วงศ์อะเคื้อ บุญศล โฆษกกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ฝ่ายการเมือง เปิดเผยว่า ในช่วงวันที่ 2 – 8 ธันวาคม 2567 ที่ผ่านมา ศูนย์ AOC 1441 (Anti Online Scam Operation Center) ได้มีรายงานเคสตัวอย่างอาชญากรรมออนไลน์ที่ประชาชนได้รับผลกระทบจากการถูกหลอกลวง จำนวน 5 เคส ประกอบด้วย
คดีที่ 1 คดีหลอกลวงให้โอนเงินเพื่อทำงานหารายได้พิเศษ 800,000 บาท โดยผู้เสียหายพบโฆษณาชักชวนลงทุนหารายได้พิเศษอ้างผลตอบแทนดีผ่านช่องทาง Facebook จึงทักไปสอบถามรายละเอียดผ่านทาง Messenger Facebook มิจฉาชีพแจ้งว่าเป็นการส่งเสริมการขายสินค้าโดยได้รับค่าคอมมิชชันตอบแทน จากนั้นเพิ่มเพื่อนทาง Line แนะนำขั้นตอนการทำงานและดึงเข้า Group Line โดยให้เริ่มลงทุนโอนเงินเข้าไปในระบบก่อน ในระยะแรกได้รับผลตอบแทนจริง ต่อมาภายหลังเริ่มให้ลงทุนมากขึ้น จึงต้องการขอยกเลิกภารกิจและถอนเงินคืน มิจฉาชีพแจ้งว่าให้ชำระค่าภาษีและค่าปรับเนื่องจากทำผิดกฎบริษัท ผู้เสียหายเชื่อว่าตนถูกมิจฉาชีพหลอก
คดีที่ 2 คดีหลอกลวงให้โอนเงินเพื่อรับรางวัล หรือวัตถุประสงค์อื่นๆ มูลค่าความเสียหาย 1,648,617 บาท โดยผู้เสียหายได้รับการติดต่อจากมิจฉาชีพผ่านทางโทรศัพท์ อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่กรมที่ดินแจ้งว่าผู้เสียหายจะได้รับเงินภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่เคยยื่นคำร้องไว้ หลังจากนั้นมิจฉาชีพ ให้ผู้เสียหายแจ้งหมายเลขบัญชีธนาคาร โดยแจ้งให้ทำตามขั้นตอนต่างๆรวมถึงการสแกนใบหน้า ต่อมาผู้เสียหายได้รับข้อความ SMS จากธนาคารแจ้งว่ายอดเงินในบัญชีได้ถูกโอนออกไปจนหมด ผู้เสียหายเชื่อว่าตนเองถูกมิจฉาชีพหลอก
คดีที่ 3 คดีหลอกลวงให้ลงทุนผ่านระบบคอมพิวเตอร์ มูลค่าความเสียหาย 2,300,000 บาท โดยผู้เสียหายได้รับการติดต่อจากมิจฉาชีพผ่านช่องทาง Facebook ชักชวนลงทุนเทรดหุ้น ผู้เสียหายสนใจจึงเพิ่มเพื่อนทาง Line สอบถามรายละเอียด จากนั้นโอนเงินลงทุนทำการเทรดหุ้น ในช่วงแรกได้กำไรและสามารถถอนเงินจากระบบได้ จึงโอนเงินเพิ่มและเทรดหุ้นได้จำนวนมากขึ้นแต่ไม่สามารถถอนเงินได้ มิจฉาชีพแจ้งว่าต้องโอนเงินเพิ่มขึ้นเพื่อเป็นค่าดำเนินการ ผู้เสียหายเชื่อว่าตนถูกมิจฉาชีพหลอก
คดีที่ 4 คดีหลอกลวงให้กู้เงิน มูลค่าความเสียหาย 2,157,921 บาท โดยผู้เสียหายพบโฆษณาสินเชื่อกู้เงินง่ายผ่านช่องทาง Tiktok ผู้เสียหายสนใจจึงทักไปสอบถามรายละเอียด จากนั้นได้เพิ่มเพื่อนทาง Line มิจฉาชีพให้กรอกข้อมูลและแจ้งให้โอนเงินเพื่อเป็นค่าประกันสินเชื่อ ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงโอนเงินไป
แต่ไม่สามารถถอนเงินกู้ออกมาได้ มิจฉาชีพอ้างว่าผู้เสียหายกรอกข้อมูลส่วนตัวผิดพลาด ระบบจึงทำการระงับรายการไว้ชั่วคราว ให้ทำการส่ง หน้าเอกสารบัญชีธนาคาร ถ่ายรูปบัตรประจำตัวประชาชนด้านหน้าและด้านหลัง และโอนเงินเพื่อให้ทางระบบเปิดให้ทำการแก้ไข ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงทำตาม หลังจากโอนเงินเสร็จไม่สามารถติดต่อได้อีก จึงเชื่อว่าตนเองถูกมิจฉาชีพหลอก
และคดีที่ 5 คดีข่มขู่ทางโทรศัพท์ให้เกิดความกลัวแล้วหลอกให้โอนเงิน (Call Center) มูลค่าความเสียหาย 1,999,999 บาท ทั้งนี้ ผู้เสียหายได้รับการติดต่อจากมิจฉาชีพผ่านทางโทรศัพท์ อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่เครือข่าย โทรศัพท์ TrueMove แจ้งว่าผู้เสียหายเปิดหมายเลขโทรศัพท์ทำเรื่องผิดกฎหมาย และโอนสายไปให้สนทนากับเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดพิจิตร เจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งว่าหมายเลขโทรศัพท์มือถือและบัญชีธนาคารของผู้เสียหายมีส่วนเกี่ยวข้องกับเว็บไซต์พนันออนไลน์ จากนั้นได้เพิ่มเพื่อนทาง Line มีการสนทนาผ่าน VDO Call และขอตรวจสอบเส้นทางการเงินในบัญชี หากไม่ให้ความร่วมมือจะมีความผิดตามกฎหมาย ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงให้ความร่วมมือและโอนเงินไป ภายหลังการโอนเงินเสร็จไม่สามารถติดต่อได้อีก ผู้เสียหายเชื่อว่าตนเองถูกมิจฉาชีพหลอก
สำหรับมูลค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นทั้ง 5 คดี รวม 8,906,537 บาท
ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานของ ศูนย์ AOC 1441 ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2566 ถึง วันที่ 6 ธันวาคม 2567 มีตัวเลขสถิติผลการดำเนินงาน ดังนี้
1. สายโทรเข้า 1441 จำนวน 1,275,696 สาย / เฉลี่ยต่อวัน 3,173 สาย
2. ระงับบัญชีธนาคาร จำนวน 415,405 บัญชี / เฉลี่ยต่อวัน 1,154 บัญชี
3. ระงับบัญชีตามประเภทคดีสูงสุด 5 ประเภท ได้แก่ (1) หลอกลวงซื้อขายสินค้าหรือบริการ 124,122 บัญชี คิด เป็นร้อยละ 29.88 (2) หลอกลวงหารายได้พิเศษ 101,138 บัญชี คิดเป็นร้อยละ 24.35 (3) หลอกลวงลงทุน 62,179 บัญชี คิดเป็นร้อยละ 14.97 (4) หลอกลวงให้โอนเงินเพื่อรับรางวัล 36,390 บัญชี คิดเป็นร้อยละ 8.76 (5) หลอกลวงให้กู้เงิน 32,242 บัญชี คิดเป็นร้อยละ 7.76 (และคดีอื่นๆ 59,334 บัญชี คิดเป็นร้อยละ 14.28)
จากเคสตัวอย่างจะเห็นได้ว่า มิจฉาชีพ ใช้วิธีการหลอกลวงผู้เสียหาย ด้วยการหลอกให้ลงทุน หรือหารายได้พิเศษ โดยเป็นการหลอกให้ลงทุนเทรดหุ้นผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย คือ Facebook และ Line ทั้งนี้ขอย้ำว่า กรณีการร่วมลงทุนผ่านช่องทางออนไลน์ต่างๆ ที่ไม่มีการรับรองโดยหน่วยงานที่มีความน่าเชื่อถือ เป็นการเสี่ยงต่อการถูกหลอกลวง ขอให้ผู้เสียหายตรวจสอบติดต่อสอบถามไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อสอบถาม
รายละเอียดให้แน่ชัด หรือติดต่อผ่านทางสายด่วน AOC 1441 เพื่อยืนยันตรวจสอบข้อเท็จจริง ก่อนที่จะมีการให้ข้อมูลส่วนบุคคล เพิ่มเพื่อนหรือดำเนินการใดๆ ในโซเชียลมีเดีย
นอกจากนี้ยังมีเรื่องการหลอกลวงให้กู้เงินทางออนไลน์ ซึ่งส่วนใหญ่มักเป็นขบวนการมิจฉาชีพ ซึ่งหน่วยงานที่มีความน่าเชื่อถือส่วนใหญ่จะไม่มีบริการสินเชื่อให้กู้ยืมเงินผ่านโซเชียล หรือสื่อสังคมออนไลน์ โดยหากสนใจโครงการสินเชื่อ ควรติดต่อผ่านช่องทางของธนาคาร หรือผู้ให้บริการสินเชื่อโดยตรงที่สำนักงาน หรือช่องทางที่เชื่อถือได้ และควรตรวจสอบรายละเอียดให้แน่ชัด ก่อนให้ข้อมูลส่วนบุคคล
“ในส่วนของการที่มิจฉาชีพอ้างเป็นเจ้าหน้าที่หน่วยงานรัฐ หรือเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทำการถูกข่มขู่ ควรติดต่อสอบถามไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อสอบถามรายละเอียดให้แน่ชัด หรือติดต่อผ่านทางสายด่วน AOC 1441 เพื่อยืนยันตรวจสอบข้อเท็จจริง” วงศ์อะเคื้อ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ขอให้ประชาชนยึดหลัก 4 ไม่ คือ 1. ไม่กดลิงก์ 2.ไม่เชื่อ 3.ไม่รีบ และ 4.ไม่โอน ก่อนที่จะทำธุรกรรมใดๆ อย่ากดเข้าลิงก์เว็บไซต์ หรือดาวน์โหลด และอัปโหลดแพลตฟอร์ม ที่มีการส่งต่อจากช่องทางที่ไม่แน่ใจ โดยกระทรวง ดีอี ได้เร่งดำเนินการปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ทุกรูปแบบร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการเผยแพร่ให้ความรู้เกี่ยวกับการป้องกันภัยอาชญากรรมออนไลน์ ผ่านศูนย์ AOC 1441 เพื่อแก้ไขปัญหาที่ส่งผลกับประชาชนอย่างต่อเนื่อง
หากประชาชนโดนหลอกออนไลน์ โทรแจ้งดำเนินการ ระงับ อายัดบัญชี AOC 1441 แจ้งเบาะแส ข่าวปลอม และอาชญากรรมออนไลน์ทุกรูปแบบ โทรสายด่วน 1111 (24 ชม.) | Line ID: @antifakenewscenter | เว็บไซต์ www.antifakenewscenter.com