mastercard เปิดตัว Payment Passkey ทางเลือกใหม่แทนการใช้ OTP ในเอเชียแปซิฟิก

Mastercard เปิดตัว Payment Passkey ทางเลือกใหม่แทนการใช้ OTP ในเอเชียแปซิฟิก

ด้วยการผสานรวมเทคโนโลยีชั้นนำ เช่น Tokenization, Click to Pay และการยืนยันตัวตนแบบไบโอเมตริกซ์ผ่าน Payment Passkey จะทำให้การช้อปออนไลน์เป็นไปอย่างง่ายดาย ไม่มีสะดุด

เนื่องจากการชำระเงินมีความซับซ้อนมากขึ้น มาสเตอร์การ์ดจึงได้ประกาศเปิดตัว Mastercard Payment Passkey Service บริการใหม่ล่าสุดที่สามารถยืนยันตัวตนด้วยระบบไบโอเมตริกซ์บนอุปกรณ์ได้อย่างปลอดภัยผ่านการสแกนใบหน้าหรือรอยนิ้วมือ ซึ่งเป็นวิธีเดียวกันกับที่ใช้ปลดล็อคโทรศัพท์ในทุก ๆ วัน ด้วยการผสมผสานความสามารถในการป้องกันการฉ้อโกงอย่าง Tokenization  หรือการแปลงสินทรัพย์ประเภทต่าง ๆ ให้อยู่ในรูปแบบของโทเคนดิจิทัล กับความสะดวกในการใช้ Payment Passkey และการเพิ่มความสามารถในการชำระเงินแบบไม่ต้องมีบัญชีหรือลงทะเบียนให้สะดวกยิ่งขึ้นด้วย Click to Pay ทำให้ผู้ใช้งานสามารถเพลิดเพลินไปกับการชำระเงินที่ราบรื่นเพียงคลิกบนอุปกรณ์ บราวเซอร์ และระบบปฏิบัติการ ครั้งเดียวโดยไม่ต้องใส่ทั้งรหัสผ่านหรือรหัสผ่านแบบใช้ครั้งเดียว (OTP) อีกต่อไป

ที่สำคัญคือการใช้ Click to Pay ยังช่วยให้นักช็อปออนไลน์ไม่จำเป็นต้องมีบัญชีหรือบันทึกบัตรไว้กับร้านค้าอีกต่อไป เพราะการใช้วิธีการยืนยันตัวตนด้วยระบบไบโอเมตริกซ์พร้อมกับ Payment Passkey จะทำให้การชำระเงินเป็นไปอย่างรวดเร็ว สะดวก และปลอดภัยกว่าเดิม ในขณะเดียวกัน ร้านค้าก็สามารถลดจำนวนลูกค้าที่ออกจากเว็บไซต์หรือแอปฯโดยไม่ซื้อสินค้าได้ ยอดขายเพิ่มขึ้น รวมถึงป้องกันการฉ้อโกงได้ดียิ่งขึ้น ในขณะที่ผู้ออกบัตรจะได้รับสถานะ Top of Wallet หรือกลายเป็นตัวเลือกการชำระเงินที่ลูกค้าเลือกใช้เมื่อซื้อของออนไลน์และยังปลอดภัยสำหรับลูกค้าอีกด้วย ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นถึงประโยชน์ที่ครอบคลุมสำหรับทุกฝ่าย

การเปิดตัวบริการใหม่ภายในงาน Singapore FinTech Festival ถือเป็นก้าวสำคัญสำหรับภารกิจของมาสเตอร์การ์ดในการพลิกโฉมระบบการชำระเงิน นอกจากนี้ ยังเป็นการสานต่อความสำเร็จของการเปิดใช้งานระบบยืนยันตัวตนแบบไบโอเมตริกซ์ระดับโลกของบริษัทเทคโนโลยีการชำระเงิน ผ่านบริการ Mastercard Payment Passkey Service ให้กับผู้ใช้งานหลายล้านคนในอินเดียเมื่อเดือนสิงหาคมปีนี้ และได้มีการขยายไปยังตลาดสำคัญ ๆ ทั่วโลก ภายในระยะเวลาไม่กี่เดือน Mastercard Payment Passkey Service ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วและแพร่หลายในหมู่ร้านค้าและยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากธนาคารชั้นนำ ผู้ให้บริการชำระเงิน และร้านค้าออนไลน์ต่างก็หันมาใช้บริการดังกล่าว

ซานดีป มัลโหตรา (Sandeep Malhotra) รองประธานบริหารฝ่ายผลิตภัณฑ์และนวัตกรรม มาสเตอร์การ์ด ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กล่าวว่า “เทคโนโลยีไร้สัมผัสช่วยให้การชำระเงินด้วยตนเอง ณ จุดขายเป็นไปได้อย่างสะดวกและแพร่หลาย ดังนั้น มาสเตอร์การ์ดจึงเล็งเห็นถึงโอกาสในการนำประสบการณ์แบบเดียวกันนี้มาใช้กับการชำระเงินออนไลน์ นั่นคือเหตุผลว่าทำไมเราถึงยกเลิกการใส่รหัสผ่านแบบใช้ครั้งเดียวและการยืนยันตัวแบบหลายขั้นตอน ด้วยระบบการยืนยันตัวตนแบบไบโอเมตริกซ์ผ่าน Payment Passkeys ผู้ซื้อไม่จำเป็นต้องยุ่งยากกับการชำระเงินแบบหลายขั้นตอนอีกต่อไป ในขณะที่ร้านค้าเองก็ได้รับประโยชน์ในด้านความเร็วและความปลอดภัย”

ประโยชน์สำคัญ ๆ ของ Mastercard Payment Passkey Service:

  • การชำระเงินที่ง่ายดาย: Payment Passkey พร้อมส่งมอบประสบการณ์ที่ง่ายและสะดวกสบายให้แก่ผู้ใช้งาน โดยไม่จำเป็นต้องรอแอปพลิเคชันธนาคารหรือการแจ้งเตือน (ซึ่งมักจะเป็นปัญหาอย่างยิ่งเมื่อการเชื่อมต่อสัญญาณไม่เสถียร)
  • ยอดขายเพิ่มมากขึ้น: ร้านค้าจะสามารถลดจำนวนลูกค้าที่ออกจากเว็บไซต์หรือแอปฯโดยไม่ซื้อสินค้าได้ เพราะลูกค้าสามารถทำธุรกรรมได้อย่างรวดเร็ว ง่าย และมีความน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น
  • ความปลอดภัยที่เข้มงวดยิ่งขึ้น: ด้วยเทคโนโลยีการยืนยันตัวตนแบบไบโอเมตริกซ์ผ่านการใช้ Payment Passkey สามารถป้องกันความเสี่ยงจากการถูกขโมยรหัส ป้องกันผู้ซื้อจากการถูกฉ้อโกงและหลอกลวง ทำให้ร้านค้าสามารถมุ่งเน้นไปที่เรื่องการดูแลลูกค้าและพัฒนาสินค้าเพื่อสร้างความไว้วางใจแทนที่จะต้องมานั่งกังวลกับเรื่องความปลอดภัยของการชำระเงิน

แม้ว่าการใช้รหัสผ่านและใส่รหัสแบบใช้ครั้งเดียว (OTP) จะได้รับความนิยม แต่การยืนยันตัวตนด้วยวิธีการแบบดั้งเดิมเหล่านี้กลับมีความเสี่ยงต่อการถูกล่อลวงทางออนไลน์อย่างยิ่ง เช่น การหลอกล่อโดยวิธีทางจิตวิทยาหรือถูกดักข้อมูลโดยมิจฉาชีพผ่านหน้าจอ ซึ่งในความเป็นจริงนั้นพบว่า การละเมิดข้อมูลที่ได้รับการยืนยันทั่วโลกกว่า 80% เกี่ยวข้องกับรหัสที่คาดเดาง่ายหรือถูกขโมย ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเมื่อผู้ใช้งานส่วนใหญ่ (91%) ในเอเชียแปซิฟิกมีความกังวลต่อเรื่องภัยคุกคามทางไซเบอร์ เพื่อป้องกันปัญหานี้ การใช้รหัสผ่านแบบดั้งเดิมและแบบใช้ครั้งเดียวจึงถูกแทนที่ด้วย Mastercard Payment Passkey ที่มีการยืนยันตัวตนแบบไบโอเมตริกซ์ ทำให้การทำธุรกรรมเป็นไปอย่างรวดเร็วและปลอดภัยมากขึ้น เพราะสามารถป้องกันความเสี่ยงในการสูญเสียหรือเผยแพร่ข้อมูลส่วนตัวโดยไม่ได้ตั้งใจแก่มิจฉาชีพ

ที่สำคัญคือ Mastercard Payment Passkey Service ที่มีการแปลงข้อมูลการชำระเงินและการยืนยันตัวตนแบบไบโอเมตริกซ์ให้อยู่ในรูปแบบของโทเคนดิจิทัล (Tokenization) จะช่วยรับประกันได้ว่าข้อมูลการชำระเงินและข้อมูลไบโอเมตริกซ์ของผู้ใช้จะไม่ถูกเผยแพร่แก่บุคคลที่สาม ทำให้ข้อมูลดังกล่าวไม่มีประโยชน์สำหรับนักต้มตุ๋นและมิจฉาชีพ

การใช้งาน

ผู้ใช้แค่ลงทะเบียนบัตรมาสเตอร์การ์ดเพียงครั้งเดียวเพื่อใช้ Payment Passkey สำหรับการชำระเงินเมื่อใช้จ่ายออนไลน์

เมื่อชำระเงินกับร้านค้า ลูกค้าสามารถเลือกใช้บัตรมาสเตอร์การ์ดของตนไม่ว่าจะเป็นการซื้อแบบไม่มีบัญชีหรือหากมีบัญชีก็สามารถเลือกบัตรที่มีการบันทึกไว้ได้เลย

จากนั้นยืนยันการชำระเงินผ่านการยืนยันตัวตนแบบไบโอเมตริกซ์ ด้วย การสแกนลายนิ้วมือหรือการสแกนใบหน้า การชำระเงินจะเสร็จสมบูรณ์ทันทีที่ยืนยันตัวตนเรียบร้อยแล้ว

บริษัทแว่นตาเลนสคาท (Lenskart) ในประเทศสิงคโปร์ได้เริ่มใช้การยืนยันตัวตนแบบไบโอเมตริกซ์ผ่าน Mastercard Payment Passkey Service ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากจัสเพย์ (Juspay) และธนาคารที่มีชื่อเสียงในประเทศ อย่าง ดีบีเอส (DBS) และยูโอบี (UOB) ทำให้การซื้อแว่นตากลายเป็นเรื่องที่รวดเร็ว ปลอดภัย และไม่จำเป็นต้องใส่รหัสผ่านให้วุ่นวาย

แจน ลิม (Jan Lim) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายธุรกิจประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของเลนสคาท กล่าวว่า “Mastercard Payment Passkey Service นับเป็นบริการที่เข้ามาพลิกโฉมวงการอีคอมเมิร์ซ ด้วยการกำจัดข้อบกพร่องที่ส่งผลต่อประสบการณ์ของลูกค้า ทำให้ลูกค้าสามารถซื้อแว่นตาของเราได้ในคลิกเดียว เราจึงสามารถมุ่งเน้นไปที่การรังสรรค์แว่นตาแฟชั่นที่ดีที่สุดได้ แทนที่จะต้องมากังวลกับเรื่องของความปลอดภัยในการชำระเงินหรือการสั่งซื้อสินค้า”

“การเปิดตัวแนวคิดใหม่ของอุตสาหกรรมนี้ในเอเชียเป็นการตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของจัสเพย์ในการพัฒนาอีคอมเมิร์ซผ่านนวัตกรรมและเทคโนโลยี ด้วย Mastercard Payment Passkey Service ร้านค้าจะเห็นอัตราความสำเร็จในการชำระเงินและยอดขายที่สูงขึ้นอย่างชัดเจน ในขณะที่ผู้ใช้งานเองก็สามารถชำระเงินด้วยระบบไบโอเมตริกซ์ที่ปลอดภัยโดยไม่ซับซ้อนและหลายขั้นตอน ทำให้การชำระเงินดิจิทัลเป็นไปอย่างราบรื่นและเข้าถึงง่าย” ชีทาล ลาลวานี (Sheetal Lalwani) ซีโอโอและผู้ร่วมก่อตั้งของจัสเพย์ กล่าว

นอกจากนี้ มาสเตอร์การ์ดยังใช้มาตรฐานอุตสาหกรรมจาก EMVCo, World Wide Web Consortium และ FIDO Alliance เพื่อเพิ่มความรวดเร็วและปลอดภัยในการชำระเงิน โดยการรวมข้อมูลการชำระเงินแบบโทเค็นกับการยืนยันตัวตนแบบไบโอเมทริกซ์เข้าด้วยกัน